RVI Relative vigor index คืออะไร วิธีการใช้งานและข้อมูล

IUX Markets Bonus

Relative vigor index (RVI) คือ

1 Relative vigor index (RVI) คือ

Relative Vigor Index (RVI) คือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคใช้ในการวิเคราะห์ตลาด ในการซื้อขายที่ได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อวัดความแข็งแกร่งของการเปลี่ยนแปลงราคาในปริมาณการซื้อขายในช่วงระยะสั้น มันถูกออกแบบมา เพื่อใช้ในการวิเคราะห์การซื้อขายในเวลาแน่นอนเช่นเดียวกับการสังเกตการณ์ในการซื้อขายแบบรายวันหรือรายสัปดาห์

RVI ทำงานโดยการเปรียบเทียบราคาเปิดกับราคาปิดของหุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์อื่นๆ โดยทั่วไปแล้ว ในภาวะตลาดที่มีความแข็งแกร่ง ราคาปิดมักจะสูงกว่าราคาเปิด และในภาวะตลาดที่อ่อนแอราคาปิดมักจะต่ำกว่าราคาเปิด

การคำนวณ RVI ทำโดยการหารความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด (ราคาปิด – ราคาเปิด) ด้วยความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของวันนั้น (ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด) สูตรคำนวณดังกล่าวจะได้ผลลัพธ์เป็น RVI

RVI จะสร้างสัญญาณซื้อขายตามความแข็งแกร่งของราคา ถ้าค่า RVI ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ แต่ถ้าค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณขาย

 

ประวิติความเป็นมาของ Relative vigor index (RVI)

 YWO Promotion

2 ประวิติความเป็นมาของ Relative vigor index

John Ehlers คือหนึ่งในผู้ทำนายทางเทคนิคที่มีชื่อเสียง และเขาถูกรู้จักกันในวงการการซื้อขายทางด้านเทคนิคเป็นผู้สร้างแนวคิดเรื่องการนำวิทยาศาสตร์สัญญาณดิจิตอลมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด เขาได้เขียนหนังสือหลายเล่มที่ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับการซื้อขายแบบคลื่นวิทยุ เช่น “Rocket Science for Traders”, “Cybernetic Analysis for Stocks and Futures”, “MESA and Trading Market Cycles” และ “Cycle Analytics for Traders”

Ehlers ได้สร้าง Relative Vigor Index (RVI) เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคา ตัวชี้วัดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัดความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะปิดในส่วนบนของวันในการขยับขึ้นและปิดในส่วนล่างของวันในการขยับลงนี่คือ พื้นฐานของแนวคิดใน RVI ที่มีการสร้างสัญญาณซื้อขายจากการเปรียบเทียบระหว่างราคาปิดและราคาเปิด

หมายเหตุ: ความรู้ในการประวัติศาสตร์ของ John Ehlers และ RVI อาจจำกัดได้ที่ข้อมูลที่มีจนถึงวันที่ปัจจุบัน (2021) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปรับปรุง การเปลี่ยนแปลง ต้องอธิบายเพิ่มว่า Ehlers มีความสนใจในการวิเคราะห์ระบบและวิทยาศาสตร์การควบคุม และเขาได้นำประสบการณ์นี้มาใช้ในการพัฒนาเครื่องมือและตัวชี้วัดการซื้อขายที่มีการนำเสนอทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งรวมถึง Relative Vigor Index (RVI) คือเครื่องมือที่เรากำลังพูดถึง

RVI ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะได้เรียบเรียงการเคลื่อนไหวราคาเป็นอันดับ โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและราคาเปิดในวันนั้น เพื่อให้เราเห็นแนวโน้มและความแข็งแกร่งของการขยับขึ้นหรือลงของราคา

Ehlers ได้แนะนำการใช้ RVI ในการสร้างสัญญาณซื้อขาย โดยเมื่อค่า RVI ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ และเมื่อค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณขาย แต่ก็เช่นเดียวกับตัวชี้วัดการซื้อขายทุกอย่าง การใช้ RVI ควรคำนึงถึงความเสี่ยงและข้อจำกัด มันไม่ควรใช้ในการตัดสินใจซื้อขายโดยอิสระเดี่ยว แต่ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ

 

การใช้งาน RVI Indicator

Relative Vigor Index (RVI) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาตามความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและราคาเปิดในรายการต่าง ๆ มีการใช้งาน ดังนี้

  • การคำนวณ RVI: RVI คำนวณโดยการนำราคาปิดและราคาเปิดมาเปรียบเทียบ สูตรที่ใช้คือ (ราคาปิด – ราคาเปิด) / (ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด)
  • การอ่าน RVI: ค่าของ RVI ที่ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์แสดงว่าแนวโน้มเป็นบวก ทำให้ควรพิจารณาซื้อ. ในทางกลับกัน ถ้าค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันแสดงว่าแนวโน้มเป็นลบ ทำให้ควรพิจารณาขาย
  • การสร้างสัญญาณการซื้อขาย: สัญญาณการซื้อจะถูกสร้างเมื่อ RVI ผ่านเส้นศูนย์จากล่างขึ้นมา ส่วนสัญญาณการขายจะถูกสร้างเมื่อ RVI ผ่านเส้นศูนย์จากบนลงมา
  • การใช้ RVI ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ: แม้ว่า RVI จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แนวโน้มและการซื้อขาย แต่มันไม่ควรใช้เป็นตัวเดียว ควรใช้มันร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อทำให้แน่ใจว่าการตัดสินใจการซื้อขายของคุณมีการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์
  • การแปลผลลัพธ์: ความคลาดเคลื่อนทางสถิติสามารถเกิดขึ้นในการคำนวณ RVI ดังนั้นผลลัพธ์ควรถูกตีความในบริบทของข้อมูลอื่น ๆ และตัวชี้วัดที่สนับสนุน

 

ขั้นตอนการใช้งาน RVI Indicator

RVI (Relative Vigor Index) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนของราคาในตลาดทางการเงิน โดยสามารถใช้ในการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของราคาและความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด ต่อไปนี้คือขั้นตอนการใช้งาน RVI Indicator

คำนวณข้อมูล RVI:

คำนวณค่า RVI โดยใช้ข้อมูลราคาและปริมาณซื้อขายในช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ โดยสามารถใช้สูตรดังนี้:

  • คำนวณค่า Typical Price: (High + Low + Close) / 3
  • คำนวณค่า RVI: 100 * (Simple Moving Average(Typical Price, N) / Simple Moving Average(Absolute Price Change, N))
  • ที่นี่ N คือจำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

การอ่านค่า RVI:

  • แสดงค่า RVI บนกราฟของราคา ในรูปแบบของกราฟเส้นโดยมีขอบเขตค่าอยู่ในช่วง 0 ถึง 100
  • โดยราคาที่สูงกว่า 50 จะแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อขายที่แข็งแกร่งขึ้น
  • ในขณะที่ราคาที่ต่ำกว่า 50 จะแสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งขึ้น

การใช้งาน RVI Indicator:

ใช้ค่า RVI เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของราคาและความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยมีสัญญาณสำคัญดังนี้:

  • เมื่อค่า RVI เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50: อาจแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่แข็งแกร่งและอาจเป็นสัญญาณของการซื้อ
  • เมื่อค่า RVI ลดลงต่ำกว่าระดับ 50: อาจแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่อ่อนแอและอาจเป็นสัญญาณของการขาย

การตรวจสอบความสมดุลของ RVI กับราคา:

  • ควรตรวจสอบว่าค่า RVI สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาหรือไม่
  • ถ้าราคาเพิ่มขึ้นแต่ RVI ลดลง อาจแสดงถึงความอ่อนแอของการเคลื่อนไหว

 

การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview

3 การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview 1

 

การตั้งค่า RVI Indicator ใน TradingView

4 การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview 2

  • เปิดกราฟใน TradingView ที่คุณต้องการใช้ RVI Indicator
  • คลิกที่ปุ่ม “Indicator” ที่ด้านบนของหน้าจอ เพื่อเปิดหน้าต่าง Indicator
  • ในหน้าต่าง Indicator, ค้นหา “Relative Vigor Index” หรือ “RVI” ในช่องค้นหา
  • เมื่อพบ Indicator ที่ต้องการ, คลิกที่ชื่อ Indicator เพื่อเปิดการตั้งค่า

ในหน้าต่างการตั้งค่า Indicator, สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของ RVI Indicator ตามความต้องการของคุณ อาจมีพารามิเตอร์เหล่านี้:

5 การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview 3

  • Source: ประเภทข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ RVI สามารถเลือกได้ระหว่าง “Close”, “Open”, “High”, “Low” เป็นต้น โดยค่าเริ่มต้นคือ “Close”
  • Period: จำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณค่า RVI
  • ยังสามารถปรับแต่งพารามิเตอร์อื่น ๆ ได้ตามต้องการ
  • เมื่อปรับแต่งเสร็จสิ้นให้คลิก “OK”
  • หลังจากที่คุณปรับแต่งการตั้งค่า Indicator เสร็จสิ้น กด “OK” เพื่อให้ Indicator ปรากฏบนกราฟ

RVI Indicator จะปรากฏบนกราฟแท่งเทียนของราคา เพื่อให้คุณสามารถวิเคราะห์แรงขายและแรงซื้อในตลาดได้ตามค่า RVI ที่แสดงบนกราฟ จากนั้นคุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่าง ๆ ของ RVI Indicator ตามความต้องการของคุณเพื่ความสำคัญของการ การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingviewอให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมและอ่านง่ายในการวิเคราะห์กราฟราคาใน TradingView

การตั้งค่า RVI Indicator ใน MT4

6 การตั้งค่า RVI Indicator ใน MT4 1 7 การตั้งค่า RVI Indicator ใน MT4 2

ในการตั้งค่า RVI Indicator ในโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  • เปิดโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) และเลือกกราฟที่คุณต้องการใช้งาน RVI Indicator
  • คลิกที่เมนู “Insert” ด้านบนของหน้าต่าง MT4
  • เลือก “Indicators” เพื่อเปิดรายการตัวชี้วัดทางเทคนิค
  • ในรายการตัวชี้วัดทางเทคนิค, ค้นหา “Relative Vigor Index” หรือ “RVI” และเลือกตัวชี้วัดนี้
  • เมื่อคุณเลือก RVI Indicator จะปรากฏหน้าต่างการตั้งค่าของ Indicator ที่เกี่ยวข้อง

ในหน้าต่างการตั้งค่า Indicator คุณสามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของ RVI Indicator ตามต้องการของคุณ อาจมีพารามิเตอร์เหล่านี้:

  • Period: จำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณค่า RVI
  • Apply to: ประเภทข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ RVI สามารถเลือกได้ระหว่าง “Close”, “Open”, “High”, “Low” เป็นต้น
  • สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์อื่น ๆ ตามความต้องการ
  • เมื่อปรับแต่งเสร็จสิ้น ให้คลิก “OK”
  • เมื่อคุณคลิก “OK”
  • RVI Indicator จะปรากฏบนกราฟของคุณ

RVI Indicator จะแสดงผลในรูปแบบของกราฟหรือเส้นเพื่อช่วยในการวิเคราะห์แรงซื้อและแรงขายในตลาด คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่า RVI Indicator ตามความต้องการของคุณเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดในแพลตฟอร์ม MT4

 

ความสำคัญของการ การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview และ MT4

ความสำคัญของการตั้งค่า RVI Indicator ใน TradingView:

  • วิเคราะห์แรงซื้อและแรงขาย: RVI Indicator ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์แรงซื้อและแรงขายในตลาดได้โดยตรง โดยค่า RVI ที่สูงกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ค่า RVI ที่ต่ำกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง การตั้งค่า RVI Indicator ที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณเห็นความแข็งแกร่งของแรงซื้อและแรงขายในตลาดอย่างชัดเจน
  • ตรวจสอบความสมดุลของราคา: การตั้งค่า RVI Indicator ให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อมีค่า RVI ที่สูงขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคาที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อกำลังเข้มแข็ง ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีค่า RVI ลดลงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลง อาจเป็นสัญญาณว่าแรงขายกำลังเข้มแข็ง การตั้งค่า RVI Indicator ที่ถูกต้องช่วยให้คุณตรวจสอบความสมดุลระหว่างค่า RVI กับการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ: RVI Indicator เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเมื่อนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ใน TradingView เช่นการใช้งานร่วมกับเส้นเทรนด์, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, หรือระดับการสนับสนุนและความต้านทาน การตั้งค่า RVI Indicator ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ที่คุณใช้งาน จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด
  • การตั้งค่า RVI Indicator ใน TradingView เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ตรงต่อความต้องการของคุณในการวิเคราะห์กราฟราคา และช่วยให้คุณทำการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดทางการเงินได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ข้อดีข้อเสียของ RVI Indicator

ข้อดี RVI Indicator

RVI Indicator (Relative Vigor Index) มีข้อดีหลายประการเมื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดทางการเงิน นี่คือข้อดีหลักของ RVI Indicator

  • วัดแรงซื้อและแรงขาย: RVI Indicator ช่วยวัดแรงซื้อและแรงขายในตลาดได้อย่างแม่นยำ โดยคำนวณค่า RVI จากการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคากับความแตกต่างระหว่างราคาปิดแต่ละวัน การวัดแรงซื้อและแรงขายช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงในการตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สัญญาณการซื้อขาย: RVI Indicator สามารถให้สัญญาณการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพได้ โดยในกรณีที่ค่า RVI มีค่าสูงกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณในการซื้อ เป็นต้น การใช้สัญญาณของ RVI Indicator สามารถช่วยในการตรวจสอบจุดเข้าและออกของตลาดในการซื้อขาย
  • การตรวจสอบความสมดุลของตลาด: RVI Indicator ช่วยในการตรวจสอบความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายในตลาด โดยค่า RVI ที่สูงกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ค่า RVI ที่ต่ำกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง การตรวจสอบความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มและแรงขับเคลื่อนของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ: RVI Indicator เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด คุณสามารถนำ RVI Indicator มาใช้ร่วมกับเส้นเทรนด์, แบบจำลองราคา, หรือแนวรับแนวต้าน เพื่อทำให้คุณได้ข้อมูลที่เพิ่มเติมในการวิเคราะห์และตัดสินใจการซื้อขาย

ข้อเสียของ RVI Indicator

RVI Indicator ก็มีข้อเสียบางอย่างที่คุณควรพิจารณาเมื่อใช้งาน นี่คือข้อเสียบางอย่างของ RVI Indicator:

  • ความล่าช้าในการส่งสัญญาณ: RVI Indicator มีความล่าช้าในการส่งสัญญาณสำหรับการซื้อขาย ซึ่งอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่ดีในการเข้าหรือออกจากตลาดในขณะที่ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การล่าช้าในการส่งสัญญาณสามารถทำให้การซื้อขายไม่ได้ผลในบางครั้งหรือมีผลกำไรน้อยลง
  • ไม่เหมาะสำหรับตลาดแบบออกแบบใหม่: RVI Indicator อาจไม่เหมาะสำหรับตลาดที่มีลักษณะแบบออกแบบใหม่ที่มีความผันผวนและความแกว่งใหญ่ ในบางกรณี RVI Indicator อาจให้สัญญาณไม่เพียงพอในการวิเคราะห์สภาพตลาดที่ซับซ้อน และอาจทำให้การตัดสินใจการซื้อขายไม่ถูกต้อง
  • ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: RVI Indicator อย่างเดียวของมันไม่เพียงพอในการทำการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณอาจต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น เส้นเทรนด์, แบบจำลองราคาหรือระดับการสนับสนุนและความต้านทานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง
  • อาจไม่เหมาะกับทุกสภาวะตลาด: RVI Indicator อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำหรือไม่เหมาะสมกับทุกสภาวะตลาด คุณควรพิจารณาความเหมาะสมของ RVI Indicator ในสภาวะตลาดที่คุณกำลังศึกษาและใช้งาน

 

องค์ประกอบการใช้ Reletive vigor index ให้ประสบความสำเร็จ

8 องค์ประกอบการใช้ Reletive vigor index

Relative Vigor Index (RVI) คือ เครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของเทรนด์ตามความเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น การที่ราคาหุ้นขยับขึ้นหรือลงด้วยความแรงที่มากขึ้นจะสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเทรนด์ดังกล่าว

  • RVI มีค่าระหว่าง -1 และ +1 ซึ่งค่าที่ใกล้เคียง +1 หมายความว่ามีเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
  • ในขณะที่ค่าที่ใกล้เคียง -1 หมายความว่ามีเทรนด์ขาลงที่แข็งแกร่ง ถ้า RVI ใกล้ 0 คือเทรนด์ไม่ชัดเจน หรือไม่มีเทรนด์

เพื่อให้การใช้ RVI ประสบความสำเร็จ ควรทำตามขั้นตอนดังนี้:

  • ประเมินค่า RVI: หาค่า RVI ของหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ต้องการวิเคราะห์ ค่าที่สูงขึ้นหมายความว่ามีเทรนด์ขาขึ้น ในขณะที่ค่าที่ต่ำลงหมายความว่ามีเทรนด์ขาลง
  • ใช้สัญญาณหักมุมเป็นตัวชี้วัด: เมื่อ RVI หักมุมจากบวกเป็นลบ (หรือทวนทาง) นี่เป็นสัญญาณว่ามีเทรนด์ขาลงที่เริ่มขึ้น และเมื่อ RVI หักมุมจากลบเป็นบวก นี่เป็นสัญญาณว่ามีเทรนด์ขาขึ้นที่เริ่มขึ้น
  • ใช้สัญญาณการเซนเซอร์: สามารถใช้สัญญาณจากการเซนเซอร์ RVI (ที่อยู่ในช่วง -1 ถึง +1) เพื่อดูว่าเทรนด์ขณะนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
  • ควบคู่กับตัวชี้วัดอื่น ๆ: RVI มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ ทางเทคนิค เช่น Moving Averages, Bollinger Bands, หรือ Stochastics
  • ไม่ควรทำการซื้อขายแบบด้วยความรู้สึก: RVI เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ให้ข้อมูล เรายังควรใช้ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมในการตัดสินใจด้านการลงทุน
  • ตรวจสอบข้อมูลประกอบ: ถ้าคุณสนใจในการซื้อหุ้นบางตัว เช่น ควรดูแผนภูมิ RVI ของหุ้นนั้นในช่วงเวลาที่ยาวนาน และเปรียบเทียบกับข้อมูลประกอบอื่น ๆ เช่น งานประกอบการ, ข้อมูลทางการเงิน, และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง
 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser