วันนี้จากเทรนดที่ทำเห็นแนวทองที่ชัดเจนขึ้น มาติดตามการวิเคราะห์ราคาทองคำ อย่าลืมว่า การวิเคราะห์ทองคำ FOREX สำหรับคู่สกุลเงิน XAU/USD มักจะเกี่ยวข้องกับหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในสภาพภาวะเศรษฐกิจโลก การวิเคราะห์ทองคำนี้มักจะรวมถึง การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: มีเป้าหมายเพื่อเข้าใจแนวโน้มของราคาในอดีตเพื่อทำนายเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต คุณอาจจะต้องใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น moving averages, Fibonacci levels, Bollinger bands, RSI, MACD, และอื่นๆ เพื่อวิเคราะห์ราคาในอดีตและเข้าใจแนวโน้มราคา
การวิเคราะห์ทางพื้นฐาน: สนใจในการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมาโคร การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของธนาคารกลาง, และเหตุการณ์โลกที่สามารถมีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีของทองคำ อัตราส่วนของอัตราดอกเบี้ย, ความเสี่ยงทางการเมือง, การเปลี่ยนแปลงในการผลิตและความต้องการของตลาดทั่วโลกทั้งหมดสามารถส่งผลกระทบต่อราคา
การลงทุนในทองคำและการเทรด forex มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ศึกษาข้อมูลข่าว ที่เป็นประโยชน์ เพื่อจำกัดความเสี่ยงของตัวลงที่จะเกิดขึ้น
1. แนวโน้มทองคำทิศทางตลาด
วิเคราะห์แนวโน้มทองคำทิศทางตลาด พฤหัสบดี ศุกร์ กรกฎาคม 2566
- แนวโน้มในวันพฤหัสบดี ถึง ศุกร์นี้ ถ้าดูจากช่วงวันที่ผ่านมาแล้ว ลักษณะของกราฟแท่งเทียนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะยังมีทิศทางไม่แน่นอนสำหรับเทรดเดอรืที่ต้องการเก็งกำไรมากๆ วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ จะเห็นเทรนด์จากกราฟได้ชั้นเจน เพราะเป็นเทรนขาขึ้น ดูได้จากแนวรับและแนวต้าน ถึงมีการย่อตัวลงมาบ้าง แต่ยังคงเป้นเทรนด์ขาขึ้นอยู่
- ถ้าต้องการส่งคำสั่ง ในการเทรดสั้น วันพฤสบดีนี้สามารถส่งคำสั่งได้ เข้าซื้อที่ Sell ได้ เพราะกราฟแท่งเทียนมีโอกาสกลับมาชนที่แนวรับอีกครั้ง
- รอให้กราฟชนที่แนวรับแล้วสามารถเข้าซื้อได้ ควรตั้งเป็น Buy Limit เรียกอีกอย่างว่า ‘ออเดอร์รอดำเนินการ’ หรือ pending order นั่นเอง
- การหาจังหวะทำกำไรซื้อขาย ควรต้องรอให้แท่งเทียนแตะที่แนวใดแนวหนึ่ง
- ควรจะตั้ง Stop จุดขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ด้วย ทั้งในสภาวะขาดทุน และ สภาวะได้กำไร
- ส่วนการตั้ง TP (Take Profit) เสมือนว่า การที่ขายของแพงก่อน เพื่อไปซื้อคืนในราคาถูก (การวิเคราะห์ว่าราคาจะลงในอนาคต แต่ต้องขายก่อนนั้นเอง)
2. คาดการณ์แนวรับแนวต้าน ทองคำ
การคาดการณ์แนวรับแนวต้าน ทองคำ พฤหัสบดี ศุกร์ กรกฎาคม 2566
- สำหรับการคาดการณ์แนวรับแนวต้าน ในกราฟ 4 ชั่วโมง เพื่อดูว่าสามารถเข้าเทรดจุดใดมีความได้เปรียบสามารถวิเคราะห์ได้
- ใช้ Indicator : Bollinger Bands (เส้นสีเขียว 3 เส้น) ดังนี้
- Bollinger Bands ใกล้เป็นช่วงที่แคบที่สุดแล้ว สามรถรอส่งคำสั่งออร์เดอร์ได้
- ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ ≈ 1958.08 เหรียญต่อ ออนซ์ ยังถือว่าชนแนวต้านลงมา แต่ยังไม่ชนแนวรับให้ดีดตัวกลับไป
- กราฟแท่งเทียน TF H4 และถ้ายิ่งดูใน TF D1 แม้จะมีการย่อตัว แต่ก็ยังเป็นแท่งเทียนเทรนด์ขาขึ้นอยู่ในระหว่างวันนี้
- แนวรับอยู่ที่ประมาณ ≈ 1938.16 เหรียญต่อ ออนซ์
- แนวต้านอยู่ประมาณ ≈ 1963.89 เหรียญ ต่อ ออนซ์
- การขยับเข้าใกล้โซนแนวรับแนวต้าน ทำให้เทรดเดอร์ควรทำการวิเคราะห์จุดกลับตัวต่อไป
3. ข่าวที่สำคัญที่กำลังจะมาถึง
(ข่าวอ้างอิงจาก www.forexfactory.com)
ระดับความรุนแรงมี 3 ระดับ
- 🟡 คือ ข่าวธรรมดา
- 🟠 คือ ข่าวส่งผลปานกลาง
- 🔴 คือ ข่าวส่งผลรุนแรง
3.1 ข่าวพฤหัสบดี (13/07/2023)
เหตุการณ์ |
รายงานผล |
ข่าว |
Core PPI m/m |
ระดับความรุนแรง |
🔴 ข่าวส่งผลรุนแรง |
คาดการณ์ตัวเลขที่จะออก |
0.2% |
ตัวเลขของเดือนก่อนหน้า |
0.2% |
วันที่ข่าวออก |
พฤหัสบดี 13 กรกฎาคม 2566 |
เวลาข่าวออก |
19:30 น. เวลาประเทศไทย |
สรุปข่าววันพฤหัสบดี
Core PPI m/m
วัดค่าการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าที่ผู้ผลิตจำหน่าย บ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อจากฝั่งผู้ผลิต
Core PPI m/m หรือ Producer Price Index (PPI) Core มาตรฐานแบบเดือนต่อเดือน (month-over-month) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่นิยมใช้ ซึ่งบ่งบอกถึงราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตจำหน่ายให้กับตลาดขั้นต้น หรือราคาขายสินค้าของธุรกิจผู้ผลิตที่ขั้นต้น (ที่ระดับของโรงงาน) ก่อนที่สินค้าจะถูกจำหน่ายต่อไปยังตลาดปลี
“Core” PPI หมายถึง PPI ที่ไม่รวมถึงราคาสินค้าที่มีความผันผวนสูง ได้แก่ สินค้าพลังงานและอาหาร การตรวจสอบ PPI Core ช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถเห็นภาพรวมของแนวโน้มราคาในธุรกิจผู้ผลิตอย่างแท้จริง โดยไม่ได้รับอิทธิพลจากสินค้าที่มีราคาผันผวนสูง
- เมื่อ “Core PPI m/m” เพิ่มขึ้น แสดงว่าราคาที่ผู้ผลิตจำหน่ายไปยังตลาดขั้นต้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราการเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
- หาก “Core PPI m/m” ลดลง อาจนำไปสู่การลดลงของอัตราการเงินเฟ้อ และธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ย
ทิศทางของข่าว
- หากตัวเลข Actual ออกมาสูงกว่า Forecast, USD จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
- หากค่า “จริง” (Actual) มากกว่า “พยากรณ์” (Forecast) นั้นดีสำหรับสกุลเงิน USD
- ข่าวช่วง 19.30 น. ครั้งนี้ถือว่าเป็นข่าวแรง ส่งผลกระทบต่อค่าเงินมาก
- จึงถือว่า ระดับข่าวเป็นระดับรุนแรง อาจทำให้เทรนค่าเงินเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากตามไปด้วย
3.2 ข่าววันศุกร์ (14/07/2023)
เหตุการณ์ |
รายงานผล |
ข่าว |
Manufacturing Sales m/m |
ระดับความรุนแรง |
🟡 ข่าวธรรมดา |
คาดการณ์ตัวเลขที่จะออก |
0.8% |
ตัวเลขของเดือนก่อนหน้า |
0.3% |
วันที่ข่าวออก |
ศุกร์ 14 กรกฎาคม 2566 |
เวลาข่าวออก |
19:30 น. เวลาประเทศไทย |
สรุปข่าววันศุกร์
Manufacturing Sales m/m คือ
Manufacturing Sales m/m หรือ ยอดขายการผลิตแบบเดือนต่อเดือน (month-over-month) คือ ตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลยอดขายของภาคการผลิตในประเทศ การเปรียบเทียบระหว่างเดือนปัจจุบันและเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายงานจากประเทศและหน่วยงานที่รายงาน
เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของภาวะเศรษฐกิจ ผู้ผลิตจะได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วจากสภาวะตลาด และการเปลี่ยนแปลงของยอดขายอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของกิจกรรมในอนาคต เช่น การใช้จ่าย การจ้างงาน และการลงทุน
- การเพิ่มขึ้นของ Manufacturing Sales m/m อาจแสดงว่าภาคการผลิตในประเทศกำลังเจริญก้าวหน้า ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและการเจริญเติบโตที่ดีของภาคธุรกิจ
- แต่ถ้ามีการลดลง อาจแสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอหรือภาวะธุรกิจที่เลวร้าย
ทิศทางของข่าว
- หากตัวเลขออกมาสูงกว่าเดิม (มากกว่า) >CAD มักจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
- หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าเดิม (น้อยกว่า) < CAD มักจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
- ข่าวช่วง 19.30 น. ครั้งนี้ถือว่า ส่งผลกระทบน้อยมาก
- หากค่า “จริง” (Actual) มากกว่า “พยากรณ์” (Forecast) นั้นดีสำหรับสกุลเงิน CAD
4. คำแนะนำในการเทรด
- จากกราฟวันนี้ยังคงเป็นเทรนด์ขาขึ้นตลอดวัน หากต้องการส่งคำสั่งซื้อขาย เพื่อทำกำไรในระยะสั้นๆก็สามารถทำได้
- ให้เข้าเทรดที่แนวรับ ราคา 1942 เส้นสีขาว ซึ่งคือการส่งแบบ Buy Limit
- ตั้ง Pending โดยส่งคำสั่ง Buy Limit เพื่อให้ราคามาชนและดีดกลับ ตรงลูกศรชี้
- สำหรับวิธีการตั้ง Pending ราคา ควรตั้งต่ำกว่าเส้น แนวรับเล็กน้อย จากภาพตั้ง Buy Limit 1545.55 เพราะเส้นแนวรับคือ ราคามาชน
- ควรใช้ Buy Limit ตอนที่เราคิดว่าหากราคาของคู่เงินที่จะเทรดมันลงไปถึงจุดหนึ่งแล้วมันน่าจะเด้งขึ้น ซึ่งก็มีแนวทางมากมายในการหาจุดที่จะตั้ง Buy Limit วิธีการตั้งจุดเข้าที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ จะทำให้ได้ Risk Reward สูง
- ตัวอย่างนี้ อย่าลืมว่ายังคงเป็นเทรนด์ขาขึ้น อาจจะทำกำไรในช่วง Day เท่านั้น การส่งคำสำสั่งซื้อขายควรต้องดูองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย เช่น ข่าวแรงที่กำลังจะมาถึง อาจทำให้รูปแบบกราฟมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น
- ตั้ง Take Profit ไว้ที่แนวต้าน เดิมในกรอบ Time Frame 4H
- การตั้ง Take Profit ควรตั้งไว้ที่แนวราคาปิด (คือ แนวราคา แนวต้าน) ซึ่งไม่ควรตั้งที่ปลายไส้ เพื่อให้ชนราคา Take Profit แน่นอน
- หากตั้ง Buy Limit ไว้แล้วควรตั้งราคา Take profit อยู่ที่ราคาประมาณ 1964.06
- และต้องหาจุด ตั้ง Stop Loss (SL) ไว้ในราคาที่เหมาะสมด้วย ซึ่งการตั้ง Stop Loss จะช่วยการันตีว่าเราจะไม่กลับไปขาดทุนอีก เนื่องจากเราได้ตั้ง Stop Loss สูงกว่าตอนที่เราเปิดออเดอร์ (สามารถตั้ง Stop Loss รูปแบบนี้ได้เฉพาะตอนออเดอร์ที่ถืออยู่ได้กำไรแล้วเท่านั้น)