Swing Trading คืออะไร กลยุทธ์ เทคนิค และข้อควรระวัง

IUX Markets Bonus

Swing Trading คืออะไร

Swing Trading เป็นรูปแบบการเทรดที่อยู่ระหว่าง Day Trading และ Position Trading โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นถึงระยะกลาง ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 2-3 วันไปจนถึงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน Forex Swing Trader พยายามจับจังหวะการแกว่งของราคาในแนวโน้มหลัก โดยเข้าซื้อที่จุดต่ำสุดของการแกว่งและขายที่จุดสูงสุด

ลักษณะสำคัญของ Swing Trading:

  • ระยะเวลาถือครองสถานะนานกว่า Day Trading แต่สั้นกว่า Position Trading
  • มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นถึงระยะกลาง
  • ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก แต่อาจพิจารณาปัจจัยพื้นฐานประกอบด้วย
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถติดตามตลาดตลอด 24 ชั่วโมงเหมือน Day Trading
  • มักใช้กับคู่สกุลเงินหลัก (Major pairs) และคู่สกุลเงินรอง (Minor pairs)
Swing Trading
Swing Trading

ข้อดีและข้อเสียของ Swing Trading

ข้อดี:

  1. ความยืดหยุ่นด้านเวลา: ไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดตลอด 24 ชั่วโมง
  2. ลดความเครียด: มีเวลาในการตัดสินใจมากกว่า Forex Day Trading
  3. โอกาสทำกำไรสูง: สามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญ
  4. ต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำ: เทรดน้อยครั้งกว่า Day Trading ทำให้เสียค่า Spread น้อยกว่า
  5. เหมาะสำหรับผู้มีงานประจำ: สามารถทำควบคู่ไปกับอาชีพหลักได้

ข้อเสีย:

  1. ความเสี่ยงข้ามคืน: มีความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นนอกเวลาทำการตลาด
  2. ต้องใช้เงินทุนมากกว่า: อาจต้องใช้เงินทุนมากกว่า Day Trading เนื่องจากถือครองสถานะนานกว่า
  3. ผลกระทบจากข่าวสาร: ข่าวสารและเหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจส่งผลกระทบต่อการเทรดได้มากกว่า
  4. การพลาดโอกาส: อาจพลาดโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นมาก
  5. ความผันผวนสูง: อัตราแลกเปลี่ยนอาจมีความผันผวนสูงระหว่างการถือครองสถานะ

การเตรียมตัวสำหรับ Swing Trading

  1. การศึกษา: เรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค, การอ่านกราฟ, และการใช้ Indicators ต่างๆ
  2. การฝึกฝน: ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนกลยุทธ์โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน
  3. การเตรียมเงินทุน: เตรียมเงินทุนที่เพียงพอและพร้อมที่จะสูญเสียได้
  4. การเลือกโบรกเกอร์: เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม
  5. การพัฒนาแผนการเทรด: สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน รวมถึงกฎการเข้าและออกจากตลาด
  6. การจัดการความเสี่ยง: กำหนดขนาดการเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  7. การเตรียมตัวด้านจิตใจ: ฝึกการควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจภายใต้ความกดดัน
  8. การติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด

กลยุทธ์ Swing Trading ที่นิยมใช้ในตลาด Forex

  1. Trend Following: การเทรดตามแนวโน้มหลักของคู่สกุลเงิน
    • ข้อดี: มีโอกาสทำกำไรสูงเมื่อแนวโน้มชัดเจน
    • ข้อเสีย: อาจเสียโอกาสในช่วงที่ตลาดไม่มีทิศทาง
  2. Counter-Trend Trading: การเทรดสวนทางกับแนวโน้มเมื่อคาดว่าจะมีการกลับตัว
    • ข้อดี: สามารถทำกำไรได้แม้ในช่วงที่ตลาดไม่มีทิศทางชัดเจน
    • ข้อเสีย: มีความเสี่ยงสูงหากประเมินจุดกลับตัวผิด
  3. Breakout Trading: การเทรดเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ
    • ข้อดี: มีโอกาสทำกำไรสูงเมื่อเกิด Breakout จริง
    • ข้อเสีย: อาจเกิด False Breakout บ่อยครั้ง
  4. Range Trading: การเทรดในช่วงที่คู่สกุลเงินเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
    • ข้อดี: มีโอกาสทำกำไรแม้ในตลาดที่ไม่มีทิศทางชัดเจน
    • ข้อเสีย: อาจเกิดการขาดทุนหากราคาทะลุออกจาก Range
  5. Fibonacci Retracement: การใช้ระดับ Fibonacci เพื่อหาจุดเข้าเทรดในแนวโน้มหลัก
    • ข้อดี: ให้จุดเข้าเทรดที่มีโอกาสสูงในการทำกำไร
    • ข้อเสีย: อาจไม่แม่นยำในตลาดที่มีความผันผวนสูง
  6. Moving Average Crossover: การเทรดเมื่อเส้น Moving Average ระยะสั้นตัดกับเส้นระยะยาว
    • ข้อดี: ง่ายต่อการใช้งานและมีประสิทธิภาพในการระบุแนวโน้ม
    • ข้อเสีย: อาจให้สัญญาณช้าในบางครั้ง

เครื่องมือและ Indicators สำหรับ Swing Trading

  1. Moving Averages: ใช้ในการระบุแนวโน้มและจุดกลับตัว
  2. MACD (Moving Average Convergence Divergence): ใช้ในการระบุแนวโน้มและโมเมนตัม
  3. RSI (Relative Strength Index): ใช้ในการระบุสภาวะ Overbought และ Oversold
  4. Bollinger Bands: ใช้ในการวัดความผันผวนและระบุจุดเข้าเทรด
  5. Fibonacci Retracements: ใช้ในการหาระดับแนวรับและแนวต้าน
  6. Stochastic Oscillator: ใช้ในการระบุจุดกลับตัวและโมเมนตัม
  7. ADX (Average Directional Index): ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
  8. Pivot Points: ใช้ในการหาระดับแนวรับและแนวต้านรายวัน
  9. Ichimoku Cloud: ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มและระดับสำคัญ
  10. Currency Strength Meter: ใช้ในการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของแต่ละสกุลเงิน

การใช้ Indicators ควรใช้ร่วมกันหลายตัวเพื่อยืนยันสัญญาณและลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก นอกจากนี้ Swing Trader ควรพัฒนาความสามารถในการอ่านกราฟและวิเคราะห์ Price Action ควบคู่ไปกับการใช้ Indicators

การจัดการความเสี่ยงใน Swing Trading

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ Swing Trading เนื่องจากมีการถือครองสถานะข้ามคืน ซึ่งอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดนอกเวลาทำการตลาด ต่อไปนี้เป็นวิธีการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับ Swing Trading:

  1. กฎ 1% หรือ 2%: ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1% หรือ 2% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง
  2. การใช้ Stop Loss: ตั้ง Stop Loss ทุกครั้งเพื่อจำกัดการขาดทุนสูงสุด
  3. การกำหนดอัตราส่วน Risk/Reward: ควรมีอัตราส่วน Risk/Reward อย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3
  4. การจัดการ Position Size: คำนวณขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  5. การกระจายความเสี่ยง: ไม่ควรเทรดเฉพาะหุ้นตัวเดียวหรือในเซ็กเตอร์เดียว
  6. การใช้ Trailing Stop: ใช้ Trailing Stop เพื่อปกป้องกำไรที่ได้มา
  7. การวิเคราะห์ความเสี่ยงจากข่าวสาร: พิจารณาความเสี่ยงจากข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจเกิดขึ้น
  8. การจำกัดการใช้ Leverage: ใช้ Leverage อย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนที่รุนแรง
  9. การติดตามคอร์เรเลชันของสินทรัพย์: ระวังการเทรดสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันสูงในทิศทางเดียวกัน
  10. การเตรียมพร้อมรับมือกับ Gap: มีแผนรองรับกรณีที่ราคาเปิด Gap ขึ้นหรือลงอย่างมีนัยสำคัญ

จิตวิทยาการเทรดสำหรับ Swing Trader

จิตวิทยาการเทรดมีความสำคัญอย่างมากสำหรับ Swing Trader เนื่องจากต้องรับมือกับความไม่แน่นอนและความผันผวนของตลาดในระยะเวลาที่ยาวนานกว่า Day Trading:

  1. ความอดทน: รอโอกาสที่ดีและไม่เทรดเพียงเพราะรู้สึกเบื่อ
  2. การควบคุมอารมณ์: ฝึกควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตื่นเต้นหรือหวาดกลัวจนเกินไป
  3. ความมีวินัย: ยึดมั่นในแผนการเทรดและกฎการจัดการความเสี่ยง
  4. การยอมรับความผิดพลาด: ยอมรับว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด
  5. การมีทัศนคติที่ถูกต้อง: มองการเทรดเป็นธุรกิจ ไม่ใช่การพนัน
  6. การจัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย หรือการทำสมาธิ
  7. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: พร้อมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ
  8. การไม่ยึดติดกับผลการเทรดในอดีต: โฟกัสกับปัจจุบันและอนาคต ไม่ยึดติดกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวในอดีต
  9. การรักษาสมดุลชีวิต: แบ่งเวลาให้กับครอบครัวและกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการเทรด
  10. การตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง: ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถบรรลุได้จริง

การเลือกคู่สกุลเงินสำหรับ Swing Trading

การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของ Forex Swing Trading ต่อไปนี้เป็นปัจจัยที่ควรพิจารณา:

  1. สภาพคล่อง: เลือกคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY
  2. ความผันผวน: หาคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนเพียงพอที่จะสร้างโอกาสในการทำกำไร
  3. Spread: พิจารณา Spread ที่แคบเพื่อลดต้นทุนการเทรด
  4. แนวโน้ม: มองหาคู่สกุลเงินที่มีแนวโน้มชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง
  5. ความคุ้นเคย: เลือกคู่สกุลเงินที่คุณคุ้นเคยและเข้าใจพฤติกรรมการเคลื่อนไหว
  6. ช่วงเวลาการเทรด: พิจารณาช่วงเวลาที่ตลาดของคู่สกุลเงินนั้นๆ มีความเคลื่อนไหวสูง
  7. ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สกุลเงิน: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคู่สกุลเงินต่างๆ เพื่อการกระจายความเสี่ยง
  8. ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ: พิจารณาปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศที่เกี่ยวข้อง
คู่เงินที่นิยมสำหรับ Swing Trading
คู่เงินที่นิยมสำหรับ Swing Trading
 YWO Promotion

คู่สกุลเงินที่นิยมใช้ใน Forex Swing Trading:

  • EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • GBP/USD (ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยน)
  • AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา)
  • USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับ Forex Swing Trading

แม้ว่า Swing Trading จะเน้นการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก แต่การพิจารณาปัจจัยพื้นฐานก็มีความสำคัญในการประเมินแนวโน้มในระยะกลาง:

  1. นโยบายการเงิน: ติดตามนโยบายของธนาคารกลางและการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย
  2. ตัวเลขทางเศรษฐกิจ: วิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น GDP, อัตราการว่างงาน, และอัตราเงินเฟ้อ
  3. ความไม่แน่นอนทางการเมือง: พิจารณาเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลต่อค่าเงิน
  4. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: ติดตามความตึงเครียดทางการค้าหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  5. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์: สำหรับบางคู่สกุลเงิน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจมีผลกระทบสำคัญ
  6. ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ: ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
  7. การประกาศข้อมูลสำคัญ: เตรียมพร้อมสำหรับการประกาศข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจ
  8. แนวโน้มเศรษฐกิจโลก: พิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อค่าเงิน

ความแตกต่างระหว่าง Forex Swing Trading และรูปแบบการเทรด Forex อื่นๆ

  1. Forex Swing Trading vs Forex Day Trading
    • ระยะเวลา: Swing Trading ถือครองสถานะนานกว่า (หลายวันถึงสัปดาห์) ในขณะที่ Day Trading ปิดสถานะภายในวันเดียว
    • ความถี่: Swing Trading เทรดน้อยครั้งกว่า Day Trading
    • ความเครียด: Swing Trading มักมีความเครียดน้อยกว่าเนื่องจากไม่ต้องติดตามตลาดตลอดเวลา
    • การใช้ Leverage: Swing Trading มักใช้ Leverage น้อยกว่าเพื่อรองรับความผันผวนระยะสั้น
  2. Forex Swing Trading vs Forex Position Trading
    • ระยะเวลา: Swing Trading มีระยะเวลาสั้นกว่า Position Trading ซึ่งอาจถือครองสถานะเป็นเดือนหรือปี
    • การวิเคราะห์: Swing Trading เน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคมากกว่า ในขณะที่ Position Trading อาจให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่า
    • ความผันผวน: Swing Trading มักทนต่อความผันผวนในระยะสั้นได้น้อยกว่า Position Trading
  3. Forex Swing Trading vs Forex Scalping
    • ระยะเวลา: Swing Trading ถือครองสถานะนานกว่า Scalping ซึ่งมักจะเป็นนาทีหรือชั่วโมง
    • กำไรต่อการเทรด: Swing Trading มักมีเป้าหมายกำไรต่อการเทรดที่สูงกว่า Scalping
    • ความถี่: Swing Trading เทรดน้อยครั้งกว่า Scalping ซึ่งอาจมีการเทรดหลายสิบถึงหลายร้อยครั้งต่อวัน
    • การใช้ Indicators: Swing Trading อาจใช้ Indicators ที่มีช่วงเวลายาวกว่า เช่น Moving Average ระยะยาว ในขณะที่ Scalping มักใช้ Indicators ระยะสั้นมาก

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานช่วยให้ Swing Trader มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับหุ้นที่กำลังเทรด และสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจไม่ให้สัญญาณที่ชัดเจน

สรุปและคำแนะนำสุดท้าย

Forex Swing Trading เป็นรูปแบบการเทรดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับผู้ที่มีความรู้ ทักษะ และวินัยที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับรูปแบบการเทรดอื่นๆ Forex Swing Trading ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความท้าทาย

คำแนะนำสุดท้ายสำหรับผู้ที่สนใจ Forex Swing Trading:

  1. เริ่มต้นอย่างช้าๆ: ใช้บัญชีทดลองหรือเริ่มด้วยเงินทุนน้อยๆ ก่อน
  2. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ
  3. พัฒนากลยุทธ์ของตนเอง: ทดลองและปรับแต่งกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณ
  4. มีวินัยในการจัดการความเสี่ยง: ใช้ Stop Loss และจำกัดขนาดการเทรดอย่างเคร่งครัด
  5. ควบคุมอารมณ์: อย่าให้ความโลภหรือความกลัวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
  6. ติดตามและวิเคราะห์ผลการเทรด: จดบันทึกการเทรดและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
  7. มีแผนสำรอง: เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิด เช่น ความผันผวนสูงหรือปัญหาทางเทคนิค
  8. รักษาสมดุลชีวิต: อย่าให้การเทรดส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
  9. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์: ใช้ซอฟต์แวร์และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด
  10. มีความอดทน: Forex Swing Trading ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะและสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอ อย่าคาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็วจนเกินไป

Forex Swing Trading สามารถเป็นวิธีการสร้างรายได้ที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่มีความรู้และทักษะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการลงทุนรูปแบบอื่นๆ ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน แต่ต้องอาศัยการเรียนรู้ การฝึกฝน และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ประสบความสำเร็จใน Forex Swing Trading มักจะเป็นผู้ที่มีวินัย มีความอดทน และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีในสถานการณ์ที่มีความกดดัน

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเริ่มต้น Forex Swing Trading หรือไม่ สิ่งสำคัญคือการตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่เกี่ยวข้อง และเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และจิตใจ ก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางนี้ การเทรด Forex เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง และไม่เหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser