กราฟแท่งเทียน คืออะไร
กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) เป็นวิธีการสรุปและแสดงข้อมูลราคาของหลักทรัพย์ หรือสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบที่ช่วยให้ผู้นำข้อมูลไปใช้สามารถเข้าใจแนวโน้มราคาได้ดีขึ้น กราฟแท่งเทียนมีประวัติความเป็นมานานหลายศตวรรษ มาจากประเทศญี่ปุ่น
กราฟแท่งเทียนประกอบด้วยสี่ส่วนหลัก ซึ่งมีชื่อเรียกเป็น “เปิด” (Open) “สูง” (High) “ต่ำ” (Low) และ “ปิด” (Close)
- ถ้าราคาปิดอยู่สูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีเขียวหรือขาว
- และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีแดงหรือดำ
แท่งเทียนช่วยให้นักลงทุนเห็นแนวโน้มราคาสินทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจในการซื้อหรือขาย ในทำนองเดียวกัน มันสามารถใช้เพื่อระบุรูปแบบทางเทคนิคในการซื้อขาย เช่น เทรนด์ การกลับตัว และอื่น ๆ ที่สามารถช่วยในการพยากรณ์ความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
องค์ประกอบของกราฟแท่งเทียน
กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) มีสี่ค่าหลักที่ใช้ในการสร้างแต่ละ “แท่งเทียน” ซึ่งประกอบด้วย “เปิด” (Open), “ปิด” (Close), “สูงสุด” (High) และ “ต่ำสุด” (Low)
- เปิด (Open): ราคาที่สินทรัพย์เริ่มต้นการซื้อขายในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น วัน, ชั่วโมง, นาที หรือช่วงเวลาอื่นๆ)
- ปิด (Close): ราคาที่สินทรัพย์สิ้นสุดการซื้อขายในระยะเวลาที่กำหนด
- สูงสุด (High): ราคาสูงสุดที่สินทรัพย์ได้รับในระยะเวลาที่กำหนด
- ต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดที่สินทรัพย์ได้รับในระยะเวลาที่กำหนด
แท่งเทียนเองมี 2 ส่วนหลัก
ส่วนที่1 แท่งร่างกาย (Body): ส่วนนี้แสดงความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด. ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด, แท่งเทียนจะเป็นสีเขียวหรือขาว (หรือสีอื่นที่ระบุว่าราคาเพิ่มขึ้น) และราคาเปิดจะอยู่ด้านล่างของแท่งร่างกาย ในขณะที่ราคาปิดอยู่ด้านบน. ถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด, แท่งเทียนจะเป็นสีแดงหรือดำ (หรือสีอื่นที่ระบุว่าราคาลดลง) และราคาเปิดจะอยู่ด้านบนของแท่งร่างกาย ในขณะที่ราคาปิดอยู่ด้านล่าง
ส่วนที่ 2 เส้นแวง (Wick): เส้นแวงแสดงความแปรปรวนของราคาหลังจากการเปิดและปิด เส้นแวงส่วนบนคือความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาที่สูงกว่าระหว่างราคาเปิดและปิด ในขณะที่เส้นแวงส่วนล่างคือความแตกต่างระหว่างราคาต่ำสุดและราคาที่ต่ำกว่าระหว่างราคาเปิดและปิด ดังนั้นแล้วการใช้กราฟแท่งเทียนในการวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าใจแนวโน้มราคาและความผันผวนของราคาภายในระยะเวลาที่กำหนด และทำให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
ประวัติความเป็นมาของกราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ
กราฟแท่งเทียนเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 17 โดยนักเทรดข้าวที่ชื่อ Munehisa Homma ที่อยู่ในเมือง Sakata เขานำความรู้เกี่ยวกับการสถิติและสภาพอากาศมาใช้ในการสร้างระบบเทรดข้าวที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยใช้กราฟแท่งเทียนเพื่อบันทึกราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของการซื้อขายในแต่ละวัน ต่อมา Steve Nison นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจากสหรัฐฯ พบและเรียนรู้เกี่ยวกับกราฟแท่งเทียนในการเดินทางที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 1980 และเป็นผู้นำกราฟแท่งเทียนเข้าสู่การเทรดทางเทคนิคในตลาดที่ตะวันตก
เรื่องของ “26 รูปแบบ” คือ ส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์แท่งเทียน ที่ทำให้ผู้ค้าสามารถดูและตีความหมายอนาคตของราคาอิงจากรูปแบบที่ขึ้นโดยแท่งเทียนในช่วงเวลาที่แล้ว รูปแบบเหล่านี้จะรวมถึง “Doji”, “Hammer”, “Engulfing”, “Shooting Star” และอื่น ๆ รวมถึง “Morning Star”, “Evening Star”, “Three White Soldiers”, “Three Black Crows” และอื่น ๆ อีกมากมาย
รูปแบบที่เหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงพฤติกรรมการซื้อขายและความรู้สึกของนักลงทุน ทำให้สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้ แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะระลึกว่าไม่มีวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ 100% และการวิเคราะห์แท่งเทียนควรใช้ร่วมกับวิธีวิเคราะห์อื่น ๆ
รูปภาพแสดงกราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ
กราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ มีอะไรบ้าง
- Piercing Pattern VS Dark Cloud Cover
- Morning star pattern VS Bearish Evening Star
- Morning doji star pattern VS Bearish Evening Doji Star
- Bullish Engulfing VS Bearish engulfing
- Bullish Harami VS Bearish Harami
- Bullish Harami Cross VS Bearish Harami Cross
- Bullish Doji star VS Bearish Doji star
- Bullish Dragonfly Doji VS Bearish Dragonfly Doji
- Hammer VS Hanging Man
- Bullish Inverted Hammer VS Shooting Star
- Bullish Belt Hold VS Bearish Belt Hold
- Bullish Gravestone Doji VS Bearish Gravestone Doji
- Three Inside Up VS Three Inside Down
- Tweezer Bottoms vs Tweezer Tops
- Bullish Abandoned Baby VS Bearish Abandoned Baby
- Bullish Marubozu VS Bearish Marubozu
- Bullish Spinning Top VS Bearish Spinning Top
- Bullish Long-legged doji VS Bearish Long-legged doji
- Bullish Kicking Pattern VS Bearish Kicking Pattern
- 3 Bullish Soldier VS 3 Bearish Soldier
- Bullish On Neck Line VS Bearish On Neck Line
- Bullish Separating Lines VS Bearish Separating Lines
- Bullish Tri Star VS Bearish Tri Star
- Long Lower Shadow VS Long Upper Shadow
- Bullish Meeting Line VS Bearish Meeting Line
- Bullish Stick Sandwich VS Bearish Stick Sandwich
ลักษณะรูปแบบของกราฟแท่งเทียน 26 แบบ
-
Piercing Pattern VS Dark Cloud Cover
Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover เป็นแบบแรกที่สองแท่งเทียนในกราฟแท่งเทียนที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อหาสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้มราคาในตลาดหุ้นหรือตลาดสินทรัพย์ทางการเงินที่อื่น ๆ นักลงทุนมักจะใช้รูปแบบเหล่านี้เพื่อช่วยระบุสัญญาณซื้อหรือขายที่อาจจะเกิดขึ้น
- Piercing Pattern: รูปแบบนี้เกิดขึ้นในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) และเป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (bullish reversal) Piercing Pattern ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนลบ (bearish) และแท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนบวก (bullish) ที่เปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่แล้วแต่ปิดสูงกว่าครึ่งแรกของแท่งเทียนแรก
- Dark Cloud Cover: รูปแบบนี้เกิดขึ้นในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) และเป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (bearish reversal). Dark Cloud Cover ก็ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งเช่นเดียวกัน แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนบวกและแท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนลบ ที่เปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่แล้วแต่ปิดต่ำกว่าครึ่งแรกของแท่งเทียนแรก
-
Morning star pattern VS Bearish Evening Star
Morning Star Pattern และ Bearish Evening Star เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสามแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน
- Morning Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Morning Star ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากันหรือใกล้เคียง (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) แท่งเทียนบวกในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่สูงขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนลบในวันแรก
- Bearish Evening Star: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend). Bearish Evening Star ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากันหรือใกล้เคียง (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) แท่งเทียนลบในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่ต่ำลงมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนบวกในวันแรก
-
Morning doji star pattern VS Bearish Evening Doji Star
Morning Doji Star Pattern และ Bearish Evening Doji Star เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสามแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน
- Morning Doji Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Morning Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากัน (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) แท่งเทียนบวกในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่สูงขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนลบในวันแรก
- Bearish Evening Doji Star: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Evening Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากัน (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) แท่งเทียนลบในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่ต่ำลงมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนบวกในวันแรก
-
Bullish Engulfing VS Bearish engulfing
Bullish Engulfing และ Bearish Engulfing เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน
- Bullish Engulfing Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). Bullish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ที่ราคาเปิดต่ำกว่าและปิดสูงกว่าแท่งเทียนที่แล้ว
- Bearish Engulfing Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ที่ราคาเปิดสูงกว่าและปิดต่ำกว่าแท่งเทียนที่แล้ว
-
Bullish Harami VS Bearish Harami
Bullish Harami และ Bearish Harami เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน
- Bullish Harami Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Bullish Harami ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ที่ราคาเปิดและปิดของแท่งเทียนวันที่สองนั้นอยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง หรือกล่าวอีกแบบหนึ่งคือ แท่งเทียนวันที่สองถูก “หุ้ม” หรือ “ซุก” ไว้ด้วยแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
- Bearish Harami Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Harami ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ที่ราคาเปิดและปิดของแท่งเทียนวันที่สองนั้นอยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง หรือกล่าวอีกแบบหนึ่งคือ แท่งเทียนวันที่สองถูก “หุ้ม” หรือ “ซุก” ไว้ด้วยแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
-
Bullish Harami Cross VS Bearish Harami Cross
Bullish Harami Cross และ Bearish Harami Cross เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน
- Bullish Harami Cross Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). Bullish Harami Cross ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่ราคาเปิดและปิดของ doji อยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
- Bearish Harami Cross Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Harami Cross ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่ราคาเปิดและปิดของ doji อยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
-
Bullish Doji star VS Bearish Doji star
Bullish Doji Star และ Bearish Doji Star เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองหรือสามแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน
- Bullish Doji Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). Bullish Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่อยู่ต่ำกว่าแท่งเทียนวันที่หนึ่ง ส่งผลให้แท่งเทียน doji ดูเหมือนว่า “ลอย” อยู่เหนือแท่งเทียนที่แล้ว
- Bearish Doji Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่อยู่สูงกว่าแท่งเทียนวันที่หนึ่ง ส่งผลให้แท่งเทียน doji ดูเหมือนว่า “ลอย” อยู่เหนือแท่งเทียนที่แล้ว
-
Bullish Dragonfly Doji VS Bearish Dragonfly Doji
Dragonfly Doji เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะคล้ายแท่งคันธนูโดยมีเส้นยาวที่ห้อยลงมาจากศูนย์กลางแท่งเทียน แท่งเทียนนี้มักจะบ่งบอกถึงความรุนแรงของการซื้อขายในตลาด
- Bullish Dragonfly Doji: หาก Dragonfly Doji ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) จะถือว่าเป็นสัญญาณของแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) การปรากฎของ Dragonfly Doji ในกรณีนี้แสดงถึงการปฏิเสธของขาขายที่ยังคงควบคุมตลาดแต่ราคาปิดในวันนั้นเท่ากับราคาเปิดและราคาสูงสุด ซึ่งบ่งบอกถึงความมั่นใจของขาซื้อที่เริ่มมีมากขึ้น
- Bearish Dragonfly Doji: ในทางกลับกัน หาก Dragonfly Doji ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) แสดงถึงความไม่แน่นอนและอาจเป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) ซึ่งบ่งบอกถึงการควบคุมของขาซื้อในตลาดมาเสื่อมลง
-
Hammer VS Hanging Man
- Hammer Pattern: Hammer คือรูปแบบแท่งเทียนที่ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) และบ่งบอกถึงสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) แท่งเทียน Hammer มีลักษณะคล้ายค้อน โดยมีเส้นตัว (real body) สั้นๆ ที่สูงสุดของแท่งเทียนและมีเส้นเงา (shadow) ที่ยาวและต่ำกว่าตัว เส้นเงาหรือเส้นไข มักจะยาวถึงสองถึงสามเท่าของเส้นตัว
- Hanging Man Pattern: Hanging Man คือรูปแบบแท่งเทียนที่ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) และบ่งบอกถึงสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) แท่งเทียน Hanging Man มีลักษณะคล้ายค้อนเช่นเดียวกับ Hammer แต่ปรากฏในบริบทที่ต่างกัน แท่งเทียนนี้มีเส้นตัวสั้นๆ ที่ต่ำสุดของแท่งเทียนและเส้นเงายาวและต่ำกว่าตัว
-
Bullish Inverted Hammer VS Shooting Star
- Bullish Inverted Hammer Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Inverted Hammer มีเส้นตัว (real body) สั้นๆ ที่ต่ำสุดของแท่งเทียนและมีเส้นเงา (shadow) ที่ยาวและสูงกว่าตัว การปรากฎของ Inverted Hammer แสดงถึงการควบคุมของขาซื้อในตลาดและมักจะเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคา
- Shooting Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Shooting Star มีเส้นตัวสั้นๆ ที่สูงสุดของแท่งเทียนและเส้นเงายาวและสูงกว่าตัว การปรากฎของ Shooting Star แสดงถึงการควบคุมของขาขายในตลาดและมักจะเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคา
-
Bullish Belt Hold VS Bearish Belt Hold
- Bullish Belt Hold Pattern: Bullish Belt Hold เป็นแท่งเทียนแบบเดียวที่มีลักษณะเด่นคือเปิดที่ราคาต่ำสุดของวัน และปิดที่ราคาสูงขึ้นสัญญาณให้เห็นการฟื้นตัวของแนวโน้มที่จะขาย (bullish reversal) เมื่อปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) แท่งเทียนนี้แสดงถึงแรงขาดที่แ robust ของขาซื้อในการดึงราคาขึ้นจากราคาต่ำสุดของวัน
- Bearish Belt Hold Pattern: ในทางกลับกัน, Bearish Belt Hold เป็นแท่งเทียนแบบเดียวที่เปิดที่ราคาสูงสุดของวัน และปิดที่ราคาต่ำลง แท่งเทียนนี้สัญญาณถึงการฟื้นตัวของแนวโน้มที่จะซื้อ (bearish reversal) เมื่อปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) แท่งเทียนนี้แสดงถึงแรงขายที่แ robust ของขาขายในการดึงราคาลงจากราคาสูงสุดของวัน
-
Bullish Gravestone Doji VS Bearish Gravestone Doji
- Bullish Gravestone Doji Pattern: รูปแบบ Gravestone Doji มักจะถือว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคาที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish reversal) เมื่อปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). แท่งเทียน Gravestone Doji มีลักษณะคล้าย “T” โดยราคาเปิดและปิดจะอยู่ที่ต่ำสุดของช่วงเวลานั้น ในขณะที่มีเส้นเงา (shadow) ที่ยาวและสูงกว่าตัว รูปแบบนี้เกิดจากการที่ราคาขายมากในช่วงต้นของช่วงเวลาแต่ท้ายที่สุดขาซื้อกลับมาควบคุมและส่งราคากลับไปที่ระดับที่ราคาเริ่มเปิด สิ่งนี้บ่งชี้ถึงแรงจูงใจในการซื้อที่ขยับขึ้น
- Bearish Gravestone Doji Pattern: ในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) การปรากฏของ Gravestone Doji สามารถถือว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคาที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish reversal) ในสภาวะนี้แท่งเทียน Gravestone Doji นั้นราคาขายขึ้นมากในช่วงต้นของช่วงเวลาแต่ท้ายที่สุดขาขายกลับมาควบคุมและส่งราคากลับไปที่ระดับที่ราคาเริ่มเปิด สิ่งนี้บ่งชี้ถึงแรงจูงใจในการขายที่ขยับลง
-
Three Inside Up VS Three Inside Down
- Three Inside Up Pattern: รูปแบบ Three Inside Up เป็นแท่งเทียนทั้งหมดสามแท่ง โดยที่แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) และตามด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ที่ปิดสูงกว่าต่ำสุดของแท่งเทียนแรก และแท่งเทียนที่สามเป็นแท่งเทียนเชิงบวกที่ปิดสูงกว่าปิดของแท่งเทียนที่สอง รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาลง (downtrend) ไปสู่ขาขึ้น (uptrend) และจึงถือว่าเป็นสัญญาณขาย
- Three Inside Down Pattern: ในทางกลับกัน รูปแบบ Three Inside Down เป็นแท่งเทียนทั้งหมดสามแท่ง โดยที่แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก และตามด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบที่ปิดต่ำกว่าสูงสุดของแท่งเทียนแรก และแท่งเทียนที่สามเป็นแท่งเทียนเชิงลบที่ปิดต่ำกว่าปิดของแท่งเทียนที่สอง รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นไปสู่ขาลง และจึงถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ
-
Tweezer Bottoms vs Tweezer Tops
- Tweezer Bottoms Pattern: รูปแบบ Tweezer Bottoms ประกอบด้วยสองแท่งเทียนที่มีราคาต่ำสุดของช่วงเวลาแล้วเหลือง (เช่น ราคาต่ำสุดของวัน, ราคาต่ำสุดของชั่วโมง, ฯลฯ) ที่สอดคล้องกัน แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ซึ่งสะท้อนถึงความกดดันจากผู้ขาย แต่แท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ที่บ่งถึงการกลับตัวของความกดดันจากผู้ซื้อ รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มราคาจากขาลง (downtrend) ไปสู่ขาขึ้น (uptrend)
- Tweezer Tops Pattern: ในทางกลับกัน รูปแบบ Tweezer Tops ประกอบด้วยสองแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดของช่วงเวลาแล้วขาย (เช่น ราคาสูงสุดของวัน, ราคาสูงสุดของชั่วโมง, ฯลฯ) ที่สอดคล้องกัน แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ซึ่งสะท้อนถึงความกดดันจากผู้ซื้อ แต่แท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ที่บ่งถึงการกลับตัวของความกดดันจากผู้ขาย รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มราคาจากขาขึ้น (uptrend) ไปสู่ขาลง (downtrend)
-
Bullish Abandoned Baby VS Bearish Abandoned Baby
- Bullish Abandoned Baby Pattern: รูปแบบ Bullish Abandoned Baby เป็นแท่งเทียนแบบ 3 แท่ง ที่มีลักษณะที่โดดเด่นในการกลับค่าขาลง (downtrend) เป็นขาขึ้น (uptrend) รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ตามด้วยแท่งเทียน Doji (ที่ไม่มีร่างแท่งหรือเส้นตัวที่มีความยาวน้อยมาก) ที่ลอยอยู่ระหว่างแท่งเทียนแรกและที่สาม (แท่งเทียนแรกและที่สามไม่มีการตัดกัน) และแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ที่ปิดสูงกว่าเปิดของแท่ง Doji
- Bearish Abandoned Baby Pattern: ในทางกลับกัน รูปแบบ Bearish Abandoned Baby เป็นแท่งเทียนแบบ 3 แท่ง ที่มีลักษณะที่โดดเด่นในการกลับค่าขาขึ้น (uptrend) เป็นขาลง (downtrend) รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ตามด้วยแท่งเทียน Doji ที่ลอยอยู่ระหว่างแท่งเทียนแรกและที่สาม (แท่งเทียนแรกและที่สามไม่มีการตัดกัน) และแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ที่ปิดต่ำกว่าเปิดของแท่ง Doji
-
Bullish Marubozu VS Bearish Marubozu
- Bullish Marubozu: แท่งเทียนแบบ Bullish Marubozu เป็นแท่งเทียนที่มีความยาวค่อนข้างมากและไม่มีเงาหรือชิ้นส่วนของแท่งเทียนที่ต่ำกว่าราคาเปิด (lower shadow) หรือสูงกว่าราคาปิด (upper shadow) นั่นคือ ราคาเปิดกับราคาต่ำสุดของวันนั้นเท่ากันและราคาปิดกับราคาสูงสุดของวันนั้นเท่ากัน นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งของความกดดันจากผู้ซื้อในช่วงเวลานั้น ๆ
- Bearish Marubozu: ในทางกลับกัน แท่งเทียนแบบ Bearish Marubozu ยังคงเป็นแท่งเทียนที่ยาวและไม่มีเงา (shadow) แต่ราคาเปิดของมันจะเท่ากับราคาสูงสุดของช่วงเวลานั้น ๆ และราคาปิดจะเท่ากับราคาต่ำสุดของช่วงเวลานั้น ๆ นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งของความกดดันจากผู้ขายในช่วงเวลานั้น ๆ
-
Bullish Spinning Top VS Bearish Spinning Top
- Bullish Spinning Top: แท่งเทียนแบบ Bullish Spinning Top มีลักษณะที่โดดเด่นในแท่งเทียนมีร่างที่เล็กและเงาแท่งเทียน (shadows) ทั้งสองด้านที่ยาว และปิดที่ราคาที่สูงกว่าที่เปิด นี่แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด และอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น
- Bearish Spinning Top: แท่งเทียนแบบ Bearish Spinning Top มีลักษณะคล้ายกับแท่งเทียนแบบ Bullish แต่ราคาปิดจะต่ำกว่าราคาที่เปิด นี่ยังคงบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนในตลาดและอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น
-
Bullish Long-legged doji VS Bearish Long-legged doji
- Long-legged Doji: แท่งเทียนแบบ Long-legged Doji มีรูปร่างที่โดดเด่นเนื่องจากมี “เส้นขา” (shadows) ที่ยาวทั้งสองด้าน ที่บ่งบอกถึงการขยับขึ้นและลงของราคาในช่วงระยะเวลานั้น แท่งเทียนนี้เกิดเมื่อราคาเปิดและราคาปิดของช่วงเวลานั้นเท่ากัน หรือใกล้เคียงมาก ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนและความสับสนในตลาด
- Long-legged Doji ไม่ได้ถูกจำแนกเป็น bullish หรือ bearish ในฐานะที่เป็นสัญญาณของความไม่แน่นอนและความสับสน โดยไม่คำนึงถึงทิศทางเทรนด์ที่กำลังดำเนินอยู่ แท่งเทียนนี้สามารถปรากฏในเทรนด์ขาขึ้นหรือขาลง และเป็นสัญญาณที่เตือนถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น แท่งเทียนที่ตามมาจะสามารถบ่งบอกถึงทิศทางที่ตลาดจะเคลื่อนไป
-
Bullish Kicking Pattern VS Bearish Kicking Pattern
- Bullish Kicking Pattern: แบบรูปแบบนี้เริ่มต้นด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bearish โดยไม่มีเงา (shadow) ทั้งสองด้าน และปิดที่ราคาที่ต่ำกว่าที่เปิด แล้วตามมาด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bullish ที่เปิดที่ราคาที่สูงกว่าค่าสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า และปิดที่ราคาที่สูงกว่าที่เปิด โดยมีการเปิดแยกออกจากแท่งเทียนก่อนหน้า (มีช่วงว่างระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนแรกและราคาเปิดของแท่งเทียนที่สอง) นี่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางเทรนด์จาก bearish เป็น bullish
- Bearish Kicking Pattern: แบบรูปแบบนี้เริ่มต้นด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bullish ที่ไม่มีเงาทั้งสองด้าน และปิดที่ราคาที่สูงกว่าที่เปิด แล้วตามมาด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bearish ที่เปิดที่ราคาที่ต่ำกว่าค่าต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า และปิดที่ราคาที่ต่ำกว่าที่เปิด โดยมีการเปิดแยกออกจากแท่งเทียนก่อนหน้า (มีช่วงว่างระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนแรกและราคาเปิดของแท่งเทียนที่สอง) นี่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางเทรนด์จาก bullish เป็น bearish
-
3 Bullish Soldier VS 3 Bearish Soldier
- Three Bullish Soldiers: ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน bullish ที่ยาวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มขายขึ้นที่เข้มข้น. แท่งเทียนแต่ละแท่งจะเปิดในหรือใกล้กับเงา (shadow) ล่างของแท่งเทียนก่อนหน้าและปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของระยะเวลา นี่บ่งบอกถึงการควบคุมตลาดที่เข้มข้นจากผู้ซื้อ
- Three Bearish Soldiers: ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน bearish ที่ยาวและต่อเนื่อง แสดงถึงแนวโน้มขาลงที่เข้มข้นแท่งเทียนแต่ละแท่งจะเปิดในหรือใกล้กับเงา (shadow) บนของแท่งเทียนก่อนหน้าและปิดที่ใกล้จุดต่ำสุดของระยะเวลา นี่บ่งบอกถึงการควบคุมตลาดที่เข้มข้นจากผู้ขาย
-
Bullish On Neck Line VS Bearish On Neck Line
- Bullish On-Neck Line Pattern: แบบรูปแบบนี้ไม่มีในรูปแบบ Candlestick แบบดั้งเดิม แต่มีรูปแบบที่คล้ายคลึงเป็น “Bearish On-Neck Line”
- Bearish On-Neck Line Pattern: ประกอบด้วยสองแท่งเทียน แท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียน bearish ที่ยาว และแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียน bullish ที่ต่อจากแท่งเทียนแรกและปิดเท่ากับหรืออยู่ใกล้เคียงราคาที่ต่ำที่สุดของแท่งเทียนแรก แท่งเทียนแรกแสดงถึงการขายอย่างรุนแรง และแท่งเทียนที่สอง (แท่งเทียน bullish) มักจะเป็นการก่อให้เกิดความหวังว่าเทรนด์จะเปลี่ยนแปลง เวลาจริงๆ แล้วทวีคูณกับความหวังนี้อาจจะทำให้เกิดการขายอย่างรุนแรงต่อไป
-
Bullish Separating Lines VS Bearish Separating Lines
- Bullish Separating Lines Pattern: ประกอบด้วยสองแท่งเทียน, แท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียน bearish และแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียน แท่งเทียนแรกแสดงถึงการขายอย่างรุนแรงในตลาด แต่แท่งเทียนที่สองเปิดที่จุดเดียวกันกับแท่งเทียนแรกและปิดสูงกว่าแท่งเทียนแรก รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนด์จาก bearish เป็น bullish
- Bearish Separating Lines Pattern: ประกอบด้วยสองแท่งเทียน, แท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียน bullish และแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียน bearish แท่งเทียนแรกแสดงถึงการซื้ออย่างรุนแรงในตลาด แต่แท่งเทียนที่สองเปิดที่จุดเดียวกันกับแท่งเทียนแรกและปิดต่ำกว่าแท่งเทียนแรก รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนด์จาก bullish เป็น bearish
-
Bullish Tri Star VS Bearish Tri Star
Bullish Tri Star:
- 3 เท่งเทียนติดกัน
- เท่งเทียนแรกและที่สองอยู่ในเทรนด์ขาลง
- เท่งเทียนสุดท้ายอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
- แสดงถึงความไม่แน่นอนของตลาดและความลังเลของนักลงทุน
- เมื่อราคาพลิกกลับเป็นเทรนด์ขาขึ้นในเท่งเทียนสุดท้าย แสดงถึงโอกาสในการเคลื่อนไหวขาขึ้นของราคาในอนาคต
Bearish Tri Star:
- 3 เท่งเทียนติดกัน
- เท่งเทียนแรกและที่สองอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
- เท่งเทียนสุดท้ายอยู่ในเทรนด์ขาลง
- แสดงถึงความไม่แน่นอนของตลาดและความลังเลของนักลงทุน
- เมื่อราคาพลิกกลับเป็นเทรนด์ขาลงในเท่งเทียนสุดท้าย แสดงถึงโอกาสในการเคลื่อนไหวขาลงของราคาในอนาคต
-
Long Lower Shadow VS Long Upper Shadow
ขาขึ้น Long Lower Shadow:
- แท่งเทียนสีเขียว
- ไส้เทียนด้านล่างยาวมาก
- ตัวแท่งเทียนสั้นและอยู่ใกล้ไส้เทียนด้านบน
- แสดงถึงการเคลื่อนไหวขาขึ้นที่มีแรงซื้อเข้ามา
- ยังไม่ได้บอกทิศทางของแนวโน้มอย่างชัดเจน
ขาลง Long Upper Shadow:
- แท่งเทียนสีแดง
- ไส้เทียนด้านบนยาวมาก
- ตัวแท่งเทียนสั้นและอยู่ใกล้ไส้เทียนด้านล่าง
- แสดงถึงการเคลื่อนไหวขาลงที่มีแรงขายเข้ามา
- ยังไม่ได้บอกทิศทางของแนวโน้มอย่างชัดเจน
-
Bullish Meeting Line VS Bearish Meeting Line
ขาขึ้น Bullish Meeting Line:
- แท่งเทียนสีเขียว
- ราคาเปิดกระโดดลงจากราคาปิดของแท่งเทียนสีแดงก่อนหน้า
- ราคาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดของแท่งเทียนสีแดงก่อนหน้า
- แสดงถึงความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย
- โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงเทรนด์จากขาลงเป็นขาขึ้นอาจเกิดขึ้น
ขาลง Bearish Meeting Line:
- แท่งเทียนสีแดง
- ราคาเปิดกระโดดขึ้นจากราคาปิดของแท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้า
- ราคาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดของแท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้า
- แสดงถึงความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย
- โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงเทรนด์จากขาขึ้นเป็นขาลงอาจเกิดขึ้น
-
Bullish Stick Sandwich VS Bearish Stick Sandwich
ขาขึ้น Bullish Stick Sandwich:
- 3 แท่งเทียน
- แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีแดงที่มีราคาปิดต่ำลง
- แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีราคาปิดสูงกว่าแท่งแรก
- แท่งที่สามเป็นแท่งเทียนสีแดงที่มีราคาเปิดสูงกว่าแท่งที่สอง แต่ราคาปิดลงใกล้เคียงกับแท่งแรก
- มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงจากขาลงเป็นขาขึ้น
ขาลง Bearish Stick Sandwich:
- 3 แท่งเทียน
- แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีราคาปิดสูงขึ้น
- แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีแดงที่มีราคาปิดต่ำกว่าแท่งแรก
- แท่งที่สามเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีราคาเปิดต่ำกว่าแท่งที่สอง แต่ราคาปิดลงใกล้เคียงกับแท่งแรก
- มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงจากขาขึ้นเป็นขาลง
กราฟแท่งเทียน ใช้ทำอะไรได้บ้าง
กราฟแท่งเทียน (Candlestick chart) เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์และการทำนายราคาในตลาดทางการเงิน ซึ่งมีความสามารถในการให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระดับราคาและแนวโน้มของตลาดในช่วงเวลาที่กำหนดได้ ดังนั้น กราฟแท่งเทียนสามารถใช้ทำสิ่งต่อไปนี้ได้
- การตรวจสอบแนวโน้มของตลาด: แท่งเทียนสามารถช่วยให้เราเห็นแนวโน้มของตลาดว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง จากนั้นสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อหรือขายในตลาดได้
- การตรวจสอบระดับการสนับสนุนและความต้านทาน: แท่งเทียนสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับราคาที่สำคัญ เช่น ระดับการสนับสนุนที่ราคานั้นไม่ค่อยลงต่ำกว่านั้นได้หรือระดับการต้านทานที่ราคานั้นไม่ค่อยเลื่อนขึ้นไปกว่านั้นได้ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีความมั่นใจมากขึ้น
- การตรวจสอบสัญญาณซื้อขาย: แท่งเทียนสามารถให้สัญญาณซื้อหรือขายในตลาดได้ โดยใช้รูปแบบของแท่งเทียนเพื่อแสดงรูปแบบพิเศษ เช่น รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง (Candlestick patterns) เช่น Doji, Hammer, Engulfingและอื่นๆ
- การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม: แท่งเทียนสามารถช่วยในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของตลาด เช่น การกลับตัว (Reversal) หรือการดำเนินตามแนวโน้ม (Continuation)
สรุปกันได้ว่า กราฟแท่งเทียนเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์และการทำนายราคาในตลาดทางการเงิน และสามารถช่วยให้นักลงทุนในการตัดสินใจในการซื้อหรือขายในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง