RVI คืออะไร Reletive vigor index คือ การใช้งาน การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview และ MT4

Relative vigor index (RVI) คือ

1 Relative vigor index (RVI) คือ

Relative Vigor Index (RVI) คือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคใช้ในการวิเคราะห์ตลาด ในการซื้อขายที่ได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อวัดความแข็งแกร่งของการเปลี่ยนแปลงราคาในปริมาณการซื้อขายในช่วงระยะสั้น มันถูกออกแบบมา เพื่อใช้ในการวิเคราะห์การซื้อขายในเวลาแน่นอนเช่นเดียวกับการสังเกตการณ์ในการซื้อขายแบบรายวันหรือรายสัปดาห์

RVI ทำงานโดยการเปรียบเทียบราคาเปิดกับราคาปิดของหุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์อื่นๆ โดยทั่วไปแล้ว ในภาวะตลาดที่มีความแข็งแกร่ง ราคาปิดมักจะสูงกว่าราคาเปิด และในภาวะตลาดที่อ่อนแอราคาปิดมักจะต่ำกว่าราคาเปิด

การคำนวณ RVI ทำโดยการหารความแตกต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด (ราคาปิด – ราคาเปิด) ด้วยความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของวันนั้น (ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด) สูตรคำนวณดังกล่าวจะได้ผลลัพธ์เป็น RVI

RVI จะสร้างสัญญาณซื้อขายตามความแข็งแกร่งของราคา ถ้าค่า RVI ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ แต่ถ้าค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณขาย

 

ประวิติความเป็นมาของ Relative vigor index (RVI) คือ

2 ประวิติความเป็นมาของ Relative vigor index

John Ehlers คือหนึ่งในผู้ทำนายทางเทคนิคที่มีชื่อเสียง และเขาถูกรู้จักกันในวงการการซื้อขายทางด้านเทคนิคเป็นผู้สร้างแนวคิดเรื่องการนำวิทยาศาสตร์สัญญาณดิจิตอลมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด เขาได้เขียนหนังสือหลายเล่มที่ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับการซื้อขายแบบคลื่นวิทยุ เช่น “Rocket Science for Traders”, “Cybernetic Analysis for Stocks and Futures”, “MESA and Trading Market Cycles” และ “Cycle Analytics for Traders”

Ehlers ได้สร้าง Relative Vigor Index (RVI) เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคา ตัวชี้วัดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัดความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะปิดในส่วนบนของวันในการขยับขึ้นและปิดในส่วนล่างของวันในการขยับลงนี่คือ พื้นฐานของแนวคิดใน RVI ที่มีการสร้างสัญญาณซื้อขายจากการเปรียบเทียบระหว่างราคาปิดและราคาเปิด

หมายเหตุ: ความรู้ในการประวัติศาสตร์ของ John Ehlers และ RVI อาจจำกัดได้ที่ข้อมูลที่มีจนถึงวันที่ปัจจุบัน (2021) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปรับปรุง การเปลี่ยนแปลง ต้องอธิบายเพิ่มว่า Ehlers มีความสนใจในการวิเคราะห์ระบบและวิทยาศาสตร์การควบคุม และเขาได้นำประสบการณ์นี้มาใช้ในการพัฒนาเครื่องมือและตัวชี้วัดการซื้อขายที่มีการนำเสนอทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งรวมถึง Relative Vigor Index (RVI) คือเครื่องมือที่เรากำลังพูดถึง

RVI ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะได้เรียบเรียงการเคลื่อนไหวราคาเป็นอันดับ โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและราคาเปิดในวันนั้น เพื่อให้เราเห็นแนวโน้มและความแข็งแกร่งของการขยับขึ้นหรือลงของราคา

Ehlers ได้แนะนำการใช้ RVI ในการสร้างสัญญาณซื้อขาย โดยเมื่อค่า RVI ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ และเมื่อค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันสามารถถือว่าเป็นสัญญาณขาย แต่ก็เช่นเดียวกับตัวชี้วัดการซื้อขายทุกอย่าง การใช้ RVI ควรคำนึงถึงความเสี่ยงและข้อจำกัด มันไม่ควรใช้ในการตัดสินใจซื้อขายโดยอิสระเดี่ยว แต่ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ

 

การใช้งาน RVI Indicator

Relative Vigor Index (RVI) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาตามความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและราคาเปิดในรายการต่าง ๆ มีการใช้งาน ดังนี้

  • การคำนวณ RVI: RVI คำนวณโดยการนำราคาปิดและราคาเปิดมาเปรียบเทียบ สูตรที่ใช้คือ (ราคาปิด – ราคาเปิด) / (ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด)
  • การอ่าน RVI: ค่าของ RVI ที่ยกขึ้นเหนือเส้นศูนย์แสดงว่าแนวโน้มเป็นบวก ทำให้ควรพิจารณาซื้อ. ในทางกลับกัน ถ้าค่า RVI ลดลงอยู่ใต้เส้นศูนย์ มันแสดงว่าแนวโน้มเป็นลบ ทำให้ควรพิจารณาขาย
  • การสร้างสัญญาณการซื้อขาย: สัญญาณการซื้อจะถูกสร้างเมื่อ RVI ผ่านเส้นศูนย์จากล่างขึ้นมา ส่วนสัญญาณการขายจะถูกสร้างเมื่อ RVI ผ่านเส้นศูนย์จากบนลงมา
  • การใช้ RVI ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ: แม้ว่า RVI จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แนวโน้มและการซื้อขาย แต่มันไม่ควรใช้เป็นตัวเดียว ควรใช้มันร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อทำให้แน่ใจว่าการตัดสินใจการซื้อขายของคุณมีการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์
  • การแปลผลลัพธ์: ความคลาดเคลื่อนทางสถิติสามารถเกิดขึ้นในการคำนวณ RVI ดังนั้นผลลัพธ์ควรถูกตีความในบริบทของข้อมูลอื่น ๆ และตัวชี้วัดที่สนับสนุน

 

ขั้นตอนการใช้งาน RVI Indicator

RVI (Relative Vigor Index) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนของราคาในตลาดทางการเงิน โดยสามารถใช้ในการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของราคาและความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด ต่อไปนี้คือขั้นตอนการใช้งาน RVI Indicator

คำนวณข้อมูล RVI:

คำนวณค่า RVI โดยใช้ข้อมูลราคาและปริมาณซื้อขายในช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ โดยสามารถใช้สูตรดังนี้:

  • คำนวณค่า Typical Price: (High + Low + Close) / 3
  • คำนวณค่า RVI: 100 * (Simple Moving Average(Typical Price, N) / Simple Moving Average(Absolute Price Change, N))
  • ที่นี่ N คือจำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

การอ่านค่า RVI:

  • แสดงค่า RVI บนกราฟของราคา ในรูปแบบของกราฟเส้นโดยมีขอบเขตค่าอยู่ในช่วง 0 ถึง 100
  • โดยราคาที่สูงกว่า 50 จะแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อขายที่แข็งแกร่งขึ้น
  • ในขณะที่ราคาที่ต่ำกว่า 50 จะแสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งขึ้น

การใช้งาน RVI Indicator:

ใช้ค่า RVI เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของราคาและความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยมีสัญญาณสำคัญดังนี้:

  • เมื่อค่า RVI เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50: อาจแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่แข็งแกร่งและอาจเป็นสัญญาณของการซื้อ
  • เมื่อค่า RVI ลดลงต่ำกว่าระดับ 50: อาจแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่อ่อนแอและอาจเป็นสัญญาณของการขาย

การตรวจสอบความสมดุลของ RVI กับราคา:

  • ควรตรวจสอบว่าค่า RVI สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาหรือไม่
  • ถ้าราคาเพิ่มขึ้นแต่ RVI ลดลง อาจแสดงถึงความอ่อนแอของการเคลื่อนไหว

 

การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview

3 การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview 1 4 การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview 2

5 การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview 3

การตั้งค่า RVI Indicator ใน TradingView

  • เปิดกราฟใน TradingView ที่คุณต้องการใช้ RVI Indicator
  • คลิกที่ปุ่ม “Indicator” ที่ด้านบนของหน้าจอ เพื่อเปิดหน้าต่าง Indicator
  • ในหน้าต่าง Indicator, ค้นหา “Relative Vigor Index” หรือ “RVI” ในช่องค้นหา
  • เมื่อพบ Indicator ที่ต้องการ, คลิกที่ชื่อ Indicator เพื่อเปิดการตั้งค่า

ในหน้าต่างการตั้งค่า Indicator, สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของ RVI Indicator ตามความต้องการของคุณ อาจมีพารามิเตอร์เหล่านี้:

  • Source: ประเภทข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ RVI สามารถเลือกได้ระหว่าง “Close”, “Open”, “High”, “Low” เป็นต้น โดยค่าเริ่มต้นคือ “Close”
  • Period: จำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณค่า RVI
  • ยังสามารถปรับแต่งพารามิเตอร์อื่น ๆ ได้ตามต้องการ
  • เมื่อปรับแต่งเสร็จสิ้นให้คลิก “OK”
  • หลังจากที่คุณปรับแต่งการตั้งค่า Indicator เสร็จสิ้น กด “OK” เพื่อให้ Indicator ปรากฏบนกราฟ

RVI Indicator จะปรากฏบนกราฟแท่งเทียนของราคา เพื่อให้คุณสามารถวิเคราะห์แรงขายและแรงซื้อในตลาดได้ตามค่า RVI ที่แสดงบนกราฟ จากนั้นคุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่าง ๆ ของ RVI Indicator ตามความต้องการของคุณเพื่ความสำคัญของการ การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingviewอให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมและอ่านง่ายในการวิเคราะห์กราฟราคาใน TradingView

การตั้งค่า RVI Indicator ใน MT4

6 การตั้งค่า RVI Indicator ใน MT4 1 7 การตั้งค่า RVI Indicator ใน MT4 2

ในการตั้งค่า RVI Indicator ในโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  • เปิดโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) และเลือกกราฟที่คุณต้องการใช้งาน RVI Indicator
  • คลิกที่เมนู “Insert” ด้านบนของหน้าต่าง MT4
  • เลือก “Indicators” เพื่อเปิดรายการตัวชี้วัดทางเทคนิค
  • ในรายการตัวชี้วัดทางเทคนิค, ค้นหา “Relative Vigor Index” หรือ “RVI” และเลือกตัวชี้วัดนี้
  • เมื่อคุณเลือก RVI Indicator จะปรากฏหน้าต่างการตั้งค่าของ Indicator ที่เกี่ยวข้อง

ในหน้าต่างการตั้งค่า Indicator คุณสามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของ RVI Indicator ตามต้องการของคุณ อาจมีพารามิเตอร์เหล่านี้:

  • Period: จำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณค่า RVI
  • Apply to: ประเภทข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ RVI สามารถเลือกได้ระหว่าง “Close”, “Open”, “High”, “Low” เป็นต้น
  • สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์อื่น ๆ ตามความต้องการ
  • เมื่อปรับแต่งเสร็จสิ้น ให้คลิก “OK”
  • เมื่อคุณคลิก “OK”
  • RVI Indicator จะปรากฏบนกราฟของคุณ

RVI Indicator จะแสดงผลในรูปแบบของกราฟหรือเส้นเพื่อช่วยในการวิเคราะห์แรงซื้อและแรงขายในตลาด คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่า RVI Indicator ตามความต้องการของคุณเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดในแพลตฟอร์ม MT4

 

ความสำคัญของการ การตั้งค่า RVI Indicator ใน Tradingview และ MT4

ความสำคัญของการตั้งค่า RVI Indicator ใน TradingView:

  • วิเคราะห์แรงซื้อและแรงขาย: RVI Indicator ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์แรงซื้อและแรงขายในตลาดได้โดยตรง โดยค่า RVI ที่สูงกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ค่า RVI ที่ต่ำกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง การตั้งค่า RVI Indicator ที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณเห็นความแข็งแกร่งของแรงซื้อและแรงขายในตลาดอย่างชัดเจน
  • ตรวจสอบความสมดุลของราคา: การตั้งค่า RVI Indicator ให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อมีค่า RVI ที่สูงขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคาที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อกำลังเข้มแข็ง ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีค่า RVI ลดลงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลง อาจเป็นสัญญาณว่าแรงขายกำลังเข้มแข็ง การตั้งค่า RVI Indicator ที่ถูกต้องช่วยให้คุณตรวจสอบความสมดุลระหว่างค่า RVI กับการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ: RVI Indicator เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเมื่อนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ใน TradingView เช่นการใช้งานร่วมกับเส้นเทรนด์, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, หรือระดับการสนับสนุนและความต้านทาน การตั้งค่า RVI Indicator ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ที่คุณใช้งาน จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด
  • การตั้งค่า RVI Indicator ใน TradingView เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ตรงต่อความต้องการของคุณในการวิเคราะห์กราฟราคา และช่วยให้คุณทำการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดทางการเงินได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ข้อดีข้อเสียของ RVI Indicator

ข้อดี RVI Indicator

RVI Indicator (Relative Vigor Index) มีข้อดีหลายประการเมื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดทางการเงิน นี่คือข้อดีหลักของ RVI Indicator

วัดแรงซื้อและแรงขาย: RVI Indicator ช่วยวัดแรงซื้อและแรงขายในตลาดได้อย่างแม่นยำ โดยคำนวณค่า RVI จากการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคากับความแตกต่างระหว่างราคาปิดแต่ละวัน การวัดแรงซื้อและแรงขายช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงในการตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สัญญาณการซื้อขาย: RVI Indicator สามารถให้สัญญาณการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพได้ โดยในกรณีที่ค่า RVI มีค่าสูงกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณในการซื้อ เป็นต้น การใช้สัญญาณของ RVI Indicator สามารถช่วยในการตรวจสอบจุดเข้าและออกของตลาดในการซื้อขาย

การตรวจสอบความสมดุลของตลาด: RVI Indicator ช่วยในการตรวจสอบความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายในตลาด โดยค่า RVI ที่สูงกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ค่า RVI ที่ต่ำกว่า 50 อาจแสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง การตรวจสอบความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มและแรงขับเคลื่อนของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ: RVI Indicator เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด คุณสามารถนำ RVI Indicator มาใช้ร่วมกับเส้นเทรนด์, แบบจำลองราคา, หรือแนวรับแนวต้าน เพื่อทำให้คุณได้ข้อมูลที่เพิ่มเติมในการวิเคราะห์และตัดสินใจการซื้อขาย

ข้อเสียของ RVI Indicator

RVI Indicator ก็มีข้อเสียบางอย่างที่คุณควรพิจารณาเมื่อใช้งาน นี่คือข้อเสียบางอย่างของ RVI Indicator:

ความล่าช้าในการส่งสัญญาณ: RVI Indicator มีความล่าช้าในการส่งสัญญาณสำหรับการซื้อขาย ซึ่งอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่ดีในการเข้าหรือออกจากตลาดในขณะที่ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การล่าช้าในการส่งสัญญาณสามารถทำให้การซื้อขายไม่ได้ผลในบางครั้งหรือมีผลกำไรน้อยลง

ไม่เหมาะสำหรับตลาดแบบออกแบบใหม่: RVI Indicator อาจไม่เหมาะสำหรับตลาดที่มีลักษณะแบบออกแบบใหม่ที่มีความผันผวนและความแกว่งใหญ่ ในบางกรณี RVI Indicator อาจให้สัญญาณไม่เพียงพอในการวิเคราะห์สภาพตลาดที่ซับซ้อน และอาจทำให้การตัดสินใจการซื้อขายไม่ถูกต้อง

ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: RVI Indicator อย่างเดียวของมันไม่เพียงพอในการทำการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณอาจต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น เส้นเทรนด์, แบบจำลองราคาหรือระดับการสนับสนุนและความต้านทานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง

อาจไม่เหมาะกับทุกสภาวะตลาด: RVI Indicator อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำหรือไม่เหมาะสมกับทุกสภาวะตลาด คุณควรพิจารณาความเหมาะสมของ RVI Indicator ในสภาวะตลาดที่คุณกำลังศึกษาและใช้งาน

 

องค์ประกอบการใช้ Reletive vigor index ให้ประสบความสำเร็จ

8 องค์ประกอบการใช้ Reletive vigor index

Relative Vigor Index (RVI) คือ เครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของเทรนด์ตามความเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น การที่ราคาหุ้นขยับขึ้นหรือลงด้วยความแรงที่มากขึ้นจะสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเทรนด์ดังกล่าว

  • RVI มีค่าระหว่าง -1 และ +1 ซึ่งค่าที่ใกล้เคียง +1 หมายความว่ามีเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
  • ในขณะที่ค่าที่ใกล้เคียง -1 หมายความว่ามีเทรนด์ขาลงที่แข็งแกร่ง ถ้า RVI ใกล้ 0 คือเทรนด์ไม่ชัดเจน หรือไม่มีเทรนด์

เพื่อให้การใช้ RVI ประสบความสำเร็จ ควรทำตามขั้นตอนดังนี้:

ประเมินค่า RVI: หาค่า RVI ของหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ต้องการวิเคราะห์ ค่าที่สูงขึ้นหมายความว่ามีเทรนด์ขาขึ้น ในขณะที่ค่าที่ต่ำลงหมายความว่ามีเทรนด์ขาลง

ใช้สัญญาณหักมุมเป็นตัวชี้วัด: เมื่อ RVI หักมุมจากบวกเป็นลบ (หรือทวนทาง) นี่เป็นสัญญาณว่ามีเทรนด์ขาลงที่เริ่มขึ้น และเมื่อ RVI หักมุมจากลบเป็นบวก นี่เป็นสัญญาณว่ามีเทรนด์ขาขึ้นที่เริ่มขึ้น

ใช้สัญญาณการเซนเซอร์: สามารถใช้สัญญาณจากการเซนเซอร์ RVI (ที่อยู่ในช่วง -1 ถึง +1) เพื่อดูว่าเทรนด์ขณะนี้แข็งแกร่งแค่ไหน

ควบคู่กับตัวชี้วัดอื่น ๆ: RVI มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ ทางเทคนิค เช่น Moving Averages, Bollinger Bands, หรือ Stochastics

ไม่ควรทำการซื้อขายแบบด้วยความรู้สึก: RVI เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ให้ข้อมูล เรายังควรใช้ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมในการตัดสินใจด้านการลงทุน

ตรวจสอบข้อมูลประกอบ: ถ้าคุณสนใจในการซื้อหุ้นบางตัว เช่น ควรดูแผนภูมิ RVI ของหุ้นนั้นในช่วงเวลาที่ยาวนาน และเปรียบเทียบกับข้อมูลประกอบอื่น ๆ เช่น งานประกอบการ, ข้อมูลทางการเงิน, และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง