ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในโลกการลงทุนมาหลายศตวรรษ ด้วยคุณสมบัติที่เป็นแหล่งเก็บมูลค่าและหลบภัยในช่วงที่ตลาดผันผวน ในปัจจุบัน นักลงทุนมีทางเลือกหลากหลายในการลงทุนทองคำ โดยสองวิธีที่ได้รับความนิยมคือการซื้อทองคำจริง และการเทรดผ่านสัญญา CFD (Contract for Difference) บทความนี้จะวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของทั้งสองวิธีอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเป้าหมายและกลยุทธ์การลงทุนของตนเอง
ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนทองคำรูปแบบต่างๆ
การลงทุนในทองคำจริง
การลงทุนในทองคำจริงหมายถึงการซื้อทองคำในรูปแบบที่จับต้องได้ เช่น ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือเหรียญทองคำ โดยผู้ลงทุนจะได้เป็นเจ้าของทองคำนั้นอย่างแท้จริง สามารถเก็บรักษาไว้เอง หรือฝากเก็บไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารหรือบริษัทที่ให้บริการเก็บรักษา
การลงทุนในทองคำผ่าน CFD
CFD หรือ Contract for Difference คือสัญญาทางการเงินระหว่างนักลงทุนกับโบรกเกอร์ ที่อนุญาตให้นักลงทุนเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของทองคำจริง นักลงทุนสามารถเปิดสถานะซื้อ (Long) เพื่อทำกำไรเมื่อราคาทองสูงขึ้น หรือเปิดสถานะขาย (Short) เพื่อทำกำไรเมื่อราคาทองลดลง การเทรด CFD ทองคำมักเป็นที่นิยมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของโบรกเกอร์อย่าง IUX และอื่นๆ
ข้อดีของการลงทุนทองคำผ่าน CFD
1. การใช้เลเวอเรจ (Leverage) เพิ่มกำลังซื้อ
หนึ่งในข้อดีที่โดดเด่นที่สุดของการเทรดทองคำผ่าน CFD คือความสามารถในการใช้เลเวอเรจ เลเวอเรจช่วยให้คุณควบคุมตำแหน่งทางการเงินที่มีขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนจำนวนน้อย ตัวอย่างเช่น ด้วยเลเวอเรจ 1:50 คุณสามารถควบคุมทองคำมูลค่า 50,000 บาทด้วยเงินลงทุนเพียง 1,000 บาท นี่เป็นข้อได้เปรียบสำคัญเมื่อเทียบกับการซื้อทองคำจริงที่ต้องจ่ายเต็มจำนวน
2. ความสามารถในการทำกำไรจากราคาทองที่ลดลง
การใช้ CFD ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรในตลาดที่ราคาทองลดลงได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับการถือครองทองคำจริงที่จะมีมูลค่าลดลงเมื่อราคาตลาดตก การเปิดสถานะขาย (Short) ในตลาด CFD ทำให้นักลงทุนมีความยืดหยุ่นในการวางกลยุทธ์การลงทุนในทุกสภาวะตลาด
3. ความสะดวกและต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำ
การเทรดทองคำผ่าน CFD ทำได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยไม่มีความยุ่งยากในการเก็บรักษาทองคำจริง นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บ การประกันภัย หรือการรักษาความปลอดภัยของทองคำกายภาพ นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมในการเทรด CFD มักจะต่ำกว่าต้นทุนในการซื้อขายทองคำจริงที่มีค่าพรีเมียม ค่าเก็บรักษา และค่าประกันภัย
4. สภาพคล่องสูงและการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง
การเทรด CFD ทองคำมีสภาพคล่องสูง นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ทั่วโลกที่อาจส่งผลต่อราคาทองได้ทันที ในขณะที่การซื้อขายทองคำจริงมักจำกัดอยู่ในเวลาทำการของร้านทองหรือสถาบันการเงิน
5. การเทรดขนาดเล็ก (Fractional Trading)
อีกคุณสมบัติที่น่าสนใจของการเทรดทองคำผ่าน CFD คือความสามารถในการซื้อขายเพียงบางส่วนของสัญญา ไม่เหมือนกับการลงทุนในทองคำแบบดั้งเดิมที่อาจต้องซื้อเต็มออนซ์หรือแท่ง การเทรด CFD ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในทองคำได้ด้วยเงินลงทุนเพียงเล็กน้อย
ข้อเสียของการลงทุนทองคำผ่าน CFD
1. ความเสี่ยงจากเลเวอเรจ
แม้ว่าเลเวอเรจจะเป็นข้อได้เปรียบ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เลเวอเรจสามารถขยายกำไรของคุณหากราคาทองเคลื่อนไหวในทิศทางที่คุณคาดการณ์ แต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้เช่นกันหากราคาเคลื่อนไหวตรงกันข้าม นักลงทุนอาจสูญเสียเงินมากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้น หากไม่มีการป้องกันยอดบัญชีติดลบ (Negative Balance Protection)
2. ต้นทุนการถือครองระยะยาว
ต้นทุนหลักสำหรับนักเทรด CFD คือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (bid price) และราคาเสนอขาย (ask price) ความแตกต่างนี้เป็นต้นทุนทันที และนักเทรดต้องเอาชนะช่องว่างนี้ก่อนที่จะสร้างกำไร นอกจากนี้ การถือครอง CFD ข้ามคืนมักมีค่าธรรมเนียมการจัดหาเงินทุน (Financing Cost) ซึ่งทำให้ไม่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ต่างจากการถือครองทองคำจริงที่ไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าว
3. ความเสี่ยงด้านคู่สัญญา
เมื่อคุณเทรด CFD คุณกำลังรับความเสี่ยงจากโบรกเกอร์ที่คุณเทรดด้วย หากโบรกเกอร์ของคุณล้มละลาย คุณอาจสูญเสียเงินทั้งหมด นี่เป็นความเสี่ยงที่ไม่มีในการถือครองทองคำจริง ซึ่งคุณเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์และมีค่าในตัวเอง
4. ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง
เมื่อเทรด CFD ทองคำ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหรือถือครองโลหะมีค่าทางกายภาพ นั่นหมายความว่าคุณจะไม่ได้รับประโยชน์จากการเป็นเจ้าของทองคำจริงในยามฉุกเฉินทางการเงินหรือช่วงวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรง ทองคำจริงสามารถใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ หรือแม้แต่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนหากระบบการเงินล้มเหลว
5. ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวน ซึ่งหมายความว่าราคาของมันสามารถผันผวนอย่างมาก ความผันผวนนี้อาจทำให้การเทรด CFD ทองคำเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เลเวอเรจ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยสามารถส่งผลต่อบัญชีเทรดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อดีของการลงทุนในทองคำจริง
1. ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง
ทองคำจริงมีความจับต้องได้ ไม่มีความเสี่ยงจากคู่สัญญา และเป็นแหล่งเก็บมูลค่าในระยะยาว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับระบบการเงิน ทองคำยังคงมีมูลค่าในตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้นักลงทุนหลายคนเลือกถือครองทองคำจริงเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเงิน
2. การปกป้องจากเงินเฟ้อในระยะยาว
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว เมื่อค่าเงินลดลง มูลค่าของทองคำมักจะเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาอำนาจซื้อ การถือครองทองคำจริงจึงเป็นวิธีการป้องกันเงินเฟ้อที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว โดยเฉพาะในประเทศที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง
3. ไม่มีต้นทุนการถือครองระยะยาว
ต่างจาก CFD ที่มีค่าใช้จ่ายในการถือครองข้ามคืน การถือครองทองคำจริงไม่มีต้นทุนดังกล่าว (ยกเว้นค่าเก็บรักษาหากฝากในตู้นิรภัย) ทำให้เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว นักลงทุนสามารถถือครองทองคำได้นานหลายปีหรือหลายทศวรรษโดยไม่มีต้นทุนการถือครองเพิ่มเติม
4. ความปลอดภัยจากความเสี่ยงของระบบไซเบอร์
ในโลกดิจิทัลที่การโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง การถือครองทองคำจริงให้ความปลอดภัยจากความเสี่ยงดังกล่าว ทองคำไม่สามารถถูกแฮ็กหรือลบออกจากบัญชีออนไลน์ได้ ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์
5. มูลค่าทางวัฒนธรรมและความเชื่อ
ในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเอเชีย ทองคำมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและจิตใจนอกเหนือจากมูลค่าทางการเงิน ทองคำถูกใช้ในเทศกาลสำคัญ งานแต่งงาน และพิธีกรรมต่างๆ ทำให้การถือครองทองคำจริงมีคุณค่าทางจิตใจและวัฒนธรรมที่ CFD ไม่สามารถทดแทนได้
ข้อเสียของการลงทุนในทองคำจริง
1. ต้นทุนเริ่มต้นสูง
การซื้อทองคำจริงต้องใช้เงินลงทุนเต็มจำนวน ต้องจ่ายพรีเมียม ค่าเก็บรักษา ค่าประกันภัย และต้นทุนการขายที่อาจเกิดขึ้น พรีเมียมเหล่านี้สามารถเพิ่มต้นทุนเริ่มต้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรายย่อย
2. ขาดความยืดหยุ่นในการทำกำไรเมื่อราคาลดลง
การลงทุนในทองคำจริงหมายความว่าคุณจะได้กำไรเฉพาะเมื่อราคาทองเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากราคาทองลดลง คุณจะประสบกับการขาดทุนในกระดาษ (Paper Loss) โดยไม่สามารถทำกำไรจากตลาดขาลงได้เหมือนกับการเทรด CFD
3. ความไม่สะดวกในการซื้อขายและเก็บรักษา
การซื้อขายทองคำจริงมีความสะดวกน้อยกว่า เนื่องจากต้องมีการจัดการทางกายภาพและการตรวจสอบ นอกจากนี้ ทองคำจริงยังต้องการการเก็บรักษาที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในตู้นิรภัยของธนาคาร ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
4. สภาพคล่องที่ต่ำกว่าและการซื้อขายที่จำกัด
การซื้อขายทองคำจริงมีความซับซ้อนและใช้เวลามากกว่า นักลงทุนไม่สามารถซื้อหรือขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนกับ CFD และอาจต้องรอหาผู้ซื้อที่เหมาะสมหรือขายให้กับร้านค้าในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย
5. ความเสี่ยงทางกายภาพ
ทองคำจริงมีความเสี่ยงต่อการสูญหาย การถูกขโมย หรือความเสียหายทางกายภาพ แม้ว่าความเสี่ยงนี้สามารถลดลงได้ด้วยการเก็บรักษาที่เหมาะสมและการประกันภัย แต่ก็เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในรูปแบบดิจิทัลเช่น CFD
การเลือกวิธีลงทุนที่เหมาะสม: ปัจจัยที่ควรพิจารณา
การตัดสินใจว่าจะลงทุนในทองคำผ่าน CFD หรือซื้อทองคำจริงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้:
1. เป้าหมายการลงทุน
- การลงทุนระยะสั้น/เก็งกำไร: CFD มักเหมาะสมกว่าเนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
- การลงทุนระยะยาว/ป้องกันความเสี่ยง: ทองคำจริงมักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากไม่มีต้นทุนการถือครองและเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากวิกฤตทางการเงิน
2. เงินทุนที่มี
- เงินทุนจำกัด: CFD อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจได้
- เงินทุนเพียงพอ: การซื้อทองคำจริงอาจเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเลเวอเรจ
3. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
- นักลงทุนมือใหม่ที่มีความรู้จำกัด: ทองคำจริงอาจเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าเนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่า
- นักลงทุนที่มีประสบการณ์: CFD อาจให้โอกาสในการทำกำไรมากกว่าหากมีความเข้าใจตลาดที่ดี
4. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ความเสี่ยงต่ำ: ทองคำจริงมีความเสี่ยงน้อยกว่าในระยะยาว แม้ว่าราคาจะผันผวน
- ความเสี่ยงสูง: CFD เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงและเข้าใจผลกระทบของเลเวอเรจ
5. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
- ภาวะเงินเฟ้อสูง/ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ: ทองคำจริงมักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพื่อป้องกันมูลค่า
- เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ: CFD อาจให้โอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนของราคาทองในระยะสั้น
กลยุทธ์ผสมผสาน: การรวมทั้งสองวิธีในพอร์ตการลงทุน
นักลงทุนหลายคนเลือกที่จะใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน โดยจัดสรรส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนไปยังทองคำจริงเพื่อการป้องกันความเสี่ยงและการเก็บรักษามูลค่าในระยะยาว ในขณะที่ใช้ CFD สำหรับการเก็งกำไรในระยะสั้นและการทำกำไรจากความผันผวนของตลาด กลยุทธ์ผสมผสานนี้ช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากข้อดีของทั้งสองวิธี ในขณะที่ลดข้อเสียของแต่ละวิธี
ตัวอย่างกลยุทธ์ผสมผสานอาจมีลักษณะดังนี้:
- ทองคำจริง: 70-80% ของการลงทุนในทองคำทั้งหมด เพื่อการป้องกันความเสี่ยงและการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว
- CFD ทองคำ: 20-30% ของการลงทุนในทองคำทั้งหมด เพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้นและการทำกำไรจากความผันผวนของตลาด
แนะนำโบรกเกอร์ IUX สำหรับการเทรดทองคำผ่าน CFD
สำหรับนักลงทุนที่สนใจเทรดทองคำผ่าน CFD โบรกเกอร์ IUX เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในปี 2025 IUX เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 และได้สร้างชื่อเสียงในตลาดการเงินออนไลน์
จุดเด่นของ IUX สำหรับการเทรดทองคำ
- ค่าธรรมเนียมและสเปรดที่แข่งขันได้: IUX มีค่าธรรมเนียมการเทรดที่ต่ำมาก และสเปรดที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ทำให้การเทรดทองคำมีต้นทุนที่ลดลง
- เงินฝากขั้นต่ำที่เข้าถึงได้: IUX ต้องการเงินฝากขั้นต่ำเพียง $10 ทำให้เป็นโบรกเกอร์ที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับนักเทรดใหม่
- เลเวอเรจสูง: IUX มอบเลเวอเรจสูงถึง 1:3000 สำหรับบางเครื่องมือ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมตำแหน่งทองคำที่มีขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า
- แพลตฟอร์มที่หลากหลาย: IUX รองรับการเทรดผ่านแอพ IUX Trade, แพลตฟอร์มเว็บเทรดดิ้ง และ MetaTrader 5 (MT5) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
- ความปลอดภัยและการกำกับดูแล: IUX เป็นโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแล ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยและความโปร่งใสในระดับสูง
เครื่องมือการเทรดที่ IUX นำเสนอ
IUX ให้บริการเครื่องมือการเทรดที่หลากหลายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทองคำ:
- ทองคำ (XAUUSD): IUX ให้บริการเทรด CFD บนทองคำ (gold) และเงิน (silver) โดยมีสภาพคล่องสูงและการประมวลผลคำสั่งที่รวดเร็ว
- โลหะมีค่าอื่นๆ: นอกจากทองคำแล้ว ยังมีโลหะมีค่าอื่นๆ เช่น เงิน แพลทินัม และพาลลาเดียม
- สินค้าโภคภัณฑ์: แพลตฟอร์มปัจจุบันเสนอโอกาสการเทรดสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าโภคภัณฑ์มากกว่า 10 รายการ
ประเภทบัญชีสำหรับการเทรดทองคำ
IUX เสนอหลายประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดทองคำที่แตกต่างกัน:
- บัญชี Standard: ค่าธรรมเนียมรวมอยู่ในสเปรด เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่
- บัญชี Raw: เสนอสเปรดเริ่มต้นจาก 0 pip พร้อมค่าคอมมิชชั่น เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์
- บัญชี Pro: ออกแบบมาสำหรับนักเทรดมืออาชีพที่ต้องการเงื่อนไขการเทรดที่ดีที่สุด
จุดที่ควรพิจารณา
แม้ว่า IUX จะนำเสนอข้อดีมากมายสำหรับการเทรดทองคำผ่าน CFD แต่มีข้อควรระวังบางประการ:
- ทรัพยากรการศึกษาที่จำกัด: เนื้อหาการวิจัยและการศึกษาของ IUX ขาดความลึกและความสม่ำเสมอ ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดทองคำ
- ความเสี่ยงจากเลเวอเรจสูง: เลเวอเรจสูงที่ IUX เสนอสามารถนำไปสู่การสูญเสียอย่างรวดเร็วหากตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
- ข้อจำกัดของการสนับสนุนลูกค้า: บางรีวิวระบุว่าตัวเลือกการสนับสนุนลูกค้ามีจำกัด ซึ่งอาจเป็นปัญหาเมื่อต้องการความช่วยเหลือด่วน
โดยสรุป IUX เป็นโบรกเกอร์ที่น่าสนใจสำหรับการเทรดทองคำผ่าน CFD โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับต้นทุนการเทรดที่ต่ำ การเข้าถึงที่ง่าย และแพลตฟอร์มที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับโบรกเกอร์ทุกราย นักลงทุนควรทำการวิจัยของตนเองและพิจารณาเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนการเปิดบัญชี
สรุป
ทั้งการลงทุนในทองคำผ่าน CFD และการซื้อทองคำจริงมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เงินทุนที่มี และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
หากคุณเป็นนักเทรดที่ชอบความตื่นเต้นของตลาดระยะสั้น ต้องการใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจ และต้องการทำกำไรจากทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง CFD อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ แต่ควรระมัดระวังความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยการเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถืออย่าง IUX ซึ่งมีต้นทุนการเทรดที่ต่ำและเทคโนโลยีการเทรดที่ทันสมัย
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการป้องกันความเสี่ยงจากวิกฤตทางการเงิน การซื้อทองคำจริงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด การทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี รวมถึงการประเมินความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนในทองคำได้อย่างชาญฉลาดและประสบความสำเร็จในระยะยาว
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง
