หนังสือ ทฤษฎีดาว dow theory pdf ฟรี โดย Dojipedia

IUX Markets Bonus

หนังสือ Dow Theory Cover

 
 
 

Contents

บทที่ 1: บทนำ

    1. ที่มาของทฤษฎี Dow:

    • พัฒนาโดย Charles Dow ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal
    • เขียนบทความอธิบายแนวคิดนี้ในคอลัมน์ประจำเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนทั่วไป
    1. หลักการสำคัญ:

    • การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเกิดจากอิทธิพลของปัจจัยต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์กัน
    • แบ่งการเคลื่อนไหวของตลาดเป็น 3 ระดับ: แนวโน้มหลัก แนวโน้มรอง และความผันผวนรายวัน
    • แนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงเกิดขึ้นเป็นขั้นตอน: สะสม, การมีส่วนร่วมของคนทั่วไป, และการกระจายตัว
    • ให้ความสำคัญกับการยืนยันซึ่งกันและกันของดัชนีหุ้นต่างๆ
    • ปริมาณการซื้อขายช่วยยืนยันทิศทางของแนวโน้ม
    1. ประโยชน์และข้อจำกัด:

    • วางรากฐานแนวคิดการวิเคราะห์ตลาดหุ้นสมัยใหม่
    • เป็นที่มาของเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ
    • มีข้อจำกัดในเรื่องดุลยพินิจในการตัดสินแนวโน้ม
    • ไม่ได้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
    • อาจไม่สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงฉับพลันได้
    1. ความเชื่อมโยงกับตลาดการเงินในปัจจุบัน:

    • แนวโน้มของตลาดยังคงเป็นหัวใจสำคัญ
    • ความสอดคล้องของดัชนียังเป็นปัจจัยสำคัญ
    • ปริมาณการซื้อขายยังช่วยยืนยันแนวโน้ม
    • ต้องปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

บทที่ 2: หลักการสำคัญพื้นฐานของทฤษฎีดาว

  1. ดัชนีสะท้อนทุกอย่าง (The Market Discounts Everything)

  • ราคาหลักทรัพย์สะท้อนปัจจัยและข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถทำนายแนวโน้มในอนาคตได้
  • ควรให้ความสำคัญกับแนวโน้มระยะยาวมากกว่าการตอบสนองต่อข่าวระยะสั้น
  1. แนวโน้มของตลาดแบ่งเป็น 3 ระดับ (The Three Trends)

  • แนวโน้มหลัก (Primary Trend): ใช้เวลาหลายปี สะท้อนสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ
  • แนวโน้มรอง (Secondary Trend): เป็นการปรับฐานระหว่างทาง ใช้เวลา 3 สัปดาห์ถึง 3 เดือน
  • แนวโน้มรายวัน (Minor Trend): ความผันผวนในรอบวัน
  1. แนวโน้มเกิดในขั้นตอนต่างๆ (Trends Have Three Phases)

  • ขั้นสะสม (Accumulation Phase): นักลงทุนรายใหญ่เริ่มเข้ามา
  • ขั้นการมีส่วนร่วมของสาธารณะ (Public Participation Phase): นักลงทุนทั่วไปเริ่มสนใจ
  • ขั้นการกระจายตัว (Distribution Phase): นักลงทุนรายใหญ่เริ่มขายหุ้นที่ถืออยู่
  1. ดัชนีต้องยืนยันซึ่งกันและกัน (Averages Must Confirm Each Other)

  • ดัชนีหลักและดัชนีอุตสาหกรรมย่อยต้องไปในทิศทางเดียวกัน
  • หากดัชนีทั้งสองมีทิศทางตรงข้ามกัน อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัว
  1. ปริมาณการซื้อขายต้องยืนยันแนวโน้ม (Volume Must Confirm The Trend)

  • ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นเมื่อแนวโน้มเป็นขาขึ้นและจะลดลงเมื่อเป็นขาลง
  • แนวโน้มขาขึ้นควรมีปริมาณมากกว่าในแนวโน้มขาลง
  1. แนวโน้มจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจนว่าหมดลง

  • ควรอยู่กับแนวโน้มจนกว่าราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • ไม่ควรเดาจุดสิ้นสุดของแนวโน้ม

บทที่ 3: การประยุกต์ใช้ทฤษฎีดาวในการวิเคราะห์ตลาด

  1. หลักการในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด

  • วิเคราะห์แนวโน้มในแต่ละระดับ: หลัก รอง และรายวัน
  • พิจารณาการยืนยันกันของดัชนีหลัก
  • วิเคราะห์ความสอดคล้องของปริมาณการซื้อขายกับแนวโน้ม
  • ติดตามความต่อเนื่องของแนวโน้ม
  1. การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเพื่อยืนยันแนวโน้ม

  • ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ในการวิเคราะห์
  • สังเกตการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ย (Golden Cross และ Dead Cross)
  • ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเป็นแนวรับแนวต้าน
  • วิเคราะห์ระยะห่างระหว่างราคากับเส้นค่าเฉลี่ย
  1. กลยุทธ์การลงทุนตามสัญญาณของทฤษฎี Dow

  • กลยุทธ์ตามแนวโน้ม (Trend-Following): ลงทุนไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลัก
  • กลยุทธ์การซื้อขายตามสัญญาณ (Signal-based Trading): ใช้สัญญาณจากเส้นค่าเฉลี่ยและตัวบ่งชี้อื่นๆ
  • กลยุทธ์การเล่นรอบ (Swing Trading): เก็งกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในแนวโน้มรอง
  1. การประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง

  • ให้ตัวอย่างการวิเคราะห์กราฟราคาจริง
  • อธิบายวิธีการระบุแนวโน้มและจุดกลับตัว
  • แนะนำวิธีการใช้เครื่องมือทางเทคนิคร่วมกับทฤษฎี Dow
  1. ข้อควรระวังในการใช้ทฤษฎี

  • ไม่ควรใช้ทฤษฎี Dow เพียงอย่างเดียว ควรประกอบกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ
  • ต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับใช้ให้เข้ากับสภาวะตลาดปัจจุบัน
  • ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและข่าวสารสำคัญควบคู่ไปด้วย
  1. การพัฒนาระบบการซื้อขายส่วนตัว

  • แนะนำวิธีการสร้างระบบการซื้อขายโดยอิงทฤษฎี Dow
  • เน้นความสำคัญของการทดสอบย้อนหลังและการปรับแต่งระบบ
  • ให้คำแนะนำในการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมอารมณ์

บทที่ 4: ข้อจำกัดและข้อวิจารณ์ทฤษฎี Dow

  1. การแปลผลสัญญาณอาจขึ้นกับดุลยพินิจของแต่ละบุคคล

  • การตีความแนวโน้มและจุดกลับตัวอาจแตกต่างกันตามประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์
  • อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่แตกต่างกันในสถานการณ์เดียวกัน
  • ความไม่ชัดเจนในการกำหนดกรอบเวลาของแนวโน้มแต่ละประเภท
  1. ไม่ได้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

  • เน้นเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค ละเลยข้อมูลพื้นฐานทางการเงินของบริษัท
  • อาจทำให้พลาดโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดีแต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อน
  • ไม่สามารถบอกได้ว่าหุ้นตัวใดมีคุณภาพดีหรือไม่ดี น่าลงทุนแค่ไหน
  1. ตลาดในปัจจุบันมีความซับซ้อนและมีปัจจัยใหม่ๆนอกเหนือจากทฤษฎี

  • การเติบโตของสินทรัพย์ประเภทใหม่ เช่น อนุพันธ์ทางการเงิน, สินทรัพย์ดิจิทัล
  • การเข้ามาของนักลงทุนประเภทใหม่ เช่น กองทุนรวมขนาดใหญ่, กองทุนเฮดจ์ฟันด์
  • ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการซื้อขาย เช่น ระบบการซื้อขายความถี่สูง
  • อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์และกระแสข่าวลือ
  • การแทรกแซงของรัฐบาลและธนาคารกลางในช่วงวิกฤต
  1. ข้อจำกัดในการใช้งานจริง

  • อาจให้สัญญาณล่าช้าในบางสถานการณ์ที่ตลาดเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
  • ไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือวิกฤตการณ์ได้
  • อาจไม่เหมาะกับการลงทุนระยะสั้นหรือการเก็งกำไรรายวัน
  1. การขาดความยืดหยุ่นในบางสถานการณ์

  • ทฤษฎีอาจไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาด
  • อาจไม่เหมาะสมกับทุกประเภทสินทรัพย์หรือทุกสภาวะตลาด
  1. ความเสี่ยงจากการพึ่งพาทฤษฎีมากเกินไป

  • อาจทำให้ละเลยปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคา
  • เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดหากยึดติดกับทฤษฎีโดยไม่พิจารณาบริบทอื่น

บทที่ 5: บทสรุป

  1. สรุปหลักการสำคัญของทฤษฎี Dow

  • ราคาหลักทรัพย์สะท้อนทุกปัจจัยที่มีผลกระทบ
  • แนวโน้มตลาดแบ่งเป็น 3 ระดับ: หลัก รอง และรายวัน
  • แนวโน้มเกิดขึ้นเป็นขั้นตอน: สะสม, มีส่วนร่วมของสาธารณะ, กระจายตัว
  • ดัชนีหลักของตลาดต้องยืนยันซึ่งกันและกัน
  • ปริมาณการซื้อขายต้องสอดคล้องกับแนวโน้ม
  • แนวโน้มจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจนว่าสิ้นสุด
  1. ข้อดีและข้อเสียของการประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน

ข้อดี:

  • ช่วยให้เห็นภาพรวมของตลาดได้ง่ายขึ้น
  • เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแนวโน้มในกรอบเวลาต่างๆ
  • ใช้เป็นแนวทางในการเข้าซื้อขายได้

ข้อเสีย:

  • การแปลผลขึ้นอยู่กับดุลยพินิจส่วนบุคคล
  • ไม่ได้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
  • อาจไม่เหมาะกับตลาดที่ซับซ้อนในปัจจุบัน
  1. แนวทางการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับยุคสมัย

  • ไม่ยึดติดกับดัชนีเดิม แต่พิจารณาดัชนีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
  • ใช้เครื่องมือทางเทคนิคสมัยใหม่ประกอบการวิเคราะห์
  • ติดตามการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ควบคู่กัน
  • ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น
  • เพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสถานการณ์
  • ศึกษาอิทธิพลของปัจจัยทางจิตวิทยาและพฤติกรรมการลงทุน
  • ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
  • พัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงและจิตวิทยาการลงทุน
  1. บทส่งท้าย

  • ทฤษฎี Dow ยังคงมีประโยชน์ แต่ต้องปรับใช้ให้เหมาะสม
  • ความสำเร็จในการลงทุนขึ้นอยู่กับการผสมผสานความรู้ ประสบการณ์ และการปรับตัว
  • ส่งเสริมให้ผู้อ่านพัฒนาความรู้และทักษะการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

 

ลิงค์ ดาวน์โหลด ที่นี่

 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser