Open interest (OI) คืออะไร ทำความรู้จักกับ OI แบบต่าง ๆ

IUX Markets Bonus

Open interest (OI) คืออะไร

Open interest (OI) คืออะไร

Open Interest (OI) คือ “สถานะคงคาง” ความสนใจทั้งหมดหรือจำนวนสัญญาที่ยังคงเปิดอยู่ในตลาดทรัพย์สินที่มีการซื้อขายผ่านสัญญาซื้อขาย (Futures) หรือสัญญาตัวเลือก (Options) ในระหว่างนักลงทุน ค่า Open Interest ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนสัญญาที่ยังคงเปิดอยู่ในตลาดในแต่ละวัน ซึ่งสามารถใช้ เพื่อวิเคราะห์และประเมินความเคลื่อนไหวของตลาด นักลงทุนสามารถใช้ Open Interest เพื่อตรวจสอบแนวโน้มตลาดว่ามีความสนใจเพิ่มขึ้นหรือลดลงในสัญญาที่กำลังซื้อขายอยู่

ในตลาดการเงินและตลาดอนุพันธ์ สถานะคงค้าง (OI) ไม่มีผู้บัญญัติที่กำหนดเป็นผู้ควบคุมโดยตรง สถานะคงค้างเป็นผลลัพธ์ของกิจกรรมการซื้อขายในตลาดซึ่งนับจากจำนวนสัญญาที่ยังคงเปิดอยู่ในระบบ และจะเปลี่ยนแปลงตามกิจกรรมการซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาดโดยทั่วไป สถานะคงค้าง OI ถูกบันทึกและรายงาน โดยผู้ให้บริการตลาด อาจเป็นตลาดทางการเงินเช่นตลาดหลักทรัพย์ ตลาดอนุพันธ์ เป็นต้น ผู้บัญญัติทางการเงินหรือผู้ควบคุมตลาดอาจเป็นหน่วยงานรัฐบาล เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกรณีของประเทศไทย

การเฝ้าระวังและวิเคราะห์สถานะคงค้าง OI จะต้องพิจารณาข้อมูลที่ได้รับจากผู้ให้บริการตลาดหรือแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้ อันเป็นผู้บัญญัติในการรายงานสถานะคงค้าง OI ให้นักลงทุนและผู้สนใจในตลาดได้รู้

OI เปลี่ยนแปลง คืออะไร

Open interest (OI) เปลี่ยนแปลงคืออะไร

การเปลี่ยนแปลงของ OI (Open Interest) คือ การเปลี่ยนแปลงของจำนวนสัญญาที่ยังคงเปิดอยู่ในตลาดในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งสามารถแสดงถึงความเพิ่มขึ้นหรือลดลงของความสนใจ และกิจกรรมการซื้อขายในตลาดทรัพย์สิน

 YWO Promotion

เมื่อ OI เปลี่ยนแปลง อาจแสดงถึงสัญญาณและแนวโน้มที่เกิดขึ้นในตลาด ดังนั้น นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของ OI เพื่อวิเคราะห์และประเมินความเคลื่อนไหวของตลาดได้ บางครั้งการเปลี่ยนแปลงของ OI อาจแสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในทิศทางราคาที่กำลังเกิดขึ้น หรือเป็นสัญญาณเริ่มแรกของการเคลื่อนไหวของตลาดในแนวทางใดๆ

ในการเปลี่ยนแปลงของ OI จะถูกพิจารณาในบริบทของปัจจัยอื่นๆ เช่น ปริมาณการซื้อขายทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงของราคา ข่าวสารทางเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อตลาด การวิเคราะห์ต้องใช้เครื่องมือและข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นรายละเอียดเพียงพอในการตัดสินใจลงทุน

ตัวอย่างที่ 1 การเปลี่ยนแปลงของ OI (Open Interest)

ในตลาดออปชั่น หาก OI เพิ่มขึ้น ในสัญญาตัวเลือกซื้อขาย ณ ราคาใกล้เคียง อาจแสดงถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าตลาดมีแนวโน้มที่ดีตามคาดหวัง นักลงทุนอาจพิจารณาว่ามีผู้เข้ารับซื้อมากขึ้น และมีความเชื่อมั่นในการเคลื่อนไหวของราคาเพิ่มขึ้น

ในกรณีที่ OI ลดลง ในสัญญาตัวเลือกซื้อขาย อาจแสดงถึงความไม่มั่นคงในทิศทางราคา หรือนักลงทุนกำลังออกจากตลาดหรือลดการรับซื้อในระยะสั้น นอกจากนี้ OI Indicator ยังสามารถใช้ในการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างราคาและ OI อาจช่วยให้นักลงทุนเห็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังพยายามกลับตัว หรือเชิงลบที่ชัดเจนของ OI ที่สัญญาณการเปลี่ยนแปลงในตลาด

สาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงของ OI (Open Interest)

  • การซื้อขายใหม่: เมื่อนักลงทุนทำการซื้อขายสัญญาใหม่ โดยเพิ่มจำนวนสัญญาที่เปิดอยู่ จะทำให้ OI เพิ่มขึ้น
  • การปิดการซื้อขาย: เมื่อนักลงทุนปิดการซื้อขายสัญญา คือ ปิดสัญญาที่เปิดอยู่ จะทำให้ OI ลดลง
  • การเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง: หากนักลงทุนทำการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของสัญญา เช่น จากการถือครองสัญญาซื้อไปเป็นสัญญาขาย หรือสลับตำแหน่งในตลาด จะทำให้ OI เปลี่ยนแปลง
  • การเปลี่ยนแปลงในการส่งมอบสัญญา: เมื่อสัญญาถึงวันส่งมอบ จะทำให้ OI ลดลงเนื่องจากสัญญาที่เปิดอยู่จะถูกปิด
  • การปรับแต่งสัญญา: ในบางกรณี นักลงทุนอาจปรับแต่งสัญญาที่เปิดอยู่ โดยการเพิ่มหรือลดสัญญา ทำให้ OI เปลี่ยนแปลง

สังเกตว่าสาเหตุข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนของสาเหตุที่ทำให้ OI เปลี่ยนแปลง และอาจมีสาเหตุอื่นๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ OI อีกมากมาย เช่น ความผันผวนในตลาด ปัจจัยเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจส่งผลต่อความสนใจและกิจกรรมการซื้อขายในตลาดทรัพย์สิน ซึ่งส่งผลต่อ OI อย่างตรงข้ามกันได้

สถานะคงค้าง OI คือ อะไร

Open Interest (OI) หรือ สถานะคงค้าง เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตลาดออปชั่น (Options) ซึ่งใช้ในการบ่งชี้จำนวนสัญญาที่ยังคงเปิดอยู่ในปัจจุบัน และ OI คือ ผลรวมของจำนวนสัญญาซื้อขายทั้งหมดที่ยังไม่ได้ถูกปิดในตลาดทรัพย์สินเฉพาะ โดยการนับ OI เกิดจากการจับคู่กันระหว่างการเปิดสถานะฝั่ง Long (การซื้อ) และ Short (การขาย) ในสินทรัพย์อ้างอิงเดียวกัน

ตัวอย่างเช่น

หากมีนักลงทุน A ทำการซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและนักลงทุน B ทำการขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดเดียวกัน จำนวนสัญญาที่เปิดอยู่ในตลาดจะเพิ่มขึ้น และ OI ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

OI จะเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการปิดสัญญาซื้อขาย หรือเมื่อนักลงทุนทำการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งจากการถือครองสัญญาเป็นการขายสัญญาหรือสลับตำแหน่งในตลาด การติดตามและวิเคราะห์ OI สามารถใช้ในการประเมินแนวโน้มของตลาด ความคาดหวังของนักลงทุน และสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้ ควรใช้ร่วมกับตัวชี้วัดและข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ได้การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและมีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจลงทุน

สถานะคงค้าง TFEX คืออะไร

สถานะคงค้าง (OI) ใน TFEX (Thailand Futures Exchange) คือ จำนวนสัญญาซื้อขายที่ยังคงเปิดอยู่ในตลาดซึ่งยังไม่ได้ถูกปิดลง โดย OI จะเป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการวัดปริมาณสัญญาที่ผู้ลงทุนยังคงมีต้องซื้อหรือขายในตลาดในระยะเวลาที่กำหนด สถานะคงค้าง OI สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกิจกรรมการซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาดอนุพันธ์ การซื้อขายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ OI เพิ่มขึ้น ในขณะที่การปิดสัญญาซื้อขายที่เกิดขึ้นจะทำให้ OI ลดลง

สถานะคงค้าง (OI) ในตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) มาจากข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งเป็นผู้บัญญัติในการดำเนินงานของ TFEX ถือได้ว่า TFEX (Thailand Futures Exchange) เป็นตลาดอนุพันธ์ที่เปิดให้นักลงทุนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ซึ่งมีตราสารอ้างอิงมาจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เช่น ดัชนีหุ้น SET50 และ SET100

อีกทั้ง TFEX รายงานสถานะคงค้าง OI ให้แก่ผู้ใช้งานและนักลงทุน ซึ่งสถานะคงค้าง OI จะแสดงจำนวนสัญญาซื้อขายที่ยังคงเปิดอยู่ในตลาดซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามกิจกรรมการซื้อขายในตลาดทรัพย์สินในแต่ละวัน ในการติดตามสถานะคงค้าง OI ใน TFEX นักลงทุนสามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มของ SET ที่ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับ TFEX และผู้ให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้บัญญัติในการรายงานสถานะคงค้าง OI ให้แก่นักลงทุนและผู้สนใจในตลาดอนุพันธ์ในประเทศไทยได้

OI indicator คืออะไร

OI Indicator หรือ Open Interest Indicator คือ ตัวชี้วัดหรือเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์และติดตามค่า Open Interest ในตลาดทรัพย์สิน เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการวิเคราะห์การซื้อขายในตลาดทรัพย์สิน เช่น ตลาดอนุพันธ์ (Derivatives) ที่มีการซื้อขายผ่านสัญญาต่างๆ เช่น สัญญาซื้อขายออปชั่น (Options) หรือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures)

OI Indicator ช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ Open Interest ในระยะเวลาที่ต่างๆ เช่น ระยะสั้น ระยะกลาง หรือ ระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้สามารถหาแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาด ความสนใจของนักลงทุน และการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคในตลาด

การใช้ OI Indicator นั้นจะขึ้นอยู่กับวิธีการวิเคราะห์และกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนแต่ละคน และอาจมีรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายหรือกลยุทธ์ที่ใช้ ดังนั้น การใช้ OI Indicator ควรศึกษาและทดลองในบัญชีซื้อขายทดลองหรือโดยใช้ข้อมูลประวัติการซื้อขายก่อนที่จะนำไปใช้ในการลงทุนจริงโดยตรง

OI indicator ใช้ทำอะไรได้บ้าง

OI Indicator (Open Interest Indicator) สามารถใช้ในการวิเคราะห์และให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการซื้อขายในตลาดทรัพย์สิน ได้แก่

  • การติดตามแนวโน้ม: OI Indicator ช่วยในการติดตามแนวโน้มของค่า Open Interest ในระยะเวลาที่ต่างๆ เช่น ระยะสั้น ระยะกลาง หรือ ระยะยาว เพื่อช่วยในการรับรู้ถึงความสนใจและเคลื่อนไหวของตลาด
  • การวิเคราะห์การซื้อขาย: นักลงทุนสามารถใช้ OI Indicator เพื่อวิเคราะห์การซื้อขายในตลาด โดยในบางครั้ง OI อาจสร้างสัญญาณสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในการซื้อขายของตลาด การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ OI อาจแสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในทิศทางราคาที่กำลังเกิดขึ้น
  • การตรวจสอบความคาดหวัง: OI Indicator อาจช่วยในการตรวจสอบความคาดหวังของตลาด หากมี OI สูงพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของราคา อาจแสดงถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าตลาดมีแนวโน้มที่ดีตามคาดหวัง

การวิเคราะห์การปรับที่จำเป็น: แบบจำลอง OI Indicator อาจช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของการปรับในตลาด โดยการนำ OI มาเปรียบเทียบกับราคาและปริมาณการซื้อขาย นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจในการเข้าหรือออกจากตลาด

ใช้ประโยชน์อะไรจาก open interest ได้บ้าง ?

  1. ใช้ OI ดูว่า สัญญาเดือนไหน active ที่สุด

การใช้ Open Interest (OI) เพื่อดูว่าสัญญาเดือนไหนเป็นที่นิยมและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในตลาดอนุพันธ์สามารถทำได้โดยตรวจสอบ OI ของแต่ละสัญญาในตลาดและเปรียบเทียบกัน เพื่อหาสัญญาที่มี OI สูงที่สุด ซึ่งแสดงถึงความนิยมและความสนใจของนักลงทุนในสัญญานั้นๆ

สัญญาที่มี OI สูงมาก แสดงให้เห็นถึงการซื้อขายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสัญญานั้นๆ และสัญญานั้นมีความนิยมในตลาด นักลงทุนส่วนใหญ่อาจมีความสนใจต่อสัญญานั้นและมีกิจกรรมการซื้อขายเพิ่มขึ้นในสัญญานั้น การตรวจสอบ OI สามารถทำได้โดยใช้เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์ที่ให้บริการข้อมูล OI และนักลงทุนสามารถดู OI ในแต่ละสัญญาซึ่งประกอบไปด้วยสัญญาต่างๆในตลาด

  1. ใช้ OI ในการวิเคราะห์ทิศทางราคา

การใช้ Open Interest (OI) ในการวิเคราะห์ทิศทางราคาในตลาดอนุพันธ์สามารถทำได้โดยดูถึงความสอดคล้องระหว่าง OI และราคาของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น สินทรัพย์ใต้เส้นราคา หรือ สินทรัพย์เชิงปฏิสัมพันธ์ เพื่อประเมินแนวโน้มของราคาในอนาคต

เมื่อ OI เพิ่มขึ้นพร้อมกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิงที่ขึ้นไป อาจแสดงถึงแรงบันดาลใจหรือความเชื่อของนักลงทุนในการขึ้นของราคา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณให้คาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นต่อไป ในทางกลับกัน หาก OI ลดลงพร้อมกับราคาที่ลดลง เป็นสัญญาณที่อาจแสดงถึงความไม่แน่นอนหรือความไม่มั่นคงในตลาดจากนักลงทุน อาจแสดงถึงการระบายตัวออกจากตลาดหรือการลดการถือครองสัญญา

ในการวิเคราะห์ตลาดอนุพันธ์ จริงๆ Open Interest (OI) ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย หรือมีระดับ OI ที่ต่ำอาจสื่อถึงสิ่งต่างๆ ดังนี้

  • ขาดความนิยมหรือความสนใจ: OI ที่ต่ำอาจแสดงถึงขาดความนิยมหรือความสนใจจากนักลงทุนในตลาดนั้นๆ ซึ่งอาจทำให้การซื้อขายและความเคลื่อนไหวของราคามีความน้อยลง
  • ตลาดนิ่ง: OI ที่ต่ำอาจแสดงถึงตลาดที่นิ่งหรือไม่มีกิจกรรมการซื้อขายอย่างเต็มที่ นักลงทุนอาจมีความไม่แน่ใจหรือรอเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ชัดเจนก่อนที่จะเข้ามาทำธุรกรรมในตลาด
  • ตลาดน้อยเสียอย่างง่าย: OI ที่ต่ำอาจแสดงถึงตลาดที่มีความเสี่ยงในการซื้อขายสัญญานั้นๆ น้อยมาก นักลงทุนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในตลาดนี้และละทิ้งการเข้าร่วมการซื้อขายในสัญญานั้น
 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser