HFM (HF Markets) เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2010 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศไซปรัส ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก รวมถึงเทรดเดอร์ชาวไทย เนื่องจากมีบริการที่หลากหลายและครอบคลุม ทั้งสินค้าเทรด แพลตฟอร์มซื้อขาย ประเภทบัญชี ตลอดจนโบนัสและโปรโมชั่นต่างๆ แต่ HFM จะดีและน่าเชื่อถือจริงหรือไม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง เรามาวิเคราะห์กันอย่างละเอียด
ข้อดีของ HFM โบรกเกอร์
HFM มีจุดเด่นหลายอย่าง ที่ทำให้น่าสนใจสำหรับนักลงทุน ได้แก่
- มีสินค้าให้เทรดหลากหลาย ครอบคลุมทั้งฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น คริปโต และอื่นๆ
- มีบัญชีเทรดให้เลือกถึง 4 ประเภท เหมาะสมกับเทรดเดอร์ทุกระดับ
- รองรับทั้ง MT4 และ MT5 พร้อมแอป HFM เทรดได้ทุกที่ทุกเวลา
- สเปรดต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่น โดยเฉพาะบัญชี Zero ที่สเปรดเริ่มต้นที่ 0
- มีโบนัสและโปรโมชั่นมากมาย ทั้งโบนัสเงินฝาก แคชแบ็ก และแข่งเทรดชิงรางวัล
ข้อเสียของ HFM โบรกเกอร์
แม้ HFM จะมีข้อดีเยอะ แต่ก็ยังมีข้อด้อยบางประการที่ต้องพิจารณา เช่น
- ใบอนุญาตส่วนใหญ่เป็นระดับ 2-3 ที่มีความน่าเชื่อถือปานกลางถึงต่ำ
- การฝากถอนผ่านธนาคารในไทยต้องใช้บัญชีนอกประเทศเท่านั้น ไม่มีบัญชีในไทยให้ใช้
- ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลในไทยโดยตรง หากเกิดปัญหาอาจต้องติดต่อกับทางการในต่างประเทศ
- ไม่มีเลเวอเรจให้เลือก จะถูกกำหนดตามสินทรัพย์และนโยบายของบริษัท
- ผลิตภัณฑ์ให้เทรดยังน้อยกว่าโบรกเกอร์รายใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นและคริปโต
ใบอนุญาตของ HFM น่าเชื่อถือแค่ไหน
HFM มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งทั่วโลก โดยจำแนกเป็น 3 ระดับ คือ
- ระดับ 1 (น่าเชื่อถือสูง): FCA (สหราชอาณาจักร)
- ระดับ 2 (น่าเชื่อถือปานกลาง): CySEC (ไซปรัส), DFSA (ดูไบ), FSCA (แอฟริกาใต้)
- ระดับ 3 (น่าเชื่อถือ): FSC (มอริเชียส), FSA (เซเชลส์), SVGFSA (เซนต์วินเซนต์)
แม้ส่วนใหญ่จะเป็นใบอนุญาตระดับ 2-3 แต่ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ เพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง
ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของเงินทุน
นอกจากใบอนุญาตแล้ว HFM ยังมีมาตรการอื่นๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับเงินทุนของลูกค้า ได้แก่
- แยกบัญชีลูกค้าออกจากบัญชีของบริษัท และฝากไว้กับธนาคารชั้นนำต่างๆ
- มีประกันภัยความรับผิดทางแพ่ง (Civil Liability Insurance) วงเงินสูงถึง €5,000,000
- มีกองทุนทดแทนเงินฝากเพื่อชดเชยให้ลูกค้าหากบริษัทล้มละลาย
- ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลขั้นสูง เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า
- ป้องกันไม่ให้บัญชีติดลบ ช่วยจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ประเภทบัญชีเทรดของ HFM มีอะไรบ้าง
HFM มีบัญชีเทรดให้เลือก 4 ประเภท ตามความต้องการและประสบการณ์ของเทรดเดอร์ ได้แก่
- CENT – เน้นเทรดขนาดเล็ก เหมาะกับมือใหม่ที่มีทุนจำกัด
- PREMIUM – คิดค่าสเปรดแต่ไม่มีค่าคอม เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป
- PRO – สเปรดต่ำแต่มีค่าคอม เน้นการเทรดระยะสั้นและการใช้ EA
- ZERO – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 เพื่อเทรดเดอร์ขั้นสูง
HFM แนะนำให้เปิดบัญชีแบบไหนดี
- หากเป็นมือใหม่ ควรเริ่มจากบัญชี CENT ก่อน เพื่อฝึกฝนโดยมีความเสี่ยงต่ำ ส่วนเทรดเดอร์ทั่วไปที่มีประสบการณ์แล้ว บัญชี PREMIUM จะเหมาะสุด เพราะไม่มีค่าคอม ทำให้คำนวณต้นทุนได้ง่าย
- ส่วนเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์สแกลปิง หรือเน้นใช้ EA ควรเลือกบัญชี PRO หรือ ZERO ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมาก
HFM ให้โบนัสอะไรบ้าง
HFM มีโปรโมชั่นหลายรูปแบบ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับลูกค้า อาทิ
- โบนัส 20% สำหรับการเติมเงินทุกครั้ง สูงสุด ฿180,000
- โบนัส 50 USD เมื่อฝากเงินครั้งแรกอย่างน้อย $200
- ผลตอบแทนจากเงินคงเหลือในบัญชี สูงสุด 3% ต่อเดือน
- โปรแกรมลอยัลตี้ เพื่อสะสมแต้มแลกของรางวัลต่างๆ
- การแข่งขัน Demo Contest และ Traders Awards ชิงเงินรางวัลรายเดือน
HFM โบนัส 50 USD มีเงื่อนไขอย่างไร
หากอยากได้โบนัส $50 จาก HFM มีข้อกำหนดที่ต้องทำตามดังนี้
- ฝากเงินอย่างน้อย $200 ขึ้นไป ในครั้งแรก
- ส่งคำขอรับโบนัสมาที่อีเมล info@hfmcy.com พร้อมแจ้งชื่อบัญชีเทรด
- เงินโบนัสจะถูกเพิ่มเข้าบัญชีภายใน 1 วัน
- ต้องทำปริมาณการเทรด 4 ล็อต ภายใน 30 วัน
- จึงจะสามารถถอนเงินโบนัสออกมาได้ตามปกติ
วิธี Login เข้าระบบเทรดของ HFM
สำหรับการ Login เข้าเทรดกับ HFM นั้น มีให้เลือกอยู่ 2 ช่องทางหลักๆ คือ
- ผ่านเว็บเทรด https://trade.hfm.com/login โดยใช้อีเมลและรหัสผ่าน
- ดาวน์โหลดแอป HFM Trading บน iOS หรือ Android แล้ว Login ตามปกติ
- กรณีลืมรหัสผ่าน สามารถกดปุ่ม “ลืมรหัสผ่าน” แล้วทำตามขั้นตอนเพื่อตั้งรหัสใหม่ได้เลย
แพลตฟอร์มเทรดของ HFM มีอะไรบ้าง
HFM มีแพลตฟอร์มการเทรดให้เลือกใช้งานมากมาย ทั้ง
- MetaTrader 4 (MT4) แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้
- MetaTrader 5 (MT5) รุ่นใหม่ล่าสุด เหมาะกับการเทรดทุกประเภท
- แอป HFM Trading เทรดได้สะดวกผ่านมือถือ ทั้ง iOS และ Android
- Web Trader ซื้อขายผ่านบราวเซอร์โดยตรง ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
- ระบบช่วยเทรดอัจฉริยะ ที่คอยวิเคราะห์กราฟและส่งสัญญาณการเทรด
ฝากและถอนเงินกับ HFM อย่างไร
HFM มีช่องทางให้ฝากและถอนเงินอย่างหลากหลาย สะดวกรวดเร็ว เช่น
- ธนาคารในประเทศไทย (รองรับทุกธนาคาร แต่ต้องเป็นบัญชีในต่างประเทศ)
- บัตรเครดิต Visa, TrueWallet, FasaPay
- วอลเล็ตสกุลเงินดิจิทัล เช่น Neteller, Skrill, WebMoney, Bitpay
- โอนผ่านธนาคารในต่างประเทศ (Wire Transfer)
- ใช้เหรียญคริปโต เช่น Bitcoin, Ethereum, USDT ฯลฯ
การฝากเงินจะเข้าบัญชีภายในไม่กี่นาที ส่วนการถอนเงินอาจใช้เวลา 1-2 วันทำการ ซึ่งก็ถือว่ารวดเร็วในระดับหนึ่ง
ติดต่อ HFM ในประเทศไทยได้อย่างไร
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อทีมงาน HFM Thailand ได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น
- โทรศัพท์หมายเลข 025060095 ในเวลาทำการ
- อีเมล supportth@hfm.com เพื่อสอบถามหรือแจ้งปัญหา
- แชทสดบนเว็บไซต์ HFM ที่มุมล่างขวา จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ
- แอดไลน์บริษัทเพื่อพูดคุยหรือรับข่าวสารโปรโมชั่น
- ติดตามข้อมูลผ่านเพจ HFM ประเทศไทย บนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม
ทีมงานมืออาชีพพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชี ฝากถอนเงิน ไปจนถึงคำแนะนำในการเทรด
สรุป HFM นับเป็นโบรกเกอร์ที่น่าสนใจ ด้วยข้อดีหลายประการ ทั้งความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มเทรด สเปรดต่ำและโปรโมชั่นจูงใจ แม้อาจมีข้อกังวลเรื่องใบอนุญาตระดับ 2-3 แต่ก็ยังถือว่าผ่านมาตรฐานและมีการปกป้องเงินทุนของลูกค้าอย่างเพียงพอ อีกทั้งยังมีสำนักงานในไทยและทีมงานที่พร้อมอำนวยความสะดวก จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยที่มองหาโบรกเกอร์สากลอยู่ครับ
![FOREXDUCK Logo](https://www.forexduck.com/wp-content/uploads/2024/07/FOREXDUCK-Logo.png)
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค นอกจากนี้เรามีการ update ความรู้อยู่เสมอ และมีความเชี่ยวชาญการเทรดระยะสั้นอย่างเทคนิค Scalping รวมทั้งเทคนิคใหม่ ๆ อย่าง Inner Circle Trader (ICT) หรือ Smart Money Concept ซึ่งนิยมกันอย่างแพร่หลาย