price action (PA) คือ อะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

IUX Markets Bonus

Price Action หรือ PA เป็นวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มุ่งเน้นการศึกษาพฤติกรรมราคาของหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ทางการเงิน โดยไม่พึ่งพาอินดิเคเตอร์หรือเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ นักเทรดที่ใช้ Price Action จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยตรงจากกราฟ เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคตและหาจุดเข้า-ออกที่เหมาะสม วิธีการนี้เชื่อว่าราคาสะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างในตลาด รวมถึงอารมณ์และจิตวิทยาของนักลงทุน

ประวัติและพัฒนาการของ Price Action

Price Action มีรากฐานมาจากทฤษฎี Dow ที่พัฒนาโดย Charles Dow ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสมัยใหม่ ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930 Richard Wyckoff ได้พัฒนาวิธีการวิเคราะห์ที่เน้นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญของ Price Action

Price Action
Price Action

ในยุคปัจจุบัน นักเทรดและนักวิเคราะห์หลายท่าน เช่น Al Brooks และ Bob Volman ได้พัฒนาและเผยแพร่แนวคิด Price Action อย่างกว้างขวาง ทำให้วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักเทรดรายย่อยและมืออาชีพ

องค์ประกอบสำคัญของ Price Action

1. แท่งเทียน (Candlesticks)

แท่งเทียนเป็นวิธีการแสดงข้อมูลราคาที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์ Price Action โดยแต่ละแท่งแสดงข้อมูลราคาเปิด สูงสุด ต่ำสุด และปิดในช่วงเวลาหนึ่ง

2.Candlestick Chart
2.Candlestick Chart

รูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญ:

  • Doji: แสดงความไม่แน่นอนในตลาด
  • Hammer และ Hanging Man: อาจบ่งชี้การกลับตัวของราคา
  • Engulfing Pattern: แสดงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่รุนแรง
  • Morning Star และ Evening Star: รูปแบบการกลับตัวที่เกิดจาก 3 แท่งเทียน

2. แนวโน้ม (Trends)

แนวโน้มเป็นทิศทางหลักของการเคลื่อนไหวของราคา แบ่งเป็น:

เส้นแนวโน้ม Trend Line คืออะไร
เส้นแนวโน้ม Trend Line คืออะไร
  • แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): ราคาสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
  • แนวโน้มขาลง (Downtrend): ราคาสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ
  • แนวโน้มแนวราบ (Sideways): ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ไม่มีทิศทางชัดเจน
 YWO Promotion

นักเทรด Price Action จะวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของแนวโน้มโดยดูจากความชันและความต่อเนื่องของการเคลื่อนไหว

3. แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance)

แนวรับคือระดับราคาที่มักจะเกิดแรงซื้อเข้ามาหนุน ส่วนแนวต้านคือระดับราคาที่มักจะเกิดแรงขายเข้ามากดดัน

2.1 Support and Resistance
2.1 Support and Resistance

ประเภทของแนวรับ-แนวต้าน:

  • แนวระดับ (Horizontal): เกิดจากระดับราคาที่สำคัญในอดีต
  • แนวเส้นแนวโน้ม (Trendlines): เส้นที่ลากผ่านจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของราคา
  • แนวไดนามิก (Dynamic): เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

4. โครงสร้างตลาด (Market Structure)

โครงสร้างตลาดเป็นการวิเคราะห์ลำดับของจุดสูงสุดและต่ำสุดของราคา เพื่อระบุว่าตลาดอยู่ในช่วงใด:

  • ช่วงสะสม (Accumulation): ราคาเคลื่อนไหวแนวราบ ก่อนเริ่มแนวโน้มขาขึ้น
  • ช่วงกระจาย (Distribution): ราคาเคลื่อนไหวแนวราบ ก่อนเริ่มแนวโน้มขาลง
  • ช่วงแนวโน้ม (Trend): ราคาเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องในทิศทางเดียว

5. รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)

รูปแบบกราฟเป็นรูปแบบที่เกิดซ้ำๆ บนกราฟราคา ซึ่งอาจบ่งชี้โอกาสในการเทรด:

50 Double Bottom Reversal
50 Double Bottom Reversal
  • Head and Shoulders: รูปแบบการกลับตัวที่ประกอบด้วยยอด 3 ยอด
  • Double Top/Bottom: รูปแบบการกลับตัวที่ราคาทดสอบระดับเดิมสองครั้ง
  • Triangles: รูปแบบการรวมตัวที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลงเรื่อยๆ
  • Flags และ Pennants: รูปแบบการพักตัวในระหว่างแนวโน้ม

6. การเบรกเอาท์ (Breakouts)

การเบรกเอาท์เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ อาจบ่งชี้การเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่หรือการเร่งตัวของแนวโน้มเดิม

ประเภทของการเบรกเอาท์:

  • การเบรกเอาท์จากแนวระดับ
  • การเบรกเอาท์จากรูปแบบกราฟ
  • การเบรกเอาท์จากเส้นแนวโน้ม

7. การทดสอบซ้ำ (Retests)

การทดสอบซ้ำเกิดขึ้นเมื่อราคากลับมาทดสอบแนวรับหรือแนวต้านที่เพิ่งทะลุผ่านไป เป็นโอกาสสำคัญในการเข้าเทรดสำหรับนักเทรด Price Action

8. การถอยกลับ (Pullbacks/Retracements)

การถอยกลับเป็นการปรับฐานของราคาในระหว่างแนวโน้มหลัก อาจเกิดจาก:

  • การทำกำไรของนักเทรดระยะสั้น
  • การเข้าซื้อ/ขายของนักลงทุนที่พลาดโอกาสก่อนหน้า
  • การทดสอบแนวรับ/แนวต้านใหม่

9. ความผันผวน (Volatility)

ความผันผวนแสดงถึงความรุนแรงของการเคลื่อนไหวราคา นักเทรด Price Action จะวิเคราะห์ความผันผวนโดยดูจาก:

  • ขนาดของแท่งเทียน
  • ความห่างระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุด
  • ความเร็วในการเคลื่อนที่ของราคา

10. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

แม้ไม่ใช่ส่วนหลักของ Price Action แต่ปริมาณการซื้อขายก็มีบทบาทสำคัญ:

  • ยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
  • บ่งชี้จุดกลับตัวที่สำคัญ
  • แสดงความสนใจของตลาดต่อระดับราคาต่างๆ

กลยุทธ์การเทรดด้วย Price Action

  1. การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following): เข้าเทรดตามทิศทางของแนวโน้มหลัก โดยใช้การถอยกลับเป็นจุดเข้า
  2. การเทรดกลับตัว (Reversal Trading): หาโอกาสเทรดเมื่อแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง โดยใช้รูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียนหรือรูปแบบกราฟ
  3. การเทรดเบรกเอาท์ (Breakout Trading): เข้าเทรดเมื่อราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ
  4. การเทรดในกรอบ (Range Trading): ซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้านในตลาดที่เคลื่อนไหวแนวราบ
  5. การเทรดจุดพลิก (Pivot Point Trading): ใช้จุดพลิกเป็นระดับสำคัญในการหาจุดเข้า-ออก

ประโยชน์ของการใช้ Price Action

  1. เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ: ไม่ต้องพึ่งพาอินดิเคเตอร์ที่ซับซ้อน ลดความสับสนและการวิเคราะห์ที่ซ้ำซ้อน
  2. ลดการหน่วงของสัญญาณ: เนื่องจากวิเคราะห์ราคาโดยตรง ไม่ผ่านการคำนวณ ทำให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้รวดเร็ว
  3. ปรับใช้ได้กับทุกตลาดและทุกกรอบเวลา: ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโตเคอร์เรนซี Price Action สามารถใช้ได้กับทุกตลาดและทุกกรอบเวลา ตั้งแต่กราฟรายนาทีไปจนถึงรายเดือน
  4. เข้าใจพฤติกรรมของตลาดได้ลึกซึ้งขึ้น: การวิเคราะห์ Price Action ช่วยให้นักเทรดเข้าใจจิตวิทยาของตลาดและพฤติกรรมของผู้เล่นรายใหญ่ได้ดีขึ้น
  5. ลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์: นักเทรดสามารถวิเคราะห์ตลาดได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน
  6. เพิ่มความยืดหยุ่นในการตัดสินใจ: Price Action เปิดโอกาสให้นักเทรดใช้วิจารณญาณและประสบการณ์ในการตัดสินใจ มากกว่าการยึดติดกับสัญญาณจากอินดิเคเตอร์เพียงอย่างเดียว

ข้อควรระวังในการใช้ Price Action

  1. ต้องการประสบการณ์: การอ่านกราฟอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์ นักเทรดมือใหม่อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะนี้
  2. อาจเกิดการตีความผิดพลาด: เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ อาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ระหว่างนักเทรด และอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้
  3. ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว: แม้ Price Action จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการบริหารความเสี่ยงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  4. อาจไม่เหมาะกับทุกสไตล์การเทรด: นักเทรดที่ชอบใช้ระบบอัตโนมัติหรือต้องการสัญญาณที่ชัดเจนอาจพบว่า Price Action ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ
  5. ความเสี่ยงจากการ Over-Trading: เนื่องจาก Price Action สามารถให้สัญญาณได้บ่อย นักเทรดอาจเสี่ยงต่อการเทรดมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนได้

เทคนิคการพัฒนาทักษะ Price Action

  1. ฝึกฝนการอ่านกราฟ: ใช้เวลาในการดูกราฟย้อนหลังและฝึกวิเคราะห์รูปแบบต่างๆ
  2. จดบันทึกการเทรด: บันทึกเหตุผลในการเข้าเทรด ผลลัพธ์ และบทเรียนที่ได้รับจากแต่ละเทรด
  3. ใช้ Demo Account: ทดลองเทรดในบัญชีจำลองก่อนใช้เงินจริง เพื่อสร้างความมั่นใจและทดสอบกลยุทธ์
  4. ศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ: อ่านหนังสือ ดูวิดีโอ หรือเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับ Price Action จากนักเทรดที่มีประสบการณ์
  5. ฝึกความอดทน: Price Action ต้องการความอดทนในการรอสัญญาณที่ชัดเจน ไม่เร่งรีบเข้าเทรดโดยไม่มีเหตุผลที่ดีพอ

การผสมผสาน Price Action กับเครื่องมืออื่น

แม้ว่า Price Action จะเน้นการวิเคราะห์ราคาโดยตรง แต่การผสมผสานกับเครื่องมืออื่นๆ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดได้:

แท่งเทียน Hammer กับเครื่องมืออื่น
แท่งเทียน Hammer กับเครื่องมืออื่น
  1. Moving Averages: ใช้เป็นแนวรับ-แนวต้านไดนามิก หรือยืนยันแนวโน้ม
  2. Fibonacci Retracements: ช่วยในการหาระดับแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
  3. RSI (Relative Strength Index): ใช้ยืนยันภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
  4. Volume: ใช้ยืนยันความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา
  5. Pivot Points: ใช้เป็นจุดอ้างอิงในการหาแนวรับ-แนวต้าน

กรณีศึกษา: การใช้ Price Action ในสถานการณ์จริง

กรณีที่ 1: การเทรดเบรกเอาท์ในตลาด Forex

ในคู่เงิน EUR/USD ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบเป็นเวลาหลายวัน สร้างรูปแบบ Triangle บนกราฟรายวัน นักเทรด Price Action สังเกตเห็นว่าแท่งเทียนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อใกล้จุดบรรจบของ Triangle บ่งชี้ว่าอาจเกิดการเบรกเอาท์ เมื่อราคาทะลุขอบบนของ Triangle พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น นักเทรดตัดสินใจเข้าซื้อ โดยตั้ง Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่เบรกเอาท์

กรณีที่ 2: การเทรดกลับตัวในตลาดหุ้น

หุ้น XYZ มีแนวโน้มขาขึ้นมาเป็นเวลานาน แต่เริ่มแสดงสัญญาณอ่อนแรงลง นักเทรด Price Action สังเกตเห็นรูปแบบ Head and Shoulders กำลังก่อตัวบนกราฟรายสัปดาห์ เมื่อราคาทะลุ Neckline ลงมาพร้อมกับแท่งเทียนขนาดใหญ่ นักเทรดตัดสินใจเข้าขายชอร์ต โดยตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของไหล่ขวา

สรุป

Price Action เป็นวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลังและยืดหยุ่น ช่วยให้นักเทรดเข้าใจพฤติกรรมของตลาดและผู้เล่นในตลาดได้อย่างลึกซึ้ง แม้จะต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝน แต่ Price Action ก็มีข้อได้เปรียบหลายประการ เช่น ความเรียบง่าย การตอบสนองที่รวดเร็ว และความสามารถในการปรับใช้กับทุกตลาดและทุกกรอบเวลา

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเครื่องมือการเทรดอื่นๆ Price Action ไม่ใช่วิธีการที่รับประกันความสำเร็จ 100% นักเทรดควรใช้ Price Action ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การบริหารความเสี่ยงที่ดี และการพัฒนาวินัยในการเทรดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดในระยะยาว

 Exness Promotion
PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser