Rejection pattern คืออะไร สัญญาณกลับตัว วิธีวิเคราะห์กราฟ

Rejection pattern คืออะไร

Rejection pattern คือ รูปแบบหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขายหุ้น, Forex หรือเครื่องมือการลงทุนอื่น ๆ ในตลาดทางการเงิน เป็นการเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการของราคาในช่วงเวลาที่มีสัญญาณการปฏิเสธ (rejection) หรือการต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเงินที่สำคัญ

การที่ราคาถูก “ปฏิเสธ” มักจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางทิศทางของราคา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม rejection pattern จึงมักถูกนำมาใช้ในการทำนายการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา และ Rejection pattern มักจะปรากฏในรูปของ ‘Pin Bar’ หรือ ‘Hammer’ ในกราฟแท่งเทียน (Candlestick)

Pin Bar มีลักษณะคล้ายหมุด โดยมีส่วน ‘เรียวยาว’ ที่ถูกเรียกว่า ‘wick’ และส่วน ‘สั้น’ ที่ถูกเรียกว่า ‘body’ ‘Wick’ แสดงถึงระดับราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง ในขณะที่ ‘body’ แสดงถึงราคาเปิดและปิดเมื่อ ‘wick’ ยาวมากเมื่อเทียบกับ ‘body’ แสดงถึงการปฏิเสธของราคาในช่วงเวลานั้น

Hammer คือ รูปแบบแท่งเทียนที่มี ‘body’ เล็กและ ‘wick’ ยาวที่ตั้งอยู่ด้านล่างของ ‘body’. หน้าตาเหมือนค้อน ซึ่งชื่อเองก็มาจากลักษณะนี้ มันแสดงถึงการปฏิเสธของการขายและเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางเทรนด์จากลงไปขึ้น

Rejection pattern จะมีความมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้ามันปรากฏบนระดับที่สำคัญของราคา เช่นระดับ support และ resistance หรือ Fibonacci levels. ถึงแม้ว่า Rejection pattern จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำนายทิศทางของราคา แต่ควรจำไว้ว่ามันไม่ควรใช้โดยอิสระและควรใช้ร่วมกับเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ

 

สัญญาณกลับตัว Rejection pattern

Rejection pattern ถือเป็นสัญญาณกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค สัญญาณนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาหรือการกลับตัวของเทรนด์ ตัวอย่างของรูปแบบ rejection pattern ประกอบไปด้วย

• Pin Bar: แท่งเทียนแบบ Pin Bar มีลักษณะเฉพาะที่ “เข็ม” หรือ “wick” ยาวมากเมื่อเทียบกับ “body” ของแท่งเทียน ถ้า Pin Bar ปรากฏที่ต้นสุดของขาลง อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวเทรนด์ขึ้น แต่ถ้าปรากฏที่จุดสุดท้ายของขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวเทรนด์ลง
• Hammer และ Inverted Hammer: Hammer และ Inverted Hammer เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่เกิดขึ้นในขณะที่ราคาลดลง Hammer มี “body” และ “wick” ที่ยาวทางด้านล่างของ “body” แท่งเทียนนี้เป็นสัญญาณของการกลับตัวเทรนด์ขึ้น ในทางกลับกัน Inverted Hammer มี “wick” ที่ยาวทางด้านบนและ “body” ที่ตั้งอยู่ที่ด้านล่างของแท่งเทียน รูปแบบนี้ก็บ่งบอกถึงการกลับตัวของเทรนด์จากลงเป็นขึ้น

ที่สำคัญสัญญาณการกลับตัวในลักษณะของการ reject หรือการปฎิเสธราคากลับอย่างรุนแรงนั้น จะเป็นสัญญาณที่ดีและแข็งแรงได้ ควรมีปัจจัยหลายปัจจัยในการสนับสนุน เพราะสัญญาณจากกราฟแท่งเทียน เพียงแท่งเทียนเดียวจะนำมาเป็นตัวชี้วัดถึงการกลับตัวของทิศทางเทรน นั้นคงไม่เพียงพอ หรือ อาจจะไม่ปลอดภัยมากพอสำหรับการนำมาเป็นตัวชี้วัดแนวโน้มของทิศทางราคา

 

การใช้งาน Rejection Pattern

ข้อที่ 1

“Rejection Pattern นั้นนิยมนำมาใช้กับการวิเคราะห์แนวรับแนวต้านหรือโซนราคาที่มีความสำคัญในตลาด เนื่องจากสามารถให้สัญญาณชัดเจนว่าในโซนหรือแนวราคาดังกล่าว มีผู้ซื้อที่รออยู่เพื่อสนับสนุนราคาหรือปฏิเสธการที่ราคาจะลดลง ทำให้ Rejection Pattern ถูกนำมาใช้ในการทดสอบและยืนยันความสำคัญของแนวรับหรือแนวต้านอย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ข้อที่ 2

“ยิ่งหางของแท่งเทียนยาวมากเท่าไร จะเพิ่มความชัดเจนว่ามีแรงซื้อหรือแรงขายรุนแรงที่พยายามที่จะขับราคาไปในทิศทางตรงข้าม มากขึ้น นั่นคือ การเกิด Rejection Pattern จะมีโอกาสทำให้ราคากลับตัวมากขึ้น ในทางกลับกัน หากเราเห็น Rejection Pattern ที่เกิดขึ้นติดๆกัน ความน่าจะเป็นในการเกิดการกลับตัวของราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งนั้นแสดงถึงความต้องการที่มีต่อราคาอย่างต่อเนื่อง และหากสินค้าหรือสิ่งที่เป็นตัวทำให้ราคาขึ้นลงนั้นหมดไป มีโอกาสว่าราคาจะปรับตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน”

 

Rejection pattern รูปแบบการปฏิเสธราคา

รูปแบบการปฏิเสธราคานั้นต้องมีการสนับสนุนจากหลายปัจจัย โดยทั่วไป การปฏิเสธราคามักจะแสดงถึงการกลับตัวของแนวโน้ม หรือ “Reversal” ที่คาดหวังได้ แต่ต้องระมัดระวังในการอ่านและตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ ที่คุณได้ระบุไว้

• สัญญาณการ Reject ที่คล้อยตามทิศทางเทรนด์หลัก: หากการปฏิเสธราคาเกิดขึ้นในทิศทางเทรนด์ที่แข็งแรง สัญญาณนี้จะมีนัยยะมากขึ้น
• ตำแหน่งการเกิดสัญญาณการ Reject: หากการปฏิเสธราคาเกิดขึ้นที่ระดับ support หรือ resistance ที่สำคัญ สัญญาณนี้จะมีนัยยะมากขึ้น
• ขนาดของแท่งเทียนที่ Reject: แท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่กว่าแท่งเทียนก่อนหน้านี้มักจะแสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธราคาที่เด่นชัดและมีนัยยะมากขึ้น
• ตำแหน่งการปิดของแท่งเทียนที่ Reject: หากแท่งเทียนปิดในราคาที่สูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้านี้ (สำหรับ uptrend) หรือต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า (สำหรับ downtrend) แสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธราคาที่แข็งแรงและมีนัยยะมากขึ้น

 

วิธีวิเคราะห์กราฟ forex

วิเคราะห์กราฟ Forex เพื่อตัดสินใจในการซื้อขายสกุลเงินได้หลากหลายวิธี มีทั้งวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และวิเคราะห์ทางพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ดังนี้

1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค

• กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts): การวิเคราะห์แท่งเทียนจะช่วยให้คุณเห็นราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดของระยะเวลาที่เฉพาะเจาะจง และทำให้คุณเห็นรูปแบบที่แสดงถึงกระแสในตลาด
• ระดับ Support และ Resistance: นักเทรดจะวางระดับที่ราคาแทบไม่สามารถลงไปหรือขึ้นมาเหนือได้ ระดับเหล่านี้สามารถให้ทราบถึงราคาที่ควรเข้ามาซื้อหรือขาย
• ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators): ตัวบ่งชี้เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD และอื่น ๆ จะช่วยให้คุณเห็นแนวโน้ม ความแปรปรวน และแรงซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาด

2. การวิเคราะห์ทางพื้นฐาน

• รายงานเศรษฐกิจและข้อมูลทางการเงิน: การปล่อยรายงานการเงินที่สำคัญเช่น GDP, CPI, งานว่าง, การเปลี่ยนแปลงในอัตราดอกเบี้ย และการประชุมของธนาคารกลางสามารถส่งผลกระทบต่อค่าเงิน
• ข่าวและเหตุการณ์ทางการเมือง: เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองเช่น การเลือกตั้ง, สงคราม, การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้า และความไม่เจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงิน

 

วิธีวิเคราะห์กราฟ คริปโต

การวิเคราะห์กราฟสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) มีการวิเคราะห์ที่คล้ายกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ในตลาด Forex หรือตลาดหุ้นโดยมีหลักการทั่วไปดังนี้

1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค

• แท่งเทียน (Candlestick Charts): โดยการวิเคราะห์แท่งเทียน, คุณสามารถดูได้ว่าราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด ในช่วงเวลาที่กำหนด. นอกจากนี้, รูปแบบที่เกิดขึ้นจากแท่งเทียน เช่น Pin Bar, Doji, Engulfing เป็นต้น สามารถช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความตั้งใจของผู้ซื้อขาย
• ระดับ Support และ Resistance: การวิเคราะห์ระดับ Support และ Resistance เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับราคาที่คุณควรซื้อหรือขาย คุณสามารถวาดเส้นบนกราฟเพื่อแสดงระดับเหล่านี้
• ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators): มีหลายตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้วิเคราะห์ราคา อาทิเช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD และ Bollinger Bands. ตัวบ่งชี้เหล่านี้สามารถช่วยให้คุณเห็นแนวโน้ม, ความแปรปรวน, และแรงซื้อขายในตลาด

2. การวิเคราะห์ทางพื้นฐาน

• ข้อมูลการซื้อขาย: ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย เพื่อให้เห็นว่ามีความสนใจในสกุลเงินดิจิตอลนี้มากน้อยเพียงใด
• ข่าวและเหตุการณ์: ตรวจสอบข่าวและเหตุการณ์ที่สามารถมีผลกระทบต่อราคาสกุลเงินดิจิตอล อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล, การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี, หรือความสำเร็จของโครงการ

 

ขั้นตอนการดูกราฟ Rejection pattern

การวิเคราะห์ Rejection Pattern ในกราฟราคาต้องมาพร้อมกับความเข้าใจในสัญญาณของแท่งเทียน ตลาด และความสามารถในการสอดคล้องข้อมูลทั้งหมดเพื่อทำการซื้อขาย ดังนั้นมาดูขั้นตอนการวิเคราะห์ Rejection Pattern ต่อไปนี้

• เลือกตลาดที่จะวิเคราะห์: กราฟราคาสามารถเป็นหุ้น, Forex, cryptocurrencies, หรือสินค้าใด ๆ ที่มีการซื้อขายในตลาด
• ตั้งค่ากราฟราคาให้เป็นแท่งเทียน (Candlestick Chart): แท่งเทียนให้ข้อมูลมากกว่าราคาเปิด, ปิด, สูงสุด, และต่ำสุดในช่วงเวลาที่เลือก
• ระบุแนวโน้มหลักของตลาด (Uptrend, Downtrend, หรือ Sideways): ความเข้าใจในแนวโน้มทางทศทางของราคาสามารถช่วยคุณระบุจุดที่ Rejection Pattern อาจเกิดขึ้น
• ค้นหา Rejection Pattern: แท่งเทียนที่มีลักษณะของ Rejection Pattern มักมี wick ที่ยาวและตัวแท่งเทียนที่เล็ก และ wick ยาวควรมากกว่า body และมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับแนวโน้มราคา
• ทดสอบการปฏิเสธด้วยระดับสนับสนุนและต้านทาน: หาก Rejection Pattern ปรากฏบนกราฟราคาในระหว่างระดับสนับสนุนหรือต้านทานที่มีความสำคัญ, นี่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
• การวิเคราะห์ความผันผวน: หาก Rejection Pattern ปรากฏในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง, แสดงว่าผู้ซื้อหรือผู้ขายได้รับการควบคุมราคา ซึ่งมักเป็นการยืนยันสัญญาณ Rejection
• ตัดสินใจซื้อขาย: การทราบ Rejection Pattern เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในการซื้อขาย ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น เรื่องของการจัดการความเสี่ยงและเป้าหมายของการซื้อขาย

 

ตัวอย่าง BULLISH REJECTION CANDLE EXAMPLES

อ้างอิง tradingview.com

BULLISH REJECTION CANDLE EXAMPLES

Euro / British Pound (FOREXCOM:EURGBP) 0.85544 0.00080 0.09%

ForexFloorTrader

Updated Jan 20, 2020

“Bullish Rejection Candle” เป็นสัญญาณที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟเทคนิคที่ใช้แท่งเทียนเป็นเครื่องมือการวิเคราะห์หลัก สัญญาณนี้เป็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นของราคา หรือการเริ่มต้นของการเคลื่อนที่ขึ้นของราคา (bullish trend)

ตัวอย่างการจับคู่ “Bullish Rejection Candle”

• แท่งเทียน Rejection ที่มีหางยาว: แท่งเทียนที่มีหางยาวที่ทิศทางตรงข้ามกับทิศทางเคลื่อนที่ของราคาเป็นสัญญาณของการปฏิเสธหรือการกลับตัวของราคา หางยาวของแท่งเทียนที่ถูกปฏิเสธในกราฟขายทำให้เกิดแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า “Bullish Rejection Candle” แท่งเทียนนี้จะปิดราคาสูงกว่าที่เปิดและมีหางยาวที่ทิศทางขาดลง
• การเกิดขึ้นที่ระดับราคาสำคัญ: Bullish Rejection Candle ที่เกิดขึ้นที่ระดับราคาที่สำคัญ อาจเป็นแนวรับหรือแนวต้านหรือโซนราคาที่เคยมีการซื้อขายอย่างรุนแรงในอดีต ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น
• การยืนยันโดยสัญญาณอื่น ๆ: การมีสัญญาณอื่น ๆ ที่ยืนยันแนวโน้มขึ้น เช่น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่แสดงถึงแนวโน้มขึ้น จะทำให้ Bullish Rejection Candle มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ทั้งนี้การใช้ Bullish Rejection Candle ไม่ได้หมายความว่าราคาจะขยับขึ้นทันทีหลังจากปรากฏแท่งเทียนนี้เสมอไป ในบางครั้งราคาอาจยังคงความรุนแรงในทิศทางเดิมก่อนที่จะมีการกลับตัว ดังนั้นการใช้ Bullish Rejection Candle เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ควรถูกนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิควิเคราะห์อื่น ๆ

ยกตัวอย่างเช่น

หากคุณเห็น Bullish Rejection Candle ที่ระดับราคาที่เคยเป็นแนวรับหรือแนวต้านในอดีต คุณอาจจะยืนยันแนวโน้มขึ้นด้วยการตรวจสอบว่ามีอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น Moving Average, RSI, MACD หรืออื่น ๆ ที่แสดงว่าแนวโน้มเริ่มเคลื่อนไปทางขาขึ้นหรือไม่ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังควรมีแผนการจัดการความเสี่ยง เช่น การตั้ง Stop Loss ที่เหมาะสมเพื่อจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากราคาที่ยังคงเคลื่อนที่ไปในทิศทางขาดลง ดังนั้นการใช้ Bullish Rejection Candle จึงเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ความสำเร็จในการเทรดนั้นจะต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และมีการปฏิบัติตามแผนการเทรดอย่างมั่นคง