ซาโตชิ นากาโมโตะ (Satoshi Nagamoto)

IUX Markets Bonus

1. บทนำ

ซาโตชิ นากาโมโต (Satoshi Nakamoto) คือนามแฝงของบุคคลหรือกลุ่มคนที่พัฒนาบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่โด่งดังทุกวันนี้ เขาเป็นคนเขียนเอกสารทางเทคนิค (White Paper) ของบิตคอยน์ และสร้างรวมถึงเผยแพร่ระบบปฏิบัติการต้นแบบของบิตคอยน์ (Nakamoto, 2008) ในฐานะผู้ก่อตั้งสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ผลงานของนากาโมโตได้สร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวงการการเงินและเทคโนโลยี แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 21 (Bearman, 2017)

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

2. การกำเนิดของบิตคอยน์

2.1 เอกสารทางเทคนิค (White Paper)

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2008 นากาโมโตได้ตีพิมพ์เอกสารทางเทคนิคชื่อ “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System” บนเมลลิ่งลิสต์เกี่ยวกับรหัสลับที่ metzdowd.com (Nakamoto, 2008) เอกสารนี้ได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องพึ่งพาองค์กรกลางหรือสถาบันการเงิน

นวัตกรรมสำคัญที่นำเสนอในเอกสารนี้ประกอบด้วย:

  1. เครือข่ายแบบ Peer-to-Peer เพื่อป้องกันการใช้จ่ายซ้ำซ้อน
  2. ระบบ Proof-of-Work สำหรับการตรวจสอบธุรกรรม
  3. บัญชีแยกประเภทสาธารณะ (ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ บล็อกเชน) เพื่อบันทึกธุรกรรมทั้งหมด

2.2 Genesis Block

Bit Coin Genesis Block
Bit Coin Genesis Block

ในวันที่ 3 มกราคม 2009 นากาโมโตได้ขุด “Genesis Block” หรือบล็อกแรกของบิตคอยน์ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของสกุลเงินดิจิทัลนี้ (Davis, 2011) บล็อกแรกนี้มีข้อความแฝงที่อ้างอิงถึงพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษที่ว่า “Chancellor on brink of second bailout for banks” ซึ่งสะท้อนถึงวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในขณะนั้นและเจตนารมณ์ของนากาโมโตในการสร้างระบบการเงินทางเลือก (Elliott & Duncan, 2009)

3. การพัฒนาบิตคอยน์

นากาโมโตยังคงมีส่วนร่วมในการพัฒนาซอฟต์แวร์บิตคอยน์จนถึงกลางปี 2010 โดยทำการแก้ไขโค้ดต้นฉบับด้วยตนเองทั้งหมด (Wallace, 2011) การมีส่วนร่วมของเขาในช่วงนี้รวมถึง:

  1. การแก้ไขข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์
  2. การเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ
  3. การตอบคำถามและให้คำแนะนำแก่นักพัฒนาคนอื่นๆ ในฟอรัมออนไลน์

หลังจากนั้น เขาได้มอบการควบคุมที่เก็บโค้ดต้นฉบับ (source code repository) และคีย์แจ้งเตือนเครือข่ายให้กับ Gavin Andresen นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวอเมริกัน และโอนโดเมนที่เกี่ยวข้องให้กับสมาชิกที่โดดเด่นในชุมชนบิตคอยน์ (Bosker, 2013)

4. ลักษณะและตัวตน

 YWO Promotion

ตลอดช่วงเวลาที่มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ นากาโมโตไม่เคยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใดๆ เมื่อพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นทางเทคนิค แต่บางครั้งก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบธนาคารและระบบสำรองเงินบางส่วน (fractional-reserve banking) (Wallace, 2011)

ในโปรไฟล์บน P2P Foundation เมื่อปี 2012 นากาโมโตอ้างว่าเป็นชายชาวญี่ปุ่นวัย 37 ปี แต่หลายคนสงสัยว่าเขาอาจไม่ใช่คนญี่ปุ่นเนื่องจากใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษา (Nakamoto, n.d.)

ลักษณะเฉพาะบางประการของนากาโมโตที่นักวิเคราะห์สังเกตได้ ประกอบด้วย:

  1. การใช้ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ เช่น คำว่า “bloody hard”, “flat” และ “maths” รวมถึงการสะกดคำแบบอังกฤษ เช่น “grey” และ “colour” (Davis, 2011)
  2. รูปแบบการโพสต์ในฟอรัมที่แสดงให้เห็นว่านากาโมโตอาจอาศัยอยู่ในโซนเวลาของอเมริกาเหนือหรือยุโรปมากกว่าญี่ปุ่น (Wallace, 2011)

5. ตัวตนที่แท้จริง

ตัวตนที่แท้จริงของนากาโมโตยังคงเป็นปริศนา แต่มีการคาดเดากันอย่างกว้างขวางว่าใครคือบุคคลหรือกลุ่มคนเบื้องหลังนามแฝงนี้ การคาดเดาส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ผู้เชี่ยวชาญด้านรหัสลับและวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยส่วนใหญ่ไม่ใช่คนเชื้อสายญี่ปุ่น (Wallace, 2011)

ผู้ที่ถูกคาดเดาว่าอาจเป็นซาโตชิ นากาโมโต ได้แก่:

5.1 Hal Finney

Hal Finney (4 พฤษภาคม 1956 – 28 สิงหาคม 2014) เป็นนักพัฒนารหัสลับยุคแรกก่อนเกิดบิตคอยน์และเป็นบุคคลแรก (นอกเหนือจากนากาโมโตเอง) ที่ใช้ซอฟต์แวร์บิตคอยน์ รายงานข้อบกพร่อง และปรับปรุงระบบ นอกจากนี้ เขายังอาศัยอยู่ใกล้กับชายคนหนึ่งชื่อ Dorian Satoshi Nakamoto ซึ่งทำให้เกิดการคาดเดาว่าทั้งสองอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างบิตคอยน์ (Greenberg, 2014)

อย่างไรก็ตาม Finney ได้ปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่ซาโตชิ นากาโมโต และหลักฐานต่างๆ ก็สนับสนุนคำปฏิเสธของเขา

5.2 Nick Szabo

Nick Szabo เป็นนักวิทยาการคอมพิวเตอร์และนักกฎหมายที่มีความสนใจในสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ เขาเคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ “bit gold” ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นแบบของบิตคอยน์ Szabo เป็นที่รู้จักในการใช้นามแฝงในช่วงทศวรรษ 1990 และมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่สอดคล้องกับแนวคิดของบิตคอยน์ (Davis, 2011)

ในปี 2013 นักวิเคราะห์ข้อมูลชื่อ Skye Grey ได้เชื่อมโยง Szabo กับเอกสารทางเทคนิคของบิตคอยน์โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ลักษณะการเขียน (stylometric analysis) (Grey, 2013) อย่างไรก็ตาม Szabo ได้ปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่ซาโตชิ นากาโมโต

5.3 Craig Wright

Craig Steven Wright นักวิชาการชาวออสเตรเลีย ได้อ้างตัวว่าเป็นซาโตชิ นากาโมโตในปี 2016 แต่หลักฐานที่เขานำเสนอถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าไม่น่าเชื่อถือ (Greenberg & Branwen, 2015)

ในเดือนมีนาคม 2024 ศาลสูงของสหราชอาณาจักรได้ตัดสินว่า Wright ไม่ใช่ซาโตชิ นากาโมโต โดยระบุว่าเอกสารที่ยื่นเป็นหลักฐานเพื่อสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ของ Wright เป็นเอกสารปลอม และ Wright ได้โกหกศาลอย่างกว้างขวางและซ้ำแล้วซ้ำเล่า (Tidy, 2024)

6. ผลกระทบและมรดกทางความคิด

แม้ว่าตัวตนที่แท้จริงของซาโตชิ นากาโมโตจะยังคงเป็นปริศนา แต่ผลงานของเขาได้สร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อโลกการเงินและเทคโนโลยี

6.1 การปฏิวัติระบบการเงิน

บิตคอยน์ได้จุดประกายการปฏิวัติในระบบการเงินโลก นำไปสู่การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอื่นๆ อีกมากมาย (Antonopoulos, 2017) ผลกระทบที่สำคัญ ได้แก่:

  1. การสร้างระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ที่ไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม
  2. การลดต้นทุนและเวลาในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
  3. การเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน
  4. การสร้างโอกาสทางการเงินให้กับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร (unbanked population)

6.2 นวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชน

แนวคิดของบล็อกเชนที่นากาโมโตนำเสนอในบิตคอยน์ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมนอกเหนือจากการเงิน (Tapscott & Tapscott, 2016) เช่น:

  1. ห่วงโซ่อุปทาน: เพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนกลับได้
  2. การแพทย์: จัดเก็บประวัติการรักษาและแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์อย่างปลอดภัย
  3. การเลือกตั้ง: สร้างระบบลงคะแนนเสียงที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
  4. ทรัพย์สินทางปัญญา: บริหารจัดการลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร

6.3 แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์

นากาโมโตได้นำเสนอแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญผ่านการออกแบบบิตคอยน์ (Ammous, 2018) เช่น:

  1. การจำกัดปริมาณสกุลเงิน: บิตคอยน์ถูกออกแบบให้มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งต่างจากเงินตราทั่วไปที่สามารถพิมพ์เพิ่มได้
  2. การลดอัตราเงินเฟ้อ: อัตราการสร้างบิตคอยน์ใหม่จะลดลงครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี (halving)
  3. การสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ: ระบบรางวัล (mining rewards) ที่กระตุ้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

7. การวิเคราะห์เชิงลึก

7.1 ความสำคัญของการไม่เปิดเผยตัวตน

การที่ซาโตชิ นากาโมโตยังคงเป็นปริศนามีนัยสำคัญหลายประการ:

  1. ความเป็นกลางทางการเมือง: การไม่มีผู้นำที่เป็นบุคคลช่วยให้บิตคอยน์เติบโตเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ขึ้นกับอำนาจใดๆ (Popper, 2015)
  2. การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง: ไม่มีบุคคลหรือกลุ่มใดที่สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงโปรโตคอลของบิตคอยน์ได้โดยง่าย
  3. ความปลอดภัยส่วนบุคคล: การปกปิดตัวตนช่วยปกป้องผู้สร้างจากความเสี่ยงทางกฎหมายและความปลอดภัย

7.2 ผลกระทบต่อการกำกับดูแล

การไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของผู้สร้างบิตคอยน์ส่งผลต่อการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลในหลายประเทศ (De Filippi & Wright, 2018):

  1. ความท้าทายในการกำหนดกฎระเบียบ: หน่วยงานกำกับดูแลต้องพัฒนากฎหมายใหม่ๆ เพื่อรองรับเทคโนโลยีที่ไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรง
  2. การต่อต้านการฟอกเงิน: เกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้สกุลเงินดิจิทัลในกิจกรรมผิดกฎหมาย
  3. การเก็บภาษี: เกิดความท้าทายในการติดตามและเก็บภาษีจากธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล

8. บทสรุป

ซาโตชิ นากาโมโตยังคงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ลึกลับและน่าสนใจที่สุดในประวัติศาสตร์เทคโนโลยีสมัยใหม่ แม้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาอาจไม่มีวันถูกเปิดเผย แต่ผลงานและแนวคิดของเขาได้เปลี่ยนแปลงโลกไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ

บิตคอยน์และเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เขาริเริ่มได้เปิดศักราชใหม่ของนวัตกรรมทางการเงินและการกระจายอำนาจ ซึ่งจะยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและสังคมในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า (Swan, 2015)

การศึกษาเกี่ยวกับซาโตชิ นากาโมโตและผลงานของเขายังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักวิชาการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย เนื่องจากแนวคิดของเขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการที่เราคิดเกี่ยวกับเงินและการทำธุรกรรม แต่ยังท้าทายแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับความไว้วางใจ ความเป็นส่วนตัว และการกระจายอำนาจในยุคดิจิทัล

อ้างอิง

 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser