ROC curve คืออะไร Rate of Change Indicator และ การใช้งาน

IUX Markets Bonus

1 ROC Curve คืออะไร

ROC curve คืออะไร

Rate-of-Change (ROC) คือ Indicator ที่หาอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคา เป็นตัวชี้วัดอัตราการเปลี่ยนแปลง (Rate of Change: ROC) หรือที่เรียกว่าตัวชี้วัดเสถียรภาพการเคลื่อนไหว (Momentum Indicator) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงร้อยละของราคาระหว่างช่วงเวลาสองจุด

โดยใช้เพื่อจำแนกความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และช่วยให้นักเทรดและนักลงทุนทำการตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้อย่างมีเหตุผล

ถือได้ว่าเป็นการดูโมเมนตัมอย่างตรงไปตรงมามากที่สุด สามารถประยุกต์ใช้งานในการเทรดได้หลากหลาย ถึงแม้จะดูเรียบง่าย แต่ประสิทธิภาพสูงด้วย

  • เครื่องมือที่วัดโมเมนตัม มักจะเหมาะกับตลาดที่เป็น Sideway

2 เครื่องมือที่วัดโมเมนตัม เหมาะกับตลาดที่เป็น Sideway

ลักษณะ Indicator (Rate of Change: ROC)

3 ลักษณะ Indicator (Rate of Change)

 YWO Promotion

Rate of Change (ROC) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้วัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ทางการเงินในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ โดยมีลักษณะดังนี้

การคำนวณ: ROC จะคำนวณจากอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาของสินทรัพย์ภายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถคำนวณได้จากสูตร [(ราคาปัจจุบัน – ราคา n วันก่อน) / ราคา n วันก่อน] x 100

การวิเคราะห์แนวโน้ม: ROC จะช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาว่าเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบ โดยจะแสดงผลลัพธ์เป็นเปอร์เซ็นต์ของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบว่าราคากำลังเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงในช่วงเวลานั้นๆ

4 การสร้างสัญญาณซื้อขาย ROC

การใช้ร่วมกับอื่นๆ ตัวชี้วัดอื่นๆ: ROC สามารถนำมาใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อประเมินความเสี่ยงและเลือกการลงทุนในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างสัญญาณซื้อขาย: ผู้ลงทุนสามารถใช้ ROC เพื่อสร้างสัญญาณซื้อขายโดยการจับคู่กับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรืออินดิเคเตอร์อื่นๆ

การนำ ROC มาใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่นๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) และการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงและเลือกการลงทุนในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

คำนิยาม Rate of Change Indicator

  • คำนิยาม Rate of Change Indicator คือ ใช้เพื่อเป็นตัวบ่งชี้อัตราการเปลี่ยนแปลง (ROC) เป็นออสซิลเลเตอร์โมเมนตัม
  • โดยจะคำนวณเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาระหว่างช่วงเวลาต่างๆ ROC ใช้ราคาปัจจุบันและเปรียบเทียบกับราคา “n” ช่วงเวลา (ผู้ใช้กำหนด) ที่ผ่านมา
  • จากนั้นค่าที่คำนวณได้จะถูกลงจุดและผันผวนเหนือและใต้เส้นศูนย์
  • นักวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจใช้อัตราการเปลี่ยนแปลง (ROC) สำหรับ; การระบุแนวโน้มและการระบุเงื่อนไขการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป

5 คำนิยาม Rate of Change Indicator

พื้นฐาน (ROC)

ข้อมูลส่วนนี้ คือข้อมูลพื้นฐาน ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะรู้กันอยู่แล้ว ว่าอัตราการเปลี่ยนแปลง (ROC) มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับราคา เมื่อราคาเพิ่มขึ้นหรือก้าวหน้า ค่า ROC จะยังคงอยู่เหนือเส้นศูนย์ (ค่าบวก) และเมื่อราคาลดลงหรือลดลง ค่า ROC จะยังคงต่ำกว่าเส้นศูนย์ (ค่าลบ)

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ ROC จะยังเป็นออสซิลเลเตอร์ แต่ก็ไม่ได้จำกัดขอบเขตไว้ตามช่วงเวลาที่ตั้งไว้อย่างเดียว เพราะว่าไม่มีการจำกัดได้ว่า ว่าราคาหลักทรัพย์จะไปได้ไกลแค่ไหน แต่แน่นอนว่ามีขีดจำกัดสำหรับราคาที่สามารถลดลงได้ คือ เอาง่ายๆว่า หากราคาไปที่ $0 แสดงว่าราคาจะไม่ลดลงอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เทรดเดอรืบางคนจะคิดว่า เครื่องมือวิเคราะห์ ROC บางครั้งก็อาจดูเหมือนไม่สมดุลกัน แต่ก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมีหลักการคำนวณไว้ชัดเจนสำหรับเครื่องมือตัวนี้อยู่แล้ว

ROC ในการเทรดได้ วิธีไหนบ้าง

การตรวจสอบจุดสัมผัสของราคา

  • เทรดเดอร์สามารถใช้ ROC เพื่อตรวจสอบจุดสัมผัสของราคากับเส้นคลื่นของ ROC ว่ามีจุดไหนที่ชนกันหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคา

การตัดสินใจซื้อขาย

  • ROC สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ว่าราคาของหลักทรัพย์มีแนวโน้มขึ้นหรือลงในช่วงเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่
  • การใช้สาย ROC ที่วิ่งข้ามเส้นศูนย์ในทิศทางเดียวกันเป็นสัญญาณว่ามีแนวโน้มขึ้นหรือลง

การตัดสินใจในการออกตลาด

  • เมื่อ ROC ระบบสามารถบอกให้เราเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาอยู่ในช่วงสูงสุดหรือต่ำสุด
  • เมื่อค่า ROC เริ่มเคลื่อนที่ลงจากจุดสูงสุดหรือขึ้นจากจุดต่ำสุด
  • เทรดเดอร์สามารถใช้สัญญาณนี้เพื่อตัดสินใจที่จะออกจากตลาดหรือไม่

ค่าที่ใช้ ROC

  • ค่า ROC ที่ใช้ คือ ใช้ราคาปัจจุบันหารด้วยราคาจากช่วงก่อนหน้าที่ระบุไว้
  • แล้วคูณด้วย 100 เพื่อเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบร้อยละ
  • เช่น หากราคาปัจจุบันคือ 50 ดอลลาร์
  • และราคาจาก 10 ช่วงก่อนหน้านั้นเป็น 40 ดอลลาร์
  • ค่า ROC จะเป็น 25% ((50-40)/40 * 100)

ROC สามารถนำไปใช้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ ตั้งแต่ระยะสั้นถึงระยะยาว ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของนักเทรดและสินทรัพย์ที่สนใจ

ค่า ROC บวกแสดงว่าราคากำลังขึ้น ในขณะที่ค่า ROC ลบแสดงว่าราคากำลังลดลง นักเทรดสามารถมองหาความแตกต่างระหว่าง ROC และราคาเพื่อหาสัญญาณเตือนการเปลี่ยนแนวโน้มของราคา

สูตรการคำนวณ

6 สูตรการคำนวณ

ในการคำนวณ ROC แทบจะคำนวณง่ายที่สุดในบรรดา Indicator ทั้งหมด เพราะการคำนวณ ROC นั้นตรงไปตรงมาอย่างมาก เหมือนกับการหาเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคา แค่เทียบต่าง Period กันออกไป

  • ROC = [(Close – Close n periods ago) / (Close n periods ago)] * 100

ใช้  Rate-of-Change การเทรด forex

Rate-of-Change (ROC) คือตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยวัดจากการเปรียบเทียบราคาปัจจุบันกับราคาในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ โดย ROC จะแสดงค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ของการเปลี่ยนแปลง ตัวชี้วัดนี้สามารถใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา รวมถึงการตรวจสอบเส้นสนับสุดท้ายและจุดสูงสุด/ต่ำสุดในกราฟ

ในการเทรด Forex เทรดเดอร์สามารถใช้ ROC เป็นตัวชี้วัดนี้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของคู่เงิน และใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อ-ขาย

  • โดยกำหนดค่า ROC ในช่วงเวลาที่ต้องการตรวจสอบแล้ววิเคราะห์ข้อมูล ROC เพื่อหาสัญญาณการซื้อหรือขาย
    • เช่น หาก ROC ในช่วง 14 วันมีค่าบวก แสดงว่าราคาปัจจุบันมีแนวโน้มขึ้นจาก 14 วันก่อนหน้า
    • ในขณะเดียวกัน หาก ROC ในช่วง 14 วันมีค่าลบ แสดงว่าราคาปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงจาก 14 วันก่อนหน้า
  • ดังนั้น ผู้ใช้ ROC สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจซื้อหรือขายคู่เงิน โดยควรพิจารณาเทรนด์ที่เป็นไปได้ของราคาและสัญญาณอื่นๆ เช่น เส้นสนับสุดท้าย และเทคนิคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด

Overbought and Oversold

การซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ROC ไม่ได้มีขอบเขตเหมือนกับออสซิลเลเตอร์อื่นๆ ด้วยเหตุนี้ การระบุภาวะซื้อเกินและขายเกินจึงอาจตรงไปตรงมาน้อยกว่าเล็กน้อย การรู้ว่าควรวางเกณฑ์ซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไปที่ตำแหน่งใดอาจเป็นเรื่องยาก

วิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย คือ การใช้การรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ทางดู เทรดเดอร์สายเทคนิคสามารถดูการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต เมื่อเทียบกับ ROC เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้น เมื่อตราสารมีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปนั้นเอง

7 Overbought and Oversold

ดูแนวโน้ม

ROC เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการดูแนวโน้มของราคา โดยจะเป็นตัววัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้เราสามารถดูได้ว่าราคาขึ้นหรือลงมากน้อยเท่าไหร่ จากนั้นจึงนำข้อมูล ROC มาวิเคราะห์ เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม การใช้ ROC ในการตัดสินใจเทรดหรือการลงทุนควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อทำให้การตัดสินใจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งการวิเคราะห์กราฟราคาและการจัดการความเสี่ยงยังเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเมื่อทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ด้วย ROC

เราสามารถปรับค่า Period ของ ROC ให้ยาวขึ้น เพื่อที่จะสามารถดูแนวโน้มของราคาได้ โดยทั่วไปจะค่า Period ที่ 250 วัน แทนระยะเวลา 1 ปี (กรณีดูแนวโน้มระยะยาว), 125 วัน แทน ครึ่งปี, 63 วัน แทน 1 ไตรมาส และ 21 วัน แทน 1 เดือน

โดยการดูแนวโน้มนั้นเพียงสังเกตว่า

  • ROC > 0 = แนวโน้มขาขึ้น
  • ROC < 0 = แนวโน้มขาลง

การใช้งาน ROC ใน Tradingview

สรุปโดยประมาฦณสำหรับการใช้ ROC ใน Tradingview

ใน Tradingview นั้นมีการใช้งาน ROC อย่างใช้ง่าย โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  • เลือกหลักทรัพย์ที่ต้องการวิเคราะห์โดยคลิกที่ช่องค้นหาหรือเลือกจาก Watchlist ของเรา
  • เลือกช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ได้ตามต้องการ
  • คลิกที่ปุ่ม “Technical Indicators” ที่ด้านบนของหน้าจอ
  • เลือก ROC จากเมนู “Momentum”
  • สามารถตั้งค่าตามที่ต้องการ อาทิเช่น จำนวนช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ หรือการกำหนดเส้นขอบเขตของ ROC
  • รอดูผลลัพธ์และวิเคราะห์ของ ROC ที่แสดงออกมาบนกราฟของหลักทรัพย์นั้น
  • การใช้งาน ROC ใน Tradingview นี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนและกำหนดการใช้งานตามที่ต้องการได้ โดยมีเครื่องมือและตัวช่วยอื่นๆ ที่มีอยู่ใน Tradingview อีกมากมายที่สามารถใช้งานร่วมกับ ROC ได้ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจเทรดหรือการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

มีขั้นตอน ดังนี้

  • เข้าไปที่ www.tradingview.com
  • Login เพื่อลงชื่อเข้าใช้ ตามความสะดวกของผู้ใช้งาน

8 การใช้งาน ROC ใน Tradingview 1

  • คลิ๊กเลือก Indicator จะแสดงหน้าจอเพื่อให้ Search… Indicator, ROC
  • ซึ่งจะแสดงเครื่องมือต่างๆ ให้สามารถเลือกใช้งานได้

9 การใช้งาน ROC ใน Tradingview 2

  • กรณีหากต้องการเรียกใช้ ROC ใน Tradingview ก็ให้พิมพ์หาที่ช่อง Search ได้เลย ตามภาพประกอบด้านล่าง…

10 การใช้งาน ROC ใน Tradingview 3

  • เมื่อคลิ๊กเลือกแล้ว หน้าจอจะแสดง Indicator ROC ขึ้นมา

11 เมื่อคลิ๊กเลือกแล้ว หน้าจอจะแสดง Indicator ROC ขึ้นมา

  • จะมีเครื่องมือต่างๆ ให้ได้ลองเล่นมากมาย
  • การตั้งค่าก็จะมีให้เลือกตรงเลือกหมายฟันเฟือง มี 3 ส่วนให้เลือกปรับได้

Inputs

12 มี 3 ส่วนให้เลือกปรับได้

13 ปรับ ROC

14 ROC Inputs

Length

  • ช่วงเวลาที่ใช้ในการคำนวณ ROC 9 เป็นค่าเริ่มต้น

Source

  • กำหนดว่าจะใช้ข้อมูลจากแต่ละแถบในการคำนวณ Close is the default.

Style

15 ROC Style

ROC

  • สามารถสลับการมองเห็นของ ROC เช่น เดียวกับการมองเห็นเส้นราคาที่แสดงราคาปัจจุบันที่แท้จริงของ ROC
  • นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสี ความหนาของเส้น และรูปแบบการมองเห็นของ ROC Line

Precision

  • ตั้งค่าจำนวนตำแหน่งทศนิยมที่จะทิ้งไว้ในค่าของตัวบ่งชี้ก่อนที่จะปัดเศษขึ้น
  • ยิ่งตัวเลขนี้สูง จุดทศนิยมก็จะมากขึ้นตามค่าของตัวบ่งชี้

การใช้งาน ROC ใน MT4

ใน MT4 (MetaTrader 4) ผู้ใช้สามารถใช้งานตัวชี้วัด Rate-of-Change (ROC) ได้โดยการทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  • เปิดกราฟของคู่เงินที่ต้องการเทรด
  • คลิกที่เมนู “Insert” และเลือก “Indicators” เพื่อเลือกตัวชี้วัด ROC
  • เลือก “Oscillators” และเลือกตัวชี้วัด ROC
  • จะปรากฏหน้าต่าง “ROC Properties” ให้ตั้งค่า Period หรือช่วงเวลาของ ROC ตามที่ต้องการ
  • คลิก OK เพื่อนำตัวชี้วัด ROC มาแสดงบนกราฟ

เมื่อตัวชี้วัด ROC แสดงบนกราฟ ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้จากค่า ROC ในช่วงเวลาที่ต้องการ โดยทั่วไปแล้ว ROC จะถูกตั้งค่าให้เป็นช่วงเวลา 14 วัน แต่ผู้ใช้สามารถปรับค่านี้ได้ตามต้องการ

ผู้ใช้สามารถใช้ ROC เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเทรด Forex โดยการหาจุดที่ค่า ROC บวกหรือลบสลับกันและสังเกตุว่าเส้นสนับสุดท้ายของกราฟตัวราคากำลังตามหรือข้างหลังของแนวโน้มนั้น สำหรับการซื้อหรือขาย ผู้ใช้สามารถใช้สัญญาณราคาอื่นๆ

เช่น Moving Average (MA) เพื่อเสริมความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเทรดในแนวโน้มเดียวกันได้ การใช้ ROC ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความถูกต้องในการตัดสินใจ

16 เพื่อเพิ่มความถูกต้องในการตัดสินใจ

สำหรับ MT4 จะใช้คํานวณสําหรับความแตกต่างระหว่างราคาปิดปัจจุบันและราคาปิด N รอบระยะเวลาก่อนรอบระยะเวลาปัจจุบัน

  • จากนั้นจะหารความแตกต่างที่เกิดขึ้นด้วยราคาปิด N รอบระยะเวลาก่อนรอบระยะเวลาปัจจุบัน
  • ผลลัพธ์จะถูกคูณด้วย 100 เมื่อได้เป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาจากรอบระยะเวลาก่อนหน้านี้
  • ผลลัพธ์จะถูกพล็อตเป็นเส้นที่ไม่มีขอบเขตที่สั่นได้อย่างอิสระรอบจุดกึ่งกลางของศูนย์

17 ผลลัพธ์จะถูกพล็อตเป็นเส้นที่ไม่มีขอบเขต

18 การตั้งค่า ในการซื้อ

19 การตั้งค่าในการขาย

สรุป

ROC มีสิ่งสำคัญ คือ ต้องจำไว้ว่า ROC สามารถสร้างสัญญาณบางอย่างได้ก็จริง แต่จะมีประสิทธิภาพ มากที่สุด เมื่อยืนยันสัญญาณหรือเงื่อนไขที่ระบุโดยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม หรือเป้นการเรียกเครื่องมืออื่นๆมาวิเคราะห์ร่วมด้วย อย่างโมเมนตัมก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา และ ROC วิเคราะห์โมเมนตัมได้ค่อนข้างดี ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดีตัวหนึ่ง

ROC เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรดและนักลงทุนในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ในแต่ละช่วงเวลา ต้องการคำนวณ ROC จะเป็นการวัดร้อยละของการเปลี่ยนแปลงของราคาระหว่าง 2 จุดในเวลาที่กำหนดไว้

ROC สามารถใช้ในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ช่วงสั้นไปจนถึงช่วงยาวขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของนักเทรด และสินทรัพย์ที่ได้รับการวิเคราะห์ การค่า ROC บวกแสดงว่าราคากำลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ROC ลบแสดงว่าราคากำลังลดลง นักเทรดอาจมองหาการแตกต่างระหว่าง ROC และราคาเพื่อสำหรับการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคาในอนาคต โดยรวมแล้ว ROC เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรดและนักลงทุน

แต่อย่างไรก็ตาม ควรใช้ ROC ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ และไม่ควรใช้ ROC เพียงอย่างเดียวเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุน

 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser