Continuation Pattern คือ อะไร มีรูปแบบอะไรบ้าง

รูปแบบแท่งเทียน Bullish Continuation และ Bearish Continuation

ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการเทรดในตลาดการเงิน Continuation Pattern หรือรูปแบบการต่อเนื่องเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นักเทรดและนักลงทุนใช้เพื่อคาดการณ์ทิศทางของราคาในอนาคต รูปแบบเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถระบุจุดที่แนวโน้มปัจจุบันอาจจะดำเนินต่อไปหลังจากช่วงของการพักตัวหรือการรวมตัว บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Continuation Pattern อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย ประเภทต่างๆ ไปจนถึงวิธีการนำไปใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจเทรด Continuation Pattern คืออะไร Continuation Pattern หรือรูปแบบการต่อเนื่อง เป็นรูปแบบทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในระหว่างแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ และมักจะบ่งชี้ว่าแนวโน้มนั้นจะดำเนินต่อไปในทิศทางเดิมหลังจากที่รูปแบบนี้สิ้นสุดลง รูปแบบเหล่านี้มักจะแสดงถึงช่วงของการพักตัวหรือการรวมตัวชั่วคราวในระหว่างแนวโน้มหลัก ลักษณะสำคัญของ Continuation Pattern มีดังนี้: เกิดขึ้นในระหว่างแนวโน้มที่ชัดเจน (ขาขึ้นหรือขาลง) แสดงถึงการพักตัวชั่วคราวของแนวโน้ม มักจะมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในระหว่างการก่อตัวของรูปแบบ เมื่อราคาหลุดออกจากรูปแบบ (breakout) มักจะมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากเกิด breakout ราคามักจะเคลื่อนที่ต่อในทิศทางเดิมของแนวโน้มหลัก ความสำคัญของ Continuation Pattern Continuation Pattern มีความสำคัญต่อนักเทรดและนักลงทุนหลายประการ: ช่วยในการยืนยันแนวโน้ม: รูปแบบเหล่านี้ช่วยยืนยันว่าแนวโน้มปัจจุบันยังคงแข็งแกร่งและมีโอกาสที่จะดำเนินต่อไป ระบุจุดเข้าเทรด: สามารถใช้เป็นสัญญาณในการเข้าเทรดตามทิศทางของแนวโน้มหลัก การจัดการความเสี่ยง: ช่วยในการกำหนดจุด stop loss และ take profit ที่เหมาะสม ประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม: ลักษณะและระยะเวลาของการก่อตัวรูปแบบสามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Hollow candle คือ มีวิธีดูอย่างไร

Hollow candle

Hollow candle คืออะไร Hollow candle หรือแท่งเทียนกลวง เป็นรูปแบบหนึ่งของแท่งเทียนในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่มีลักษณะเฉพาะคือส่วนของลำตัวแท่งเทียน (body) จะเป็นช่องว่างหรือ “กลวง” แทนที่จะเป็นสีทึบเหมือนแท่งเทียนทั่วไป โดยทั่วไป Hollow candle จะมีลักษณะดังนี้: ลำตัวเป็นช่องว่างหรือกลวง มีเส้นขอบด้านบนและด้านล่างของลำตัว อาจมีเงา (wick) ด้านบนหรือด้านล่าง หรือทั้งสองด้าน ความหมายหลักของ Hollow candle คือการแสดงถึงการปิดตลาดที่ราคาสูงกว่าราคาเปิด ซึ่งโดยทั่วไปถือเป็นสัญญาณของแรงซื้อหรือความเป็นขาขึ้น (Bullish) ความแตกต่างระหว่าง Hollow candle และแท่งเทียนปกติ เพื่อเข้าใจ Hollow candle ได้ดียิ่งขึ้น เราควรเปรียบเทียบกับแท่งเทียนปกติ: แท่งเทียนปกติ: ลำตัวทึบ สีเขียวหรือขาว: ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (Bullish) สีแดงหรือดำ: ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (Bearish) Hollow candle: ลำตัวกลวง มักใช้สีขาวหรือสีอ่อน แสดงถึงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดเสมอ (Bullish) ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ Hollow candle จะแสดงเฉพาะกรณีที่ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดเท่านั้น [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Inverted Hammer คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

17 Inverted Hammer

Inverted Hammer คืออะไร? Inverted Hammer เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีตัวเทียนเล็ก (สีขาวหรือดำ) อยู่ด้านล่างของแท่งเทียน มีเงาบนที่ยาวมาก โดยควรยาวอย่างน้อย 2-3 เท่าของตัวเทียน ไม่มีเงาล่างหรือมีเงาล่างที่สั้นมาก เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง Inverted Hammer มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาลง (bullish reversal) โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง วิธีใช้ Inverted Hammer ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Inverted Hammer มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวรับที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Inverted Hammer เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Inverted Hammer มักมีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว โดยเฉพาะถ้าเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) วิเคราะห์ความยาวของเงาบน: เงาบนที่ยาวมากบ่งบอกถึงความพยายามในการผลักดันราคาขึ้น แม้ว่าจะถูกกดลงมาปิดใกล้จุดต่ำสุดก็ตาม ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Bump and Run Reversal คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

57 Bump and Run Reversal

Bump and Run Reversal คืออะไร? Bump and Run Reversal (BARR) เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่ถูกพัฒนาโดย Thomas Bulkowski ซึ่งสามารถใช้ในการคาดการณ์การกลับตัวของราคา โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยสามส่วนหลัก: Lead-in phase, Bump phase, และ Run phase มักเกิดขึ้นหลังจากช่วงแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนาน แสดงถึงการเก็งกำไรที่มากเกินไปและการกลับตัวของราคาที่รุนแรง ลักษณะสำคัญของ Bump and Run Reversal Lead-in phase: เป็นช่วงเริ่มต้นของรูปแบบ ราคามีการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นที่สม่ำเสมอ สามารถลากเส้นแนวโน้มด้านล่างที่เชื่อมจุดต่ำสุดได้ Bump phase: ราคาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและชันมากขึ้น มักมีความผันผวนสูงและปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ราคาอาจสร้างจุดสูงสุดหลายจุดในช่วงนี้ Run phase: ราคาเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว มักมีการทะลุเส้นแนวโน้มด้านล่างที่ลากมาจาก Lead-in phase เป็นสัญญาณของการกลับตัวและการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง วิธีใช้ Bump and Run Reversal ในการวิเคราะห์ การระบุรูปแบบ: สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาที่มีลักษณะเป็นไปตามสามเฟสข้างต้น [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser