True Strength Indicator คืออะไร มีวิธีใช้งานอย่างไร

IUX Markets Bonus

True Strength Indicator คืออะไร

True Strength Indicator (TSI) คือ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้วัดโมเมนตัมของราคา โดยเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด TSI มีลักษณะเป็น oscillator ที่แกว่งตัวระหว่าง -100 ถึง +100 โดยมีเส้นกลางที่ 0

True Strength Indicator (TSI) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน โดยเฉพาะในตลาด Forex และหุ้น เครื่องมือนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย William Blau ในปี 1991 เพื่อวัดโมเมนตัมของราคาและระบุจุดที่ราคาอาจกลับตัว TSI เป็นตัวบ่งชี้ประเภท oscillator ที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและสามารถให้สัญญาณการซื้อขายได้หลากหลายรูปแบบ

True Strength Indicator (TSI)
True Strength Indicator (TSI)

TSI ประกอบด้วยสองเส้น:

  1. เส้น TSI หลัก (Index Line): แสดงค่า TSI ในแต่ละจุด
  2. เส้นสัญญาณ (Signal Line): เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (Exponential Moving Average, EMA) ของเส้น TSI หลัก

แนวคิดหลักของ TSI คือ:

  • เมื่อ TSI มีค่าเป็นบวก แสดงว่าโมเมนตัมเป็นบวก (แนวโน้มขาขึ้น)
  • เมื่อ TSI มีค่าเป็นลบ แสดงว่าโมเมนตัมเป็นลบ (แนวโน้มขาลง)
  • ยิ่งค่า TSI อยู่ห่างจากเส้นกลาง (0) มากเท่าไร ยิ่งแสดงถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

วิธีการคำนวณ True Strength Indicator

การคำนวณ TSI มีขั้นตอนที่ซับซ้อนพอสมควร โดยมีสูตรดังนี้:

TSI = (PCDS / APCDS) x 100

 YWO Promotion

โดยที่:

  • PCDS = PC Double Smoothed
  • APCDS = Absolute PC Double Smoothed
  • PC = Price Change (การเปลี่ยนแปลงของราคา)

ขั้นตอนการคำนวณมีดังนี้:

  1. คำนวณการเปลี่ยนแปลงของราคา (PC): PC = ราคาปิดปัจจุบัน – ราคาปิดก่อนหน้า
  2. คำนวณค่าสัมบูรณ์ของการเปลี่ยนแปลงของราคา (APC): APC = |PC|
  3. คำนวณ First Smoothing: PCS = EMA(PC, 25) APCS = EMA(APC, 25)
  4. คำนวณ Double Smoothing: PCDS = EMA(PCS, 13) APCDS = EMA(APCS, 13)
  5. คำนวณค่า TSI: TSI = (PCDS / APCDS) x 100
  6. คำนวณเส้นสัญญาณ: Signal Line = EMA(TSI, 7)

หมายเหตุ: EMA คือ Exponential Moving Average, ตัวเลข 25, 13, และ 7 เป็นค่าเริ่มต้นที่นิยมใช้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

การตั้งค่า True Strength Indicator

การตั้งค่า TSI มีพารามิเตอร์หลักๆ ดังนี้:

  1. First Smoothing Period: จำนวนคาบเวลาที่ใช้ในการคำนวณ EMA แรก (ค่าเริ่มต้นมักเป็น 25)
  2. Second Smoothing Period: จำนวนคาบเวลาที่ใช้ในการคำนวณ EMA ที่สอง (ค่าเริ่มต้นมักเป็น 13)
  3. Signal Line Period: จำนวนคาบเวลาที่ใช้ในการคำนวณเส้นสัญญาณ (ค่าเริ่มต้นมักเป็น 7)
  4. Overbought Level: ระดับที่ถือว่าเป็นภาวะ overbought (มักใช้ค่าระหว่าง 20 ถึง 30)
  5. Oversold Level: ระดับที่ถือว่าเป็นภาวะ oversold (มักใช้ค่าระหว่าง -20 ถึง -30)

การปรับแต่งค่าเหล่านี้จะส่งผลต่อความไวและความแม่นยำของ TSI ดังนี้:

  • การเพิ่มค่า Smoothing Period จะทำให้ตัวบ่งชี้มีความเรียบมากขึ้น แต่อาจตอบสนองช้าลง
  • การลดค่า Smoothing Period จะทำให้ตัวบ่งชี้ไวขึ้น แต่อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ง่าย
  • การปรับระดับ Overbought และ Oversold จะส่งผลต่อความถี่ของสัญญาณที่เกิดขึ้น

วิธีการใช้งาน True Strength Indicator

TSI สามารถใช้งานได้หลากหลายวิธี ต่อไปนี้เป็นวิธีการใช้งานที่พบบ่อย:

  1. การระบุภาวะ Overbought และ Oversold:
    • เมื่อ TSI สูงกว่าระดับ Overbought ถือว่าตลาดอยู่ในภาวะ overbought อาจพิจารณาขาย
    • เมื่อ TSI ต่ำกว่าระดับ Oversold ถือว่าตลาดอยู่ในภาวะ oversold อาจพิจารณาซื้อ
  2. การหาจุดตัด (Crossovers):
    • Centerline Crossover: เมื่อเส้น TSI ตัดผ่านเส้นกลาง (0) จากล่างขึ้นบนเป็นสัญญาณซื้อ และจากบนลงล่างเป็นสัญญาณขาย
    • Signal Line Crossover: เมื่อเส้น TSI ตัดขึ้นผ่านเส้นสัญญาณเป็นสัญญาณซื้อ และตัดลงผ่านเส้นสัญญาณเป็นสัญญาณขาย
  3. การหา Divergence:
    • Bullish Divergence: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ TSI ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ เป็นสัญญาณที่ราคาอาจกลับตัวขึ้น
    • Bearish Divergence: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ TSI ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ เป็นสัญญาณที่ราคาอาจกลับตัวลง
  4. การใช้ร่วมกับแนวโน้มหลัก:
    • ในแนวโน้มขาขึ้น: มองหาสัญญาณซื้อเมื่อ TSI กลับขึ้นมาจากระดับ oversold
    • ในแนวโน้มขาลง: มองหาสัญญาณขายเมื่อ TSI กลับลงมาจากระดับ overbought
  5. การใช้เป็นตัวบ่งชี้โมเมนตัม:
    • TSI สูงกว่า 0 บ่งชี้ว่าโมเมนตัมเป็นบวก
    • TSI ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ว่าโมเมนตัมเป็นลบ

กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ True Strength Indicator

กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ TSI
กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ TSI
  1. กลยุทธ์ Mean Reversion:
    • เข้าซื้อเมื่อ TSI ต่ำกว่าระดับ Oversold และเริ่มกลับตัวขึ้น
    • เข้าขายเมื่อ TSI สูงกว่าระดับ Overbought และเริ่มกลับตัวลง
    • ตั้ง Stop Loss ที่จุดสูงสุดหรือต่ำสุดล่าสุด
    • ตั้ง Take Profit ที่ค่ากลาง (0) ของ TSI
  2. กลยุทธ์ Trend Following:
    • ในแนวโน้มขาขึ้น: เข้าซื้อเมื่อ TSI ตัดขึ้นผ่านเส้นกลาง (0)
    • ในแนวโน้มขาลง: เข้าขายเมื่อ TSI ตัดลงผ่านเส้นกลาง (0)
    • ใช้ Moving Average ยาวเพื่อยืนยันแนวโน้มหลัก
  3. กลยุทธ์ Signal Line Crossover:
    • เข้าซื้อเมื่อเส้น TSI ตัดขึ้นผ่านเส้นสัญญาณ
    • เข้าขายเมื่อเส้น TSI ตัดลงผ่านเส้นสัญญาณ
    • ใช้ร่วมกับระดับ Overbought/Oversold เพื่อกรองสัญญาณ
  4. กลยุทธ์ Divergence:
    • มองหา Bullish Divergence เพื่อเข้าซื้อ
    • มองหา Bearish Divergence เพื่อเข้าขาย
    • ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวรับแนวต้านเพื่อหาจุดเข้าเทรดที่ดี
  5. กลยุทธ์ Momentum:
    • เข้าซื้อเมื่อ TSI เพิ่งข้ามเส้น 0 จากล่างขึ้นบนและยังคงมีแนวโน้มขึ้นต่อ
    • เข้าขายเมื่อ TSI เพิ่งข้ามเส้น 0 จากบนลงล่างและยังคงมีแนวโน้มลงต่อ
    • ใช้ความชันของ TSI เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของโมเมนตัม

ข้อควรระวังในการใช้ True Strength Indicator

แม้ว่า True Strength Indicator จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อควรระวังในการใช้งาน ดังนี้:

  1. สัญญาณหลอก (False Signals):
    • TSI อาจให้สัญญาณหลอกบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Ranging Market)
    • ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ
  2. ความล่าช้าของสัญญาณ:
    • เนื่องจาก TSI ใช้การ smooth ข้อมูลหลายครั้ง จึงอาจให้สัญญาณช้ากว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาจริง
    • อาจทำให้พลาดโอกาสในการเข้าเทรดในจังหวะที่ดีที่สุด
  3. การใช้งานในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน (Trending Markets):
    • TSI อาจให้สัญญาณ overbought หรือ oversold เป็นเวลานานในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
    • ไม่ควรใช้สัญญาณ overbought/oversold เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเข้าเทรด ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
  4. การปรับแต่งพารามิเตอร์:
    • การปรับแต่งพารามิเตอร์มากเกินไปอาจนำไปสู่การ Overfitting กับข้อมูลในอดีต ซึ่งอาจไม่มีประสิทธิภาพในอนาคต
    • ควรทดสอบการตั้งค่าต่างๆ บนข้อมูลในอดีต (Backtesting) และทดลองใช้บนบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนนำไปใช้จริง
  5. ความเหมาะสมกับกรอบเวลา (Timeframe):
    • TSI อาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในแต่ละกรอบเวลา
    • ควรเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตนเอง และใช้การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา (Multiple Timeframe Analysis) เพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุม

การเปรียบเทียบ True Strength Indicator กับตัวบ่งชี้อื่น

  1. TSI vs. Relative Strength Index (RSI):
    • TSI มีความซับซ้อนในการคำนวณมากกว่า RSI
    • TSI มักจะให้สัญญาณที่ช้ากว่า RSI แต่อาจมีความแม่นยำมากกว่า
    • RSI มีระดับ overbought/oversold ที่ชัดเจน (70/30) ในขณะที่ TSI ไม่มีระดับตายตัว
  2. TSI vs. Moving Average Convergence Divergence (MACD):
    • TSI เป็น oscillator ที่มีขอบเขตจำกัด (-100 ถึง +100) ในขณะที่ MACD ไม่มีขอบเขตจำกัด
    • TSI มักจะให้สัญญาณเร็วกว่า MACD
    • MACD มักจะใช้ในการระบุแนวโน้มระยะยาว ในขณะที่ TSI มักจะใช้ในการหาจุดกลับตัวระยะสั้น
  3. TSI vs. Stochastic Oscillator:
    • TSI ใช้การคำนวณที่ซับซ้อนกว่า Stochastic Oscillator
    • Stochastic Oscillator มักจะให้สัญญาณเร็วกว่า TSI
    • TSI มักจะมีความผันผวนน้อยกว่า Stochastic Oscillator
  4. TSI vs. Commodity Channel Index (CCI):
    • TSI และ CCI ทั้งคู่ใช้วัดโมเมนตัมของราคา
    • CCI มักจะมีความผันผวนมากกว่า TSI
    • TSI มักจะให้สัญญาณที่ช้ากว่าแต่อาจมีความน่าเชื่อถือมากกว่า CCI
  5. TSI vs. Williams %R:
    • TSI มีการ smooth ข้อมูลมากกว่า Williams %R
    • Williams %R มักจะให้สัญญาณเร็วกว่า TSI
    • TSI มักจะมีความผันผวนน้อยกว่า Williams %R

การทดสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของ True Strength Indicator

การทดสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของ TSI เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการทดสอบและปรับปรุง TSI:

  1. การทำ Backtesting:
    • ทดสอบ TSI กับข้อมูลราคาย้อนหลัง
    • ปรับแต่งพารามิเตอร์เพื่อหาค่าที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับสินทรัพย์และกรอบเวลาที่เฉพาะเจาะจง
    • ใช้ซอฟต์แวร์ Backtesting เพื่อทดสอบกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ
  2. การใช้ Walk-Forward Analysis:
    • แบ่งข้อมูลเป็นส่วน In-sample และ Out-of-sample
    • ทดสอบและปรับแต่งพารามิเตอร์บนข้อมูล In-sample แล้วทดสอบกับข้อมูล Out-of-sample
    • ทำซ้ำกระบวนการนี้หลายๆ ครั้งเพื่อประเมินความสม่ำเสมอของผลลัพธ์
  3. การวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis):
    • ทดสอบผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงพารามิเตอร์แต่ละตัวต่อประสิทธิภาพของ TSI
    • หาช่วงของพารามิเตอร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีเสถียรภาพ
  4. การใช้ Machine Learning ในการหาค่าพารามิเตอร์ที่เหมาะสม:
    • ใช้เทคนิค Optimization เช่น Genetic Algorithms หรือ Neural Networks
    • หาชุดพารามิเตอร์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
    • ระวังการ Overfitting โดยใช้เทคนิค Cross-validation
  5. การทดสอบในสภาวะตลาดที่หลากหลาย:
    • ทดสอบ TSI ในช่วงตลาดขาขึ้น ขาลง และแกว่งตัว
    • ปรับแต่งพารามิเตอร์ให้มีประสิทธิภาพในทุกสภาวะตลาด หรือพิจารณาใช้ชุดพารามิเตอร์ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละสภาวะตลาด
  6. การประเมินผลการทดสอบ:
    • พิจารณาทั้งผลตอบแทน (Return) และความเสี่ยง (Risk)
    • ใช้ตัวชี้วัดประสิทธิภาพต่างๆ เช่น Sharpe Ratio, Maximum Drawdown, Win Rate
    • วิเคราะห์ความสม่ำเสมอของผลลัพธ์ในช่วงเวลาต่างๆ

สรุป

True Strength Indicator (TSI) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการระบุสภาวะ overbought และ oversold รวมถึงการหาจุดกลับตัวของราคา ด้วยการคำนวณที่ซับซ้อนและการ smooth ข้อมูลหลายครั้ง ทำให้ TSI สามารถลดสัญญาณหลอกและเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณได้ แต่ก็อาจทำให้สัญญาณช้าลงเช่นกัน

ประเด็นสำคัญที่ควรจำเกี่ยวกับ True Strength Indicator:

  1. ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง: TSI สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ได้หลากหลาย ทำให้สามารถปรับใช้ได้กับหลายสภาวะตลาดและสไตล์การเทรด
  2. การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก ควรใช้ TSI ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ
  3. ความสำคัญของการทดสอบ: การทำ Backtesting และ Forward Testing มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ
  4. ความเข้าใจในข้อจำกัด: TSI อาจให้สัญญาณช้าในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง
  5. การปรับตัวตามสภาวะตลาด: ควรปรับแต่งพารามิเตอร์ของ TSI ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

คำแนะนำสุดท้ายสำหรับการใช้งาน True Strength Indicator:

  1. เริ่มต้นด้วยการใช้ค่าพารามิเตอร์มาตรฐาน (เช่น 25, 13, 7) และค่อยๆ ปรับแต่งตามความเหมาะสม
  2. ทดลองใช้ TSI บนบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนนำไปใช้กับเงินจริง
  3. ใช้ TSI เป็นส่วนหนึ่งของระบบการเทรดที่ครอบคลุม ไม่ควรใช้เพียงตัวเดียวในการตัดสินใจเทรด
  4. ศึกษาและทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของ TSI ในสินทรัพย์และกรอบเวลาที่คุณสนใจเทรด
  5. ติดตามและประเมินผลการใช้งาน TSI อย่างสม่ำเสมอ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หากพบว่าประสิทธิภาพลดลง
  6. พัฒนาความเข้าใจในปัจจัยพื้นฐานของตลาดควบคู่ไปกับการใช้เครื่องมือทางเทคนิค เพื่อให้มีมุมมองที่ครอบคลุมในการวิเคราะห์ตลาด

ในท้ายที่สุด True Strength Indicator เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักเทรดที่ต้องการวิเคราะห์โมเมนตัมของตลาดและหาจุดเข้าออกที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเทรดระยะกลางถึงยาว อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ความสำเร็จในการใช้งานขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่ถ่องแท้ในหลักการทำงาน การปรับแต่งที่เหมาะสม และการใช้งานร่วมกับเครื่องมือและวิธีการวิเคราะห์อื่นๆ

การฝึกฝนและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก True Strength Indicator ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเทรดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการระบุจุดกลับตัวของราคา การยืนยันแนวโน้ม หรือการหาจุดเข้าออกที่เหมาะสม TSI สามารถเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในชุดเครื่องมือการเทรดของคุณ หากใช้อย่างถูกต้องและมีวินัย

นอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการกำหนด Stop Loss ที่เหมาะสม การจัดการขนาดการเทรด และการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หลายประเภท การใช้ TSI ควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเทรดที่ครอบคลุมและมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี

สุดท้ายนี้ การเทรดในตลาดการเงินมีความเสี่ยงสูง และไม่มีเครื่องมือหรือกลยุทธ์ใดที่รับประกันผลกำไรได้ 100% การศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด ใช้ True Strength Indicator เป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ แต่อย่าลืมใช้วิจารณญาณและการวิเคราะห์ของคุณเองประกอบด้วยเสมอ

อ้างอิง

  1. Blau, W. (1991). “The True Strength Index”. (Technical Analysis of) Stocks & Commodities, 9(11), 11-18.
  2. Murphy, J. J. (1999). Technical Analysis of the Financial Markets: A Comprehensive Guide to Trading Methods and Applications. New York Institute of Finance.
  3. Pring, M. J. (2002). Technical Analysis Explained: The Successful Investor’s Guide to Spotting Investment Trends and Turning Points. McGraw-Hill.
  4. Elder, A. (2002). Come Into My Trading Room: A Complete Guide to Trading. John Wiley & Sons.
  5. Investopedia. (2024). True Strength Index (TSI). Retrieved from https://www.investopedia.com/terms/t/tsi.asp
  6. FXOpen. (2023). How to Use the True Strength Indicator to Spot Trends. Retrieved from [source URL]
  7. TradingView. (2024). True Strength Index (TSI). Retrieved from https://www.tradingview.com/scripts/truestrengthindex/
  8. StockCharts.com. (2024). True Strength Index (TSI). Retrieved from https://school.stockcharts.com/doku.php?id=technical_indicators:true_strength_index
 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser