TradingView โบรกเกอร์ไหนดี รีวิวเปรียบเทียบ 5 โบรกเกอร์ยอดนิยม (อัปเดต 2025)

IUX Markets Bonus
TradingView โบรกเกอร์ไหนดี
TradingView โบรกเกอร์ไหนดี

TradingView เป็นแพลตฟอร์มการวิเคราะห์กราฟที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก ด้วยผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันนักเทรดไทยหลายคนมักสงสัยว่า “TradingView โบรกเกอร์ไหนดี?” เนื่องจากมีโบรกเกอร์หลายรายที่รองรับการเชื่อมต่อกับ TradingView โดยตรง ทำให้สามารถเทรดได้ทันทีจากหน้ากราฟที่วิเคราะห์โดยไม่ต้องสลับแพลตฟอร์ม

ในบทความนี้ เราจะทำการรีวิวและเปรียบเทียบ 5 โบรกเกอร์ชั้นนำที่รองรับการเชื่อมต่อกับ TradingView ได้แก่ Eightcap, Oanda, IC Markets, Pepperstone และ ThinkMarkets เพื่อช่วยให้คุณเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของคุณมากที่สุด

Contents

เกณฑ์การเปรียบเทียบโบรกเกอร์สำหรับใช้กับ TradingView

ก่อนที่จะเริ่มเปรียบเทียบโบรกเกอร์ต่างๆ มาดูเกณฑ์ที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์สำหรับใช้กับ TradingView:

  1. ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล – โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือและมีประวัติการดำเนินงานที่ดี
  2. ค่าธรรมเนียมและสเปรด – ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย สเปรด และค่าคอมมิชชั่นต่างๆ
  3. ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ – ความหลากหลายของเครื่องมือทางการเงินที่สามารถเทรดได้ผ่าน TradingView
  4. การรองรับภาษาไทย – ความพร้อมของทีมสนับสนุนภาษาไทยและเว็บไซต์ภาษาไทย
  5. ความสะดวกในการฝาก-ถอน – การรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยและวิธีการอื่นๆ
  6. คุณภาพของการเชื่อมต่อกับ TradingView – ความเสถียรและความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขาย
  7. ข้อจำกัดต่างๆ – เงินฝากขั้นต่ำ เลเวอเรจ และข้อจำกัดอื่นๆ

1. Eightcap – โบรกเกอร์พร้อมซัพพอร์ตภาษาไทยเต็มรูปแบบ

Eightcap
Eightcap

ข้อดี:

  • รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยโดยไม่มีค่าธรรมเนียม
  • มีทีมงานสนับสนุนภาษาไทย 24/5
  • สเปรดเริ่มต้นที่ 0.5 pips สำหรับ EUR/USD (บัญชี Standard)
  • มีบัญชี Raw Spread ที่มีสเปรดต่ำเริ่มต้นที่ 0.0 pips แต่มีค่าคอมมิชชั่น
  • เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:500
  • มีบัญชีทดลองฟรีสำหรับ TradingView
  • การเชื่อมต่อกับ TradingView ทำได้ง่ายและมีคู่มือภาษาไทย

ข้อเสีย:

  • จำนวนเครื่องมือทางการเงินน้อยกว่าบางโบรกเกอร์ (ประมาณ 1,000+ เครื่องมือ)
  • เงินฝากขั้นต่ำ 100 USD (ประมาณ 3,500 บาท)
  • การถอนเงินอาจใช้เวลา 1-2 วันทำการ

การกำกับดูแล: ASIC (ออสเตรเลีย), FCA (สหราชอาณาจักร), SCB (บาฮามาส), FSCA (แอฟริกาใต้)

 YWO Promotion

ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับนักเทรดไทยมือใหม่และระดับกลางที่ต้องการความช่วยเหลือในภาษาไทยและต้องการการฝาก-ถอนที่สะดวก

2. Oanda – โบรกเกอร์เก่าแก่ที่น่าเชื่อถือสูง

โบรกเกอร์ Oanda
โบรกเกอร์ Oanda

ข้อดี:

  • ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1996 (มากกว่า 28 ปี) มีความน่าเชื่อถือสูง
  • เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลัง
  • ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำ
  • สามารถเทรดด้วยขนาดเล็กมาก (Micro Lot)
  • บทวิเคราะห์ตลาดและเครื่องมือการศึกษาที่ครอบคลุม
  • อินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่ใช้งานง่าย

ข้อเสีย:

  • สเปรดค่อนข้างกว้าง (เริ่มต้นที่ 1.2 pips สำหรับ EUR/USD)
  • ไม่มีทีมงานสนับสนุนภาษาไทยโดยตรง
  • ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการมีจำกัด (ประมาณ 70+ คู่สกุลเงิน และ CFD อื่นๆ)
  • ไม่รองรับการฝากเงินผ่านธนาคารไทยโดยตรง
  • การเชื่อมต่อกับ TradingView อาจซับซ้อนสำหรับมือใหม่

การกำกับดูแล: FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), MAS (สิงคโปร์), CFTC (สหรัฐอเมริกา)

ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับนักเทรดระดับกลางถึงมืออาชีพที่ต้องการโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงและเครื่องมือวิเคราะห์ที่แข็งแกร่ง และไม่มีปัญหาในการฝาก-ถอนผ่านช่องทางสากล

3. IC Markets – สเปรดต่ำและคุณภาพการเชื่อมต่อสูง

ICMarkets
ICMarkets

ข้อดี:

  • สเปรดต่ำมาก (เริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับ EUR/USD บนบัญชี Raw Spread)
  • ความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายสูง (Execution Speed)
  • รองรับเครื่องมือทางการเงินมากกว่า 3,000 รายการ
  • เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:500
  • รองรับ TradingView ได้อย่างดีเยี่ยม
  • มีบัญชีที่หลากหลาย (Standard, Raw Spread, cTrader)
  • รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย

ข้อเสีย:

  • มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชี Raw Spread (7 USD ต่อ lot)
  • การสนับสนุนลูกค้าในภาษาไทยมีจำกัด
  • เงินฝากขั้นต่ำ 200 USD (ประมาณ 7,000 บาท)
  • การถอนเงินอาจใช้เวลา 2-3 วันทำการ

การกำกับดูแล: ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส), FSA (เซเชลส์)

ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขาย, สเปรดต่ำ และนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และ Day Trading

4. Pepperstone – คุณภาพการเชื่อมต่อและเครื่องมือทางเทคนิคที่หลากหลาย

โบรกเกอร์ Pepperstone
โบรกเกอร์ Pepperstone

ข้อดี:

  • ความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายต่ำมาก (ต่ำกว่า 30 ms)
  • สเปรดแคบ (เริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับ EUR/USD บนบัญชี Razor)
  • รองรับทั้ง Copy Trading และการเทรดแบบอัลกอริทึม
  • เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย (1,200+ เครื่องมือ)
  • มีการวิเคราะห์ตลาดประจำวันและเครื่องมือการศึกษา
  • การเชื่อมต่อกับ TradingView มีความเสถียรสูง

ข้อเสีย:

  • มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชี Razor (7 USD ต่อ lot)
  • ไม่มีทีมสนับสนุนภาษาไทย
  • เงินฝากขั้นต่ำ 200 USD (ประมาณ 7,000 บาท)
  • การรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยไม่สมบูรณ์

การกำกับดูแล: FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส), DFSA (ดูไบ), SCB (บาฮามาส)

ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับนักเทรดระดับกลางถึงมืออาชีพที่ต้องการความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายสูง และมีความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควร รวมถึงนักเทรดที่ต้องการใช้ระบบ Copy Trading

5. ThinkMarkets – โบรกเกอร์มาแรงสำหรับนักเทรดรุ่นใหม่

โบรกเกอร์ ThinkMarkets
โบรกเกอร์ ThinkMarkets

ข้อดี:

  • ได้รับรางวัล “Newcomer of the Year” จาก TradingView ในปี 2024
  • มีแพลตฟอร์ม ThinkTrader ที่ใช้งานง่ายนอกเหนือจาก TradingView
  • สเปรดต่ำ (เริ่มต้นที่ 0.4 pips สำหรับ EUR/USD)
  • เงินฝากขั้นต่ำต่ำ (100 USD หรือประมาณ 3,500 บาท)
  • มีการสนับสนุนภาษาไทยบางส่วน
  • รองรับการฝากเงินผ่านหลายช่องทางรวมถึงบัตรเครดิต

ข้อเสีย:

  • ประวัติการให้บริการยังไม่ยาวนานเท่าโบรกเกอร์อื่น
  • ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการยังไม่หลากหลายมาก (ประมาณ 1,800+ เครื่องมือ)
  • ทีมสนับสนุนภาษาไทยยังไม่สมบูรณ์
  • การถอนเงินอาจใช้เวลา 2-3 วันทำการ

การกำกับดูแล: FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), FSA (เซเชลส์), FSCA (แอฟริกาใต้)

ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่และระดับกลางที่ต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย มีสเปรดต่ำ และต้องการโบรกเกอร์ที่กำลังเติบโต

ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ TradingView

คุณสมบัติ
Eightcap
Oanda
IC Markets
Pepperstone
ThinkMarkets
สเปรดเริ่มต้น (EUR/USD)
0.5 pips
1.2 pips
0.0 pips
0.0 pips
0.4 pips
ค่าคอมมิชชั่น
7 USD/lot (Raw)
ไม่มี
7 USD/lot (Raw)
7 USD/lot (Razor)
8 USD/lot (Raw)
จำนวนเครื่องมือทางการเงิน
1,000+
70+
3,000+
1,200+
1,800+
เลเวอเรจสูงสุด
1:500
1:100
1:500
1:500
1:500
เงินฝากขั้นต่ำ
$100
$0
$200
$200
$100
รองรับภาษาไทย
⚠️ (บางส่วน)
⚠️ (บางส่วน)
ฝากถอนผ่านธนาคารไทย
⚠️ (บางธนาคาร)
ความเร็วในการเชื่อมต่อ
ดี
ดีมาก
ดีมาก
ดีเยี่ยม
ดี
การสนับสนุนลูกค้า
24/5 (ไทย)
24/5
24/7
24/5
24/5
การกำกับดูแลหลัก
ASIC, FCA
FCA, ASIC
ASIC, CySEC
FCA, ASIC
FCA, ASIC

TradingView โบรกเกอร์ไหนดีสำหรับนักเทรดไทย?

จากการเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้ง 5 แห่ง สามารถสรุปข้อเสนอแนะตามประเภทของนักเทรดได้ดังนี้:

สำหรับนักเทรดมือใหม่:

  • Eightcap เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดมือใหม่ชาวไทย เนื่องจากมีทีมสนับสนุนภาษาไทย การฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยทำได้ง่าย และมีเงินฝากขั้นต่ำที่เหมาะสม
  • ThinkMarkets เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีสำหรับมือใหม่ด้วยแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและสเปรดต่ำ

สำหรับนักเทรดระดับกลาง:

  • IC Markets เหมาะสำหรับนักเทรดระดับกลางที่ต้องการสเปรดต่ำและเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย
  • Pepperstone เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้ระบบ Copy Trading หรือการเทรดแบบอัลกอริทึม

สำหรับนักเทรดมืออาชีพ:

  • IC Markets และ Pepperstone เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักเทรดมืออาชีพที่ต้องการความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายสูงและสเปรดต่ำมาก
  • Oanda เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงและมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง

เทคนิคการใช้งาน TradingView กับโบรกเกอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อคุณเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมแล้ว นี่คือเทคนิคการใช้งาน TradingView กับโบรกเกอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด:

  1. ใช้การแจ้งเตือน (Alerts) – ตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อราคาถึงระดับสำคัญหรือเมื่ออินดิเคเตอร์ให้สัญญาณ
  2. บันทึกเทมเพลตกราฟ – สร้างและบันทึกเทมเพลตกราฟที่มีอินดิเคเตอร์ที่คุณใช้บ่อยเพื่อประหยัดเวลา
  3. พื้นที่ทำงานหลายหน้าจอ (Multi-Layout) – ใช้พื้นที่ทำงานหลายหน้าจอเพื่อติดตามหลายคู่สกุลเงินหรือกรอบเวลาต่างๆ
  4. เรียนรู้ Pine Script – เรียนรู้ภาษา Pine Script เพื่อสร้างอินดิเคเตอร์หรือกลยุทธ์การเทรดของคุณเอง
  5. แยกการฝาก-ถอนและการเทรด – จำไว้ว่าการฝาก-ถอนต้องทำผ่านเว็บไซต์หรือแอปของโบรกเกอร์โดยตรง ไม่ใช่ผ่าน TradingView
  6. ฝึกใช้บัญชีทดลอง – ทดลองเทรดบนบัญชีทดลองก่อนใช้เงินจริงเพื่อทำความคุ้นเคยกับการเชื่อมต่อระหว่าง TradingView และโบรกเกอร์

ข้อควรระวังในการใช้ TradingView กับโบรกเกอร์

แม้ว่าการเทรดผ่าน TradingView จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่นักเทรดควรทราบ:

  1. ข้อจำกัดของ TradingView ฟรี – เวอร์ชันฟรีของ TradingView มีข้อจำกัด เช่น จำนวนอินดิเคเตอร์ต่อกราฟ (จำกัดเพียง 3 อินดิเคเตอร์) และการแจ้งเตือนที่จำกัด (เพียง 1 แจ้งเตือน)
  2. ไม่สามารถฝาก-ถอนเงินผ่าน TradingView – คุณต้องฝาก-ถอนเงินผ่านเว็บไซต์หรือแอปของโบรกเกอร์โดยตรง
  3. ความล่าช้าในการส่งคำสั่ง – ในบางครั้ง อาจมีความล่าช้าในการส่งคำสั่งซื้อขายระหว่าง TradingView และโบรกเกอร์ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
  4. ประวัติการเทรดไม่ครบถ้วน – TradingView อาจแสดงประวัติการเทรดเฉพาะในช่วงเวลาที่จำกัด คุณต้องตรวจสอบประวัติการเทรดที่สมบูรณ์ในเว็บไซต์ของโบรกเกอร์
  5. ข้อจำกัดของแพลตฟอร์มมือถือ – การเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์บนแอป TradingView มือถืออาจมีข้อจำกัดบางประการเมื่อเทียบกับเวอร์ชันเว็บไซต์หรือเดสก์ท็อป

สรุป – TradingView โบรกเกอร์ไหนดี?

การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับใช้กับ TradingView ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของคุณ รูปแบบการเทรด และปัจจัยอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

  • Eightcap เหมาะสำหรับนักเทรดไทยมือใหม่ที่ต้องการความช่วยเหลือในภาษาไทยและการฝาก-ถอนที่สะดวก
  • IC Markets เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการสเปรดต่ำและความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายสูง
  • Pepperstone เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้ระบบ Copy Trading และความเร็วในการส่งคำสั่งที่ดีเยี่ยม
  • Oanda เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงและเครื่องมือวิเคราะห์ที่แข็งแกร่ง
  • ThinkMarkets เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่และระดับกลางที่ต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและมีสเปรดต่ำ

ไม่ว่าคุณจะเลือกโบรกเกอร์ใด การใช้ TradingView เพื่อวิเคราะห์และเทรดในที่เดียวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณอย่างมาก อย่าลืมทดลองใช้บัญชีทดลองก่อนใช้เงินจริง และเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดและความต้องการเฉพาะของคุณเอง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ TradingView และโบรกเกอร์

1. ต้องสมัครบัญชี TradingView แบบเสียเงินหรือไม่?

ไม่จำเป็น คุณสามารถใช้บัญชี TradingView แบบฟรีในการเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ได้ อย่างไรก็ตาม บัญชีแบบชำระเงินจะให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น อินดิเคเตอร์ที่มากขึ้น การแจ้งเตือนไม่จำกัด และการบันทึกเทมเพลตกราฟหลายรูปแบบ

2. สามารถเชื่อมต่อหลายโบรกเกอร์กับ TradingView บัญชีเดียวได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถเชื่อมต่อบัญชีโบรกเกอร์หลายบัญชีกับบัญชี TradingView เดียวได้ ทำให้คุณสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับการเทรดแต่ละครั้ง

3. วิธีเชื่อมต่อโบรกเกอร์กับ TradingView ทำอย่างไร?

  1. เข้าสู่ระบบ TradingView
  2. เปิดกราฟของเครื่องมือทางการเงินที่คุณต้องการเทรด
  3. คลิกที่แท็บ “Trading Panel” ที่ด้านล่างของหน้าจอ
  4. เลือกโบรกเกอร์ของคุณจากรายชื่อที่แสดง
  5. กรอกข้อมูลล็อกอินของบัญชีโบรกเกอร์ของคุณ
  6. ทำตามขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการเชื่อมต่อ

4. สามารถฝากหรือถอนเงินผ่าน TradingView ได้หรือไม่?

ไม่ได้ คุณไม่สามารถฝากหรือถอนเงินผ่าน TradingView โดยตรงได้ คุณต้องทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง

5. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการใช้ TradingView กับโบรกเกอร์หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว โบรกเกอร์ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้ TradingView ค่าใช้จ่ายเดียวที่อาจมีคือค่าสมัครสมาชิก TradingView แบบพรีเมียม หากคุณเลือกอัปเกรดบัญชี และค่าคอมมิชชั่นปกติของโบรกเกอร์

6. โบรกเกอร์ไหนมีเลเวอเรจสูงสุด?

ในบรรดา 5 โบรกเกอร์ที่เราเปรียบเทียบ Eightcap, IC Markets, Pepperstone และ ThinkMarkets ทั้งหมดมีเลเวอเรจสูงสุดที่ 1:500 ส่วน Oanda มีเลเวอเรจสูงสุดที่ 1:100 อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจที่สูงมากๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเทรด นักเทรดมือใหม่ควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง

7. ควรเลือกบัญชีแบบ Standard หรือ Raw Spread?

  • บัญชี Standard: เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการความเรียบง่าย มีสเปรดที่กว้างกว่าแต่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
  • บัญชี Raw Spread: เหมาะสำหรับนักเทรดที่เทรดบ่อยหรือใช้กลยุทธ์ Scalping มีสเปรดที่แคบกว่าแต่มีค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด

ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการเลือกโบรกเกอร์สำหรับ TradingView

1. พิจารณาประเภทการเทรดของคุณ

  • Day Trading/Scalping: เลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและความเร็วในการส่งคำสั่งสูง เช่น IC Markets หรือ Pepperstone
  • Swing Trading: ทุกโบรกเกอร์ในรายการนี้สามารถรองรับได้ดี
  • Position Trading: พิจารณาโบรกเกอร์ที่มีค่าสว็อปต่ำหรือมีบัญชี Swap-Free

2. ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล

เลือกโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะ FCA (สหราชอาณาจักร) และ ASIC (ออสเตรเลีย) ซึ่งมีมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวด

3. ทดลองใช้ก่อนตัดสินใจ

เปิดบัญชีทดลองกับโบรกเกอร์หลายรายและทดสอบการเชื่อมต่อกับ TradingView เพื่อดูความเสถียรและความสะดวกในการใช้งาน

4. ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนลูกค้า

หากคุณเป็นนักเทรดไทยที่อาจมีข้อสงสัยหรือปัญหาในการใช้งาน การมีทีมสนับสนุนที่พูดภาษาไทยจะเป็นประโยชน์อย่างมาก

5. ตรวจสอบเงื่อนไขการฝาก-ถอน

ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยหรือไม่ และมีค่าธรรมเนียมเท่าไร เนื่องจากนี่เป็นส่วนสำคัญในการใช้งานประจำวัน

สรุป

TradingView เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟที่ทรงพลังที่สามารถเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ต่างๆ ได้ การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณอย่างมาก

ในการเปรียบเทียบ 5 โบรกเกอร์ชั้นนำ เราพบว่า

  • Eightcap โดดเด่นด้านการสนับสนุนภาษาไทยและความสะดวกในการฝาก-ถอนสำหรับนักเทรดไทย
  • IC Markets โดดเด่นด้านสเปรดต่ำและความหลากหลายของเครื่องมือทางการเงิน
  • Pepperstone โดดเด่นด้านความเร็วในการส่งคำสั่งและการรองรับ Copy Trading
  • Oanda โดดเด่นด้านความน่าเชื่อถือและเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค
  • ThinkMarkets โดดเด่นด้านความใหม่และอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย

สุดท้ายนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับ TradingView ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น และเลือกให้เหมาะสมกับรูปแบบการเทรด ความรู้ ประสบการณ์ และความต้องการเฉพาะของคุณเอง

อย่าลืมว่าการเทรด Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง และควรทำการศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเทรดด้วยเงินจริง

คำเตือน: การเทรด CFD (Contracts for Difference) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูงและอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากใช้เลเวอเรจ นักลงทุนควรพิจารณาว่าเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD และสามารถยอมรับความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินได้หรือไม่ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนการเทรด

 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser