สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex ปัจจัยและการวิเคราะห์

IUX Markets Bonus

สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex

ในโลกของการเทรด Forex ที่มีการซื้อขายกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน การเข้าใจเรื่องสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้น หรือนักเทรดที่มีประสบการณ์ที่ต้องการพัฒนากลยุทธ์การเทรดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สภาพคล่องในตลาด Forex บ่งบอกถึงความสามารถในการซื้อขายสกุลเงินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบมากนักต่ออัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายสะท้อนถึงจำนวนธุรกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งสองปัจจัยนี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของนักเทรด

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน ไปจนถึงวิธีการวิเคราะห์และนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรด เราจะอธิบายว่าทำไมคู่สกุลเงินบางคู่ถึงมีสภาพคล่องสูงกว่าคู่อื่น และปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อปริมาณการซื้อขาย นอกจากนี้ เรายังจะแนะนำวิธีการใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของคุณ

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรด Scalping ที่ต้องการความแม่นยำสูงในการเข้าออกตลาด หรือนักเทรดระยะยาวที่ต้องการเข้าใจแนวโน้มของตลาด ความรู้เกี่ยวกับสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายจะช่วยให้คุณมีมุมมองที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับพลวัตของตลาด Forex

เตรียมพร้อมที่จะเจาะลึกเข้าสู่โลกของสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายใน Forex และค้นพบว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยยกระดับการเทรดของคุณได้อย่างไร

สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex
สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex

สภาพคล่อง (Liquidity) คืออะไร?

สภาพคล่องในตลาดการเงินหมายถึงความสามารถในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคามากนัก ในบริบทของตลาด Forex สภาพคล่องคือความสะดวกหรือประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งโดยไม่ส่งผลกระทบมากต่ออัตราแลกเปลี่ยน

 YWO Promotion

สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดคือเงินสด เนื่องจากสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้ทันทีโดยไม่สูญเสียมูลค่า ในตลาด Forex คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงจะสามารถซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว โดยมีส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย (spread) ที่แคบ

ความสำคัญของสภาพคล่อง:

  1. ลดความเสี่ยงของ slippage (การลื่นไถลของราคา)
  2. ช่วยให้ดำเนินการตามคำสั่งซื้อขายได้เร็วขึ้น
  3. ทำให้ spread แคบลง ซึ่งหมายถึงต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำลง
  4. ดึงดูดผู้เข้าร่วมตลาดมากขึ้น ทำให้มีความสะดวกและหลากหลายในการดำเนินการ

ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในตลาด Forex คืออะไร?

ปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex หมายถึงจำนวนล็อต (lots) หรือมูลค่าของสกุลเงินที่ถูกซื้อขายในช่วงเวลาหนึ่ง ปริมาณการซื้อขายเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสนใจและกิจกรรมในตลาด

ตามข้อมูลจากการสำรวจของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ในปี 2019 ปริมาณการซื้อขายรายวันในตลาด Forex อยู่ที่ประมาณ 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และเยนญี่ปุ่นมีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด

ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในตลาด Forex
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในตลาด Forex

ความสำคัญของปริมาณการซื้อขาย:

  1. บ่งชี้ความแข็งแกร่งของแนวโน้มตลาด
  2. ช่วยในการยืนยันการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
  3. สะท้อนระดับความสนใจของนักลงทุนในคู่สกุลเงินนั้นๆ
  4. ช่วยในการระบุจุดเข้าและออกจากตลาดที่มีประสิทธิภาพ

ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย

สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน:

  • ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมักมีปริมาณการซื้อขายสูง เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมาก
  • ปริมาณการซื้อขายที่สูงมักนำไปสู่สภาพคล่องที่ดีขึ้น เพราะมีโอกาสในการจับคู่คำสั่งซื้อขายได้ง่ายขึ้น
  • ในช่วงที่มีข่าวสำคัญ ปริมาณการซื้อขายอาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องชั่วคราว

ผลกระทบของสภาพคล่องสูงและต่ำต่อการเทรด

สภาพคล่องสูง:

  • มีปริมาณการซื้อขาย (volume) สูง
  • Spread แคบ ทำให้ต้นทุนการเทรดต่ำ
  • การดำเนินการคำสั่งซื้อขายเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น เช่น scalping
  • มีความผันผวนน้อยกว่า แต่ยังมีโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา

สภาพคล่องต่ำ:

  • มีปริมาณการซื้อขาย (volume) ต่ำ
  • Spread กว้าง ทำให้ต้นทุนการเทรดสูง
  • อาจเกิดการลื่นไถลของราคา (slippage) ได้ง่าย
  • อาจมีความผันผวนสูงในบางช่วงเวลา แต่ก็อาจมีช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวน้อยมาก
  • เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และยอมรับความเสี่ยงสูงได้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย

  1. เวลาทำการของตลาด:
    • ตลาด Forex เปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
    • สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายสูงสุดมักเกิดในช่วงทับซ้อนของเซสชันลอนดอนและนิวยอร์ก
    • ช่วงนอกเวลาเร่งด่วน เช่น ช่วงปลายของสหรัฐฯ หรือช่วงต้นของเอเชีย มักมีสภาพคล่องต่ำ
  2. ข่าวเศรษฐกิจและเหตุการณ์สำคัญ:
    • การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น อัตราการจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อ หรือการประกาศนโยบายของธนาคารกลาง มักส่งผลให้เกิดความผันผวนและปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
    • ช่วงก่อนการประกาศข้อมูลสำคัญ ตลาดอาจมีสภาพคล่องต่ำลงชั่วคราว เนื่องจากนักลงทุนรอดูผลการประกาศ
  3. ความเชื่อมั่นของตลาด:
    • ในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง เช่น วิกฤตการเงินหรือความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ อาจทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าตลาด ส่งผลให้สภาพคล่องลดลง
    • ในทางกลับกัน เมื่อตลาดมีความเชื่อมั่นสูง จะมีนักลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทำให้สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
  4. ประเภทของคู่สกุลเงิน:
    • คู่สกุลเงินหลัก (Major pairs) เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD มักมีสภาพคล่องสูงที่สุด
    • คู่สกุลเงินรอง (Minor pairs) มีสภาพคล่องปานกลาง
    • คู่สกุลเงินแปลก (Exotic pairs) มักมีสภาพคล่องต่ำที่สุด และมี spread กว้างกว่า

วิธีวัดปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex

การวัดปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex มีความซับซ้อนมากกว่าตลาดหุ้น เนื่องจากไม่มีศูนย์กลางการซื้อขายเพียงแห่งเดียว อย่างไรก็ตาม มีวิธีการประมาณปริมาณการซื้อขายดังนี้:

  1. Tick Volume: วัดจำนวนการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ปริมาณการซื้อขายจริง แต่สามารถใช้เป็นตัวแทนได้
  2. Indicator-based Volume: ใช้อินดิเคเตอร์เช่น On-Balance Volume (OBV) หรือ Money Flow Index (MFI) เพื่อประมาณปริมาณการซื้อขาย
  3. Broker-provided Volume: บางโบรกเกอร์อาจให้ข้อมูลปริมาณการซื้อขายจากลูกค้าของตน แต่ไม่ใช่ปริมาณการซื้อขายทั้งตลาด

กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ปริมาณการซื้อขาย

  1. การยืนยันแนวโน้ม: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางเดียวกันมักเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้ม
  2. การระบุจุดกลับตัว: การลดลงของปริมาณการซื้อขายในขณะที่ราคายังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเดิมอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัว
  3. การเทรดเบรกเอาท์: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านสำคัญมักเป็นสัญญาณยืนยันการเบรกเอาท์
  4. การวิเคราะห์ความเข้มของตลาด: ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นและลดลงในช่วงที่ราคาปรับตัวลงมักบ่งชี้ถึงตลาดที่แข็งแกร่ง
  5. การวิเคราะห์การซื้อขายของสถาบัน: ปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติอาจบ่งชี้ถึงการเข้าซื้อขายของนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่

ข้อควรระวังในการใช้ข้อมูลปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex

แม้ว่าข้อมูลปริมาณการซื้อขายจะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์ตลาด Forex แต่มีข้อควรระวังดังนี้:

  1. ความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล: เนื่องจากตลาด Forex เป็นตลาดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ทำให้ไม่มีแหล่งข้อมูลเดียวที่รวบรวมปริมาณการซื้อขายทั้งหมด
  2. ความแตกต่างระหว่างโบรกเกอร์: ข้อมูลปริมาณการซื้อขายที่แสดงในแพลตฟอร์มการเทรดอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละโบรกเกอร์
  3. การตีความที่ซับซ้อน: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การเคลื่อนไหวของราคา และบริบทของตลาด
  4. ความล่าช้าของข้อมูล: ข้อมูลปริมาณการซื้อขายอาจมีความล่าช้าในการรายงาน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

การประยุกต์ใช้ข้อมูลสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายในการเทรด Forex

  1. การเลือกคู่สกุลเงิน: นักเทรดควรพิจารณาสภาพคล่องของคู่สกุลเงินให้เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรด เช่น การเทรดระยะสั้นควรเลือกคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง
  2. การกำหนดช่วงเวลาเทรด: ควรเลือกช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องเหมาะสมกับรูปแบบการเทรด เช่น นักเทรด Scalping อาจเลือกเทรดในช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน
  3. การปรับขนาดคำสั่งซื้อขาย: ในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ ควรลดขนาดคำสั่งซื้อขายลงเพื่อลดผลกระทบต่อราคา
  4. การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด: ใช้ข้อมูลปริมาณการซื้อขายร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันแนวโน้มหรือการกลับตัวของราคา
  5. การจัดการความเสี่ยง: ปรับระดับ Stop Loss และ Take Profit ให้สอดคล้องกับสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายในแต่ละช่วงเวลา

สรุป

สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายเป็นปัจจัยสำคัญที่นักเทรด Forex ควรพิจารณาในการวางแผนกลยุทธ์การเทรด การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสองปัจจัยนี้สามารถช่วยให้นักเทรด:

  1. เลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  2. ปรับขนาดคำสั่งซื้อขายและระดับ Stop Loss ให้เหมาะสมกับสภาพตลาด
  3. วางแผนการเทรดในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายที่แตกต่างกัน
  4. ใช้ข้อมูลปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา
  5. เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายของตลาด

อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรตระหนักว่าตลาด Forex มีความซับซ้อนและมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา การศึกษาและพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฝึกฝนผ่านบัญชีทดลอง เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการเทรดและการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้ข้อมูลสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ตลาดโดยรวม และควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและน่าเชื่อถือมากขึ้น

อ้างอิง

 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser