การลงทุนในปัจจุบันไม่มีใครไม่พูดถึง การลงทุนสินทรัพย์ออนไลน์ ซึ่งนักลงทุนหลายๆคนให้ความสนใจและเริ่มศึกษาจึงทำให้เกิดตลาดทางด้านการซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่เกิดขึ้นมากมายยังมีทั้งที่ถูกกฎหมายและ ผิดกฎหมาย ซึ่งก็คือการที่ไม่ได้รับการยอมรับในประเทศต่างๆ เพราะบางประเทศมีกฎหมายร่างขึ้นมาไม่เหมือนกัน ในประเทศไทยนั้นผิดกฎหมายหรือไม่เรามาดูไปพร้อมๆกันเลย
P2P binance คืออะไร
- ระบบ P2PBinance เป็นตลาดเปิดแบบเพียร์ทูเพียร์ บน Binance ทำการซื้อ-ขายสกุลเงินดิจิตอลชั้นนำของโลก
- การซื้อขายระหว่างสกุลเงินกับคริปโตเคอเรนซี่หรือที่เรารู้จักกันในรูปแบบการซื้อขายระหว่างลูกค้ากับลูกค้า ก็คือรูปแบบการซื้อขายที่ผู้ซื้อและผู้ขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่และสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงิน
- การทำธุรกรรมเมื่อการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์สกุลเงิน ได้รับการยืนยันจากทั้งสองฝ่าย สินทรัพย์ดิจิตอลจะถูกปล่อยให้กับผู้ซื้อโดยตรง
- โดยระบบ P2P บน Binance จะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเทรดในการมอบพื้นที่ปลอดภัยให้กับผู้ซื้อและผู้ขายสำหรับการลงขายจากข้อเสนอของตัวเอง
- P2P บน Binance จะให้บริการ Escrow หรือระบบการค้ำประกันการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่คอยดูแลธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
- สินทรัพย์ดิจิตอลออนไลน์ของคุณทางระบบ P2P Binance จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและการส่งมอบสินทรัพย์ดิจิตอลภายในเวลาที่เหมาะสมในระหว่างการดำเนินการเทรด
- ในการลงทุนกับคริปโตเคอเรนซี่ มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
P2P binance ผิดกฎหมายไหม
ตามปกติแล้ว การซื้อ-ขาย เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ ในสกุลเงินบาท ที่ถูกต้องตาม พรบ ทรัพย์สินดิจิตอลนั้น จะต้องทำผ่านระบบ Digital Asset Exchange ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต ได้ให้ใบอนุญาตเอาไว้เท่านั้น
P2P คือการซื้อขายกันโดยตรง ผ่านทางระบบบางอย่างที่เตรียมไว้ให้ ในลักษณะโอนเงิน โอนเหรียญกันเอง มีคำถามบ่อยมากว่า
- ในกรณีที่เรามีเงินบาทอยู่แล้วจะซื้อเหรียญคริปโตเคอเรนซี่อย่างไรที่ได้เรทดีที่สุด
- มี คริปโตเคอเรนซี่อยู่จะเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้อย่างไรที่จะได้เรทดีที่สุด
- มี คริปโตเคอเรนซี่อยู่จะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้อย่างไรบ้างที่ไม่ให้สรรพากรตรวจจับได้
จริงๆแล้วทุกคำถามที่เกิดขึ้นนั้นถ้าไม่ทำผ่านศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ดิจิตอล ก็คือเรากำลังทำผิดกฎหมายในประเทศไทยอยู่ และจะต้องยอมรับผลที่จะตามมาจากการกระทำผิดกฎหมายนั้นด้วย มีรายละเอียดอะไรบ้างดังนี้
- เข้าข่ายหลบเลี่ยงภาษีเงินได้
- หลบเลี่ยงอย่างไรเพราะว่า คริปโตเคอเรนซี่ ถือว่าเป็นสินทรัพย์ในรูปแบบของดิจิตอล
- ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจมันก็ไม่ได้แตกต่างกับการที่เราซื้อหรือขายสินค้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ เพียงแค่จับต้องไม่ได้เท่านั้นเอง
- ถ้าเราขาย เราก็จะต้องนำเงินรายได้ที่เกิดจากการขายนั้นยื่นภาษีรายได้ของเราด้วย
- มีคนไทยหลายคนทำรายได้จากคริปโตเคอเรนซี่ เป็นจำนวนมากและขายออกมาเป็นเงินบาท
- ถ้าจำนวนมูลค่าที่ขายต่อปีนั้นเกิน 1.8 ล้านบาทเราก็จะต้องยื่นจด ภาษีให้ถูกต้องด้วย
- ทำให้มีหลายคนพยายามหาช่องทางหลบเลี่ยงที่จะขายโดยไม่ถูกบันทึกไว้ในหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือสรรพากร ก็คือพยายามหลบเลี่ยงภาษีเงินได้อยู่
- อาจจะถูกจำคุก และจ่ายค่าปรับอีก 5 แสนบาท โดยไม่รู้ตัว
- ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 57 ของ พรบ สินทรัพย์ดิจิตอล ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิตอลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 17 วรรคหนึ่งหรือวรรคสองหรือเสนอขายโดยไม่กระทำผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิตอล ตามมาตรา 59 วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับเป็นเงินสดไม่เกิน 2 เท่าของราคาของโทเคนดิจิตอลทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 5 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
- ในส่วนที่ทำ P2P และ OTC ก็จะผิดเต็มๆ เพราะ ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดของประเทศไทย ไม่มี P2P และ OTC แน่นอน
- กำลังกระทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว
- กรณีเป็นลูกค้าที่เอาเงินบาทไปซื้อเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ ผ่านทาง P2P หรือในลักษณะที่เรามีคริปโตเคอเรนซี่แล้วเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทกับร้านค้าที่โฆษณารับซื้อในราคาต่างๆ
- กรณีเป็นร้านค้า เพื่อรับแลกคริปโตเคอเรนซี่จากลูกค้า กรณีนี้พบบ่อยมากจะถูกอายัดบัญชีเพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการฉ้อโกง
P2P binance ปลอดภัยไหม?
ถ้าให้ตอบชัดๆเลย ก็คือ ปลอดภัยแน่นอน เพราะว่าทาง Binance นั้นมีระบบบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขาย หรือ การทำธุรกรรมต่างๆภายในระบบ Binance สามารถเข้าไปได้ในช่องทาง >>> binance.com/es/support
- ในการซื้อขายแบบ P2P บน Binance ผู้ขายสามารถราคาการซื้อขาย และวิธีการชำระเงินตามที่ต้องการเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมการซื้อขายโดยตรงกับลูกค่า
- การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์หรือสกุลเงิน แบบออฟไลน์และยืนยันการทำธุรกรรมออนไลน์ สินทรัพย์คริปโตเคอเรนซี่จะยังคงอยู่ในกระเป๋ารับฝากเงินของทาง Binanceจนกว่าผู้ขายจะยืนยันการรับเงินจึงจะทำการปล่อยคริปโทเคอเรนซีให้แก่ผู้ซื้อ
- ในส่วนของผู้ซื้อหากคุณไม่ได้รับคริปโทเคอเรนซีภายใน 15 นาทีหลังจากที่คลิก โอนแล้ว ถัดไป สามารถคลิก ร้องเรียน ได้ที่มุมขวาด้านบนช่องแชทร้านค้า
- ฝ่ายบริการลูกค้าของทาง Binance จะช่วยเหลือคุณในการดำเนิน Order ตลอด 24 ชั่วโมง
การซื้อขายแบบ P2P ปลอดภัยหรือไม่?
ตัวอย่างข้อผิดพลาดทั่วไปในการซื้อขายแบบ P2P ที่ควรหลีกเลี่ยง
ทำความเข้าใจกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนทำการซื้อขาย
- ถ้าร้านค้าบางร้านมีเงื่อนไขหรืออะไรที่มองว่ามันดูดีเกินจริง ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้
- ผู้ขายที่ฉ้อโกงมักพยายามล่อลวงผู้ค้าที่ไม่มีประสบการณ์ด้วยการโพสต์รายชื่อคริปโตเคอเรนซีและโฆษณาที่มีราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
- ให้ตรวจสอบความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ขายอยู่เสมอตลอดจนจำนวนธุรกรรมที่ทำเสร็จสิ้นก่อนทำการซื้อขาย
อย่ากดปล่อยสินทรัพย์จนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันการชำระเงิน
- ถ้าจะขายสินทรัพย์คริปโตเคอเรนซี่ให้มีหลักฐานยืนยันว่าคุณได้รับการชำระเงินแล้วก่อนที่จะปล่อยคริปโตของคุณ
- ผู้ซื้อที่ตั้งใจจะโกงอาจส่งภาพหน้าจอหลักฐานการชำระเงินปลอมมาให้คุณ หรือทำเครื่องหมายธุรกรรมเป็น ชำระเงินแล้ว
- ให้ตรวจสอบยอดคงเหลือใน Wallet หรือบัญชีธนาคารของคุณเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าเงินเข้าแล้วก่อนที่จะปล่อยสินทรัพย์ ในกรณีทำการซื้อก็เช่นกัน
- หลีกเลี่ยงข้อเสนอทั้งหมดที่ให้ทำการสื่อสาร หรือจ่าย/ชำระรายการธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม
- มิจฉาชีพจะพยายามย้ายการสนทนาออกจากระบบ P2P ที่คุณกำลังใช้อยู่ โดยอาจอ้างว่าสะดวกกว่าในการตรวจสอบข้อความทางอีเมล
- ข้อความตัวอักษร หรือแอปแชทของบุคคลที่สาม หรือแม้กระทั่งเสนอส่วนลดสำหรับการส่งการชำระเงินนอกระบบที่คุณกำลังใช้สื่อสาร
P2P binance มีปัญหาอะไรบ้าง
- ไม่ถูกยอมรับในประเทศไทย
- ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจำนวนมาก
- โอนเงินเข้าระบบแล้วแต่ไม่ได้เหรียญ
- ปล่อยเหรียญไปแล้วแต่ไม่ได้เงิน
- มือใหม่ถูกหลอกจากมิจฉาชีพได้ง่าย
Binance โดนแบนในหลายประเทศ
- ถึงจะได้รับการยอมรับและมีการพัฒนาธุรกิจรวมถึงโปรดักออกมาอย่างมากมาย Binance เป็นหนึ่งในศูนย์ซื้อขายที่ถูกแบนในหลาย ๆ ประเทศชั้นนำ
- ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือในสหราชอาณาจักร เรื่องหลักที่โดนในหลายประเทศรวมถึงไทย คือการไม่ให้ความร่วมมือในการแจกแจงข้อมูลที่เกี่ยวกับการดำเนินงานธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล
- สินทรัพย์ Derivatives สินทรัพย์เหล่านี้มีความซับซ้อนสูง นักลงทุนบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจการทำงานของ Derivatives นั้นอาจเกิดความเสี่ยงและความเสียหายอย่างมหาศาลได้
- ระบบ P2P ที่ผู้ใช้งานสามารถทำการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตอลระหว่างกันเองได้โดยตรง เป็นหนึ่งในช่องทางที่ธุรกิจสีเทาหรือมิจฉาชีพใช้เป็นเครื่องมือ
“ก.ล.ต. ไม่อนุญาต” ให้ Binance ทำธุรกิจในประเทศไทย ส่งผลอะไรบ้าง ?
- จริงๆแล้วการแบน Binance ในหลายๆประเทศนั้นแทบไม่ได้ส่งผลอะไรมากเพราะเนื่องจากตัวเว็บไซต์หลักไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศนั้น ๆ รวมถึงไทย
- ผู้ใช้งานยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ อาจจะมีผลต่อราคาสินทรัพย์บ้างในช่วงที่ข่าวออก แต่ก็มีผลเพียงเล็กน้อยและชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
- สิ่งที่ทำให้นักลงทุนไทยหลายคนหันไปใช้ Binance เนื่องจากระบบการซื้อขายแบบ P2P ที่ช่วยทำให้แลกเงินเข้าไปลงทุนในโลกของคริปโตเคอเรนซี่ได้อย่างง่ายดาย ไม่มีค่าธรรมเนียม
- การที่หลายๆประเทศออกมาแบนรวมถึงไทยนั้น เป็นการแสดงออกของหน่วยงานกำกับดูแลถึงจุดยืนและเตือนนักลงทุนที่ลงทุนให้เฝ้าระวัง
- ระมัดระวังตัวในการเทรดผ่านเว็บไซต์เหล่านั้น เพื่อสร้างความเข้าใจและความปลอดภัยของนักลงทุนทุกกลุ่ม
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเปิดบัญชี Binance สำหรับซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่
- การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตอล อย่างการซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- มีผู้ให้บริการซื้อขายหลากหลายแห่ง ที่มีทั้งเจ้าใหญ่ในวงการและเจ้าใหม่ ก้าวเข้าสู่ตลาดการเทรดเป็นจำนวนมาก
- ทำให้ผู้ที่ต้องการจะร่วมลงทุนไปกับเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ จำเป็นต้องเลือกให้ดี
- เพื่อได้ตัวกลางที่ไว้วางใจได้มากที่สุด หนึ่งในนั้น คือ Binance ผู้นำแห่งวงการคริปโตเคอเรนซี่ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
- พัฒนาจากเว็บไซต์คนกลางขนาดเล็กสู่การเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่มีการซื้อขายเหรียญจำนวนมากจากทั่วโลก
- ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือเป็นบุคคลทั่วไป และต้องการจะซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ ในรูปแบบต่าง ๆ ขอแนะนำให้คุณทำความรู้จักกับ Binance ให้มากขึ้นก่อนเริ่มลงทุน
ทำความรู้จัก Binance เจ้าใหญ่แห่งวงการซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่
- การเทรดเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ หนึ่งในสื่อกลางหรือเว็บเทรดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ต้องยกให้กับ Binance
- พร้อมการมีข่าวในประเทศไทยที่เรียกเสียงฮือฮาจากนักลงทุนได้ไม่น้อย เพราะเป็นบริษัทด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือการซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
- ปริมาณการซื้อขายสูงถึง 17.3 พันล้านเหรียญต่อการขายใน 1 วัน ปริมาณการซื้อขายภายในตลาดสูงกว่า 5.6 แสนล้านบาท
- จึงไม่น่าแปลกใจที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าใหญ่ของโลกและมีชื่อเสียงที่สุดอย่างรวดเร็ว โดย Binance เป็นบริษัทที่ถูกก่อตั้งในปี 2017 จากความรู้และความสามารถของ Changpeng Zhao จากประเทศไต้หวัน
- Binance จึงถูกรันตีให้เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในโลก
ข้อดี ทำไมคนไทยชอบเทรดคริปโตเคอเรนซี่ใน Binance
Binance เป็นเว็บเทรดคริปโตเคอเรนซี่ที่มีฟีเจอร์มากมาย การตั้ง Stop loss โอนเงินเข้าออกแบบ P2P การ stake เหรียญ มีสภาพคล่องก็สูง Binance เป็นเว็บเทรดคริปโตอันดับหนึ่งของโลก และเล่น Futures มีครบทุกอย่าง ทำให้ซื้อง่ายขายเร็ว
โอนเงินเข้าออกแบบ P2P
- P2P เป็นรูปแบบการซื้อขายระหว่างบุคคล โดยคนที่ใช้ Binance สามารถตั้งขายเหรียญ เพื่อตั้งราคาที่ต้องการให้คนที่พร้อมจะโอนเงินเข้ามาซื้อต่อได้
- Binance ไม่ได้รองรับการเทรดด้วยเงินบาท ส่วนใหญ่จะใช้ USDT กับ BUSD สำหรับเทรดคริปโตเคอเรนซี่
- ถ้าจะซื้อเหรียญแบบ P2P ให้ศึกษาอย่างละเอียดก่อนจะตัดสินใจเริ่มโอนเงิน
จับคู่เทรดเหรียญได้หลากหลาย
- มือใหม่อาจจะงงกับระบบหน่อย การซื้อเหรียญไม่ได้ใช้ตัวเงิน หรือเหรียญที่เป็นตัวแทนดอลล่าอย่าง USDT อย่างเดียว
- แต่ยังสามารถเอาคริปโตเคอเรนซี่สกุลต่างๆ มาแลกเปลี่ยนกันเองได้ เช่น BNB แลกกับ ETH หรือจะเอา ADA มาเทรดแลกกับ BTC ก็ได้
ตั้ง Stop Loss ได้ โดยใช้ฟีเจอร์ Stop Limit
ฟีเจอร์นี้คือการตั้งขายล่วงหน้า มักจะใช้ในกรณีที่ มูลค่าเหรียญลงต่ำ จนถึงจุดที่คิดว่าจะขาดทุนมาก
- เทรด Futures
- แพลตฟลอมนี้จะคล้ายๆการเล่นพนัน รวยเร็ว แต่ถ้าเลือกทางผิดและไม่ได้ตั้ง Stop Loss ไว้เงินจะหายไปหมดเลย
- ต่างจากการเทรดคริปโตแบบปกติ มูลค่าเหรียญลงต่ำแค่ไหน จำนวนเหรียญจะยังอยู่ครบ
Stake เหรียญกินดอกเบี้ย
- สิ่งที่ทำให้ Binance เป็นหลักคือการเอาเหรียญมาฝากไว้ เพื่อรับเหรียญเพิ่ม โดยจะได้ดอกเบี้ยตามค่า APY
- ยกตัวอย่างเช่น ฝาก AXS ตอนนี้จะได้สูงถึง 100% แต่เหรียญจะถูกล็อก 30 วัน ในระหว่างนี้จะเอาไปซื้อขายไม่ได้
- ยกเว้นตัวดอกเบี้ยที่ได้ ได้เป็นเหรียญ AXS ก็เอาส่วนนี้ไปซื้อขายได้ จนครบ 30 วัน จะถอนออกมาซื้อขาย หรือ Stake ต่อยาวๆไปเลยก็ได้
- เหรียญแต่ละตัว มีเงื่อนไขการ Stake ที่แตกต่างกัน ต้องศึกษาให้รอบครอบก่อนตัดสินใจ
ฝาก BNB ลุ้นรับเหรียญต่างๆอีกมากมาย
- BNB เป็นเหรียญเก็บสะสมเพื่อเอามาฝากไว้ใน BNB Vault
- มีข้อดีคือ เวลาที่มีเหรียญโปรเจคใหม่ๆ จะมีปันผลส่วนนี้มาให้ด้วย