Price Pattern คืออะไร
Price Pattern คือ รูปแบบราคาที่อยู่ในธรรมชาติ ที่คล้ายคลึงกับลักษณะรูปร่างต่าง ๆ ในชีวิตที่เราพบเจอได้บ่อย ซึ่งรูปแบบนี้ในทางทฤษฎีแล้ว เราเชื่อว่า จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เนื่องจากว่ามันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งเทรดเดอร์จะใช้รูปแบบของการเกิดซ้ำ ๆ นี้ในการเข้าเทรด และพยากรณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
ทฤษฎีของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ทฤษฎีของ Price Pattern เชื่อว่า ราคาจะเกิดเป็นรูปร่างที่เกิดซ้ำได้ สาเหตุที่เชื่อแบบนี้ ก็เพราะว่า ตามหลักของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดการเงิน ที่เชื่อว่า
- ราคาเกิดจากการซื้อขายของมนุษย์
- มนุษย์มักจะมีพฤติกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
- ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ได้
- เมื่อรูปแบบเกิดซ้ำ หมายความว่า ในอนาคตจะเกิดขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม นั่นคือทฤษฎีที่เกิดกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่ไม่ใช่การวิเคราะห์ Price Pattern
ทฤษฎี Price Pattern
Price Pattern เกิดมาจากการรวบรวมรูปแบบกราฟแท่งเทียน ดังนั้นจึงต้องเกี่ยวข้องกับ Candlestick ที่รวบรวมมา เช่นเดียวกับ ทฤษฎีการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่จะมีทฤษฎีที่เสริมดังนี้
- Price Pattern เชื่อว่า ราคาจะสะท้อนพฤติกรรมมนุษย์ออกมา
- รูปแบบของพฤติกรรมจะเป็นรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ
- พฤติกรรมของมนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากนัก
- Price Pattern คือ การกำหนดรูปร่างของพฤติกรรมราคาให้ได้เข้าใจง่าย จำได้ง่าย
- รูปแบบของพฤติกรรมพยายามทำเป็นภาพ และเข้าใจได้ง่าย
- รูปร่างที่ปรากฏจึงเป็นรูปร่างและชื่อที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน
สำหรับการวิเคราะห์ Price Pattern จึงต้องทำความรู้จักกับ ทฤษฎีกราฟแท่งเทียนในเบื้องต้นก่อน อย่างไรก็ตาม กราฟแท่งเทียนที่เราพูดถึงคงไม่ได้พูดถึงรายละเอียดมากนัก เพราะว่า กราฟแท่งเทียนหรือ Candlestick มีเนื้อหาและความเป็นมายาวนาน
องค์ประกอบของแท่งเทียนควรรู้
สำหรับองค์ประกอบของแท่งแทียน เราจะมาทำความรู้จักกับกราฟแท่งเทียนเบื้องต้นก่อน
ข้อมูลเบื้องต้น
กราฟแท่งเทียน เป็นการกำหนดลักษณะการเคลื่อนไหวแบ่งตามคาบเวลา เช่น 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ว่า ผู้วิเคราะห์เลือกใช้ Time Frame ใดในการวิเคราะห์ ซึ่งได้รับความนิยมสูง ดังนั้น มุมมองและรูปแบบของ Price Pattern จะเกิดหลังการเกิดของกราฟแท่งเทียน
ซึ่งการวิเคราะห์ราคาก็มีวิวัฒนาการของมัน โดยสามารถแสดงเป็นภาพได้ดังนี้
การพัฒนาของการวิเคราะห์
การวิเคราะห์ราคาแรกเริ่มเป็นการวิเคราะห์โดยใช้กราฟเส้น หลังจากนั้นคือ Line Chart และกราฟแท่งเทียน ซึ่งนั่นเป็นเพียงรูปแบบการแสดงผลที่พัฒนามา
ขณะที่การวิเคราะห์โดยใช้ Price Pattern นั้นเป็นการวิเคราะห์ที่ได้รับความนิยม ซึ่งการวิเคราะห์ Price Pattern นั้นเติบโตมาคู่กับการวิเคราะห์โดยใช้ indicator ซึ่งส่วนนี้คือการวิเคราะห์โดยใช้ Price Pattern
ประเภทของ Chart Pattern
สำหรับการวิเคราะห์แบบ Price Pattern อาจจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Chart Pattern ก็ได้ ซึ่งรูปแบบของการวิเคราะห์แบ่งเป็น 2 ประเด็นได้แก่
การวิเคราะห์โดยใช้ทิศทาง
- รูปแบบที่เกิดในตลาดกระทิง (ฺBullish Price Pattern)
- รูปแบบที่เกิดในตลาดหมี (Bearish Price Pattern)
Price Pattern ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
สำหรับการแบ่งรูปแบบของการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบเช่นกัน คือ
- รูปแบบ Candlestick แบบต่าง ๆ เรียกว่า Candlestick pattern
- รูปบบ candlestick แบบ Harmonic pattern
- รูปแบบ Traditional Chart Pattern
รูปแบบ Candlestick Chart Pattern
รูปแบบ Candle stick Chart Pattern มีตัวอย่างของรูปแบบจำนวนมากแล้วแต่ตำรา เดิมทีมีการบัญญัติไว้ 42 pattern แต่หนังสือ Steve Nison เรื่อง Japanese Candlestick Charting Technique ได้กล่าวถึงรูปแบบกว่า 101 กว่ารูปแบบ ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบมากที่สุด
รูปแบบ Harmonic Pattern
รูปแบบของ Harmonic Pattern มีตัวอย่างที่พบบ่อยดังนี้
- Bat
- Butterfly
- Gartley
- Crab
- Deep Crab
- Shark
- 3 Drives
- AB=CD
- 5-0
รูปแบบ Traditional Chart Pattern
รูปแบบของ Traditional Chart Pattern มีตัวอย่างที่พบบ่อยดังต่อไปนี้
Reversal Patterns:
- Double Top Reversal
- Double Bottom Reversal
- Triple Top Reversal
- Triple Bottom Reversal
- Head and Shoulders
- Key Reversal Bar
Continuation Patterns:
- Triangle
- Flag and Pennant
- Channel
- Cup with Handle
อย่างไรก็ตาม รูปแบบบางอย่างมีมากกว่านี้ ซึ่งเราจะกล่าวถึงรูปแบบหลัก ๆ เท่านั้น โดยไม่ลงรายละเอียดมากเท่าใดนัก
การวิเคราะห์ Price Pattern ที่ต้องรู้
สำหรับการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนต้องรู้แม้กระทั่งการเกิดของกราฟแท่งเทียน โดยที่สามารถแบ่งเป็นรูปแบบต่าง ๆ สำหรับการเกิดของกราฟแท่งเทียนแบ่งเป็นรูปแบบธรรมดา และ รูปแบบซับซ้อน โดยเรามาเริ่มตั้งแต่คำอธิบายของกราฟแท่งเทียนก่อนเลย
ลักษณะของกราฟแท่งเทียน
ลักษณะของกราฟแท่งเทียน
- กราฟแท่งเทียน 1 แท่งเท่ากับ 1 คาบเวลา เช่น 1 ชั่วโมง 1 วัน เป็นต้น
- กราฟแท่งเทียน ตัวไส้เทียนแสดงถึงราคาเคยเคลื่อนไหวไปถึง
- ตัวเทียนคือ จุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดของเวลา
- การขึ้นลงเหล่านี้นำไปสู่การกำหนดรูปแบบของแท่งเทียนและอารมณ์ตลาด
สรุปรวมรูปแบบกราฟ
ลักษณะของแท่งเทียนแบบธรรมดา
ต่อไปนี้รวมรูปแบบของแท่งเทียนแบบธรรดาทั้งหมดที่มีในตำรา
Big Black Candle
- ตัวเทียนยาวมาก
- เปิดใกล้ high
- ปิดใกล้ low
- รูปแบบแท่งเทียนขาลง
Big White Candle
- ตัวเทียนยาวมาก
- ปิดใกล้ high
- เปิดใกล้ low
- รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น
Black Body
- ราคาเปิดสูงกว่าราคาปิด
- มีไส้เทียนบ้าง
- ตัวเทียนยาวกว่าไส้
- สัญญาณขาลง
White Body
- ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด
- มีไส้เทียนบ้าง
- ตัวเทียนยาวกว่าไส้
- สัญญาณขาขึ้น
Doji
- ราคาปิดเปิดเท่ากัน
- ไส้เทียนยาวแตกต่างกัน
- ถ้าเทรนด์ก่อนหน้าลง
- เทรนด์ต่อไปอาจจะขึ้น
- และถ้าก่อนหน้าขึ้นต่อไปจะลง
Long-Legged Doji
- เป็น Doji แต่ว่าไส้เทียนยาว
- แสดงถึงแรงซื้อขายรุนแรง
- ถ้าเทรนด์ขึ้นต่อไปอาจจะลง
- ถ้าเทรนด์ลงต่อไปอาจจะขึ้น
Dragonfly Doji
- ราคาเปิดปิดอันเดียวกัน
- ไส้เทียนด้านล่างยาว
- สัญญาณที่เกิดขึ้นคือ
- ต่อไปตลาดขาขึ้น
Gravestone Doji
- ราคาปิดกับเปิดเท่ากัน
- ไส้เทียนยาวด้านบน
- เป็นสัญญาณตลาดหมี
- จะเกิดขึ้นตามมา
Hammer
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- มีส่วนหัวค้อนด้านบนไส้
- ไม่มีไส้ด้านบน
- บอกจุดกลับตัวหลังจากเกิดขาลง
- มักอยู่ในเทรนด์ขาลง
Hanging Man
- เป็นแท่งแดงหรือเขียวก็ได้
- ไส้ยาวมาก ตัวเทียนสั้น
- ไส้เกิดข้างล่างเสมอ
- จะเกิดเทรนด์ขาลงต่อมา
- มักอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
Inverted Hammer
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- ตัวไส้ต้องอยู่ด้านบน
- ตัวเทียนมีแค่ค้อนกลับหัว
- เป็สัญญาณบอกขาลง
Shooting Star
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- มีไส้เทียนยาวมาก
- แต่ตัวเทียนเล็กน้อย
- ถือเป็นสัญญาณขาลง
Long Upper Shadow
- เป็นแท่งแดงหรือเขียวก็ได้
- ความยาวไส้ 2/3 ของความยาวรวม
- ถือเป็นสัญญาณตลาดหมี
- เกิดแถวแนวต้าน
Long Lower Shadow
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- ความยาว 2/3 ของทั้งหมด
- ถือว่าเป็นสัญญาณขาขึ้น
- เกิดบริเวณแนวรับ
Marubozu
- เขียวหรือแดงก็ได้
- ไม่มีไส้เทียน
- จะบอกว่าราคาไปต่อ
- ถ้าเขียวก็ขึ้นต่อ
- ถ้าแดงก็ลงต่อ
Spinning Top
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- ขนาดไส้แล้วแต่อาจจะยาวหรือสั้น
- มักจะเกิดร่วมกับแท่งแบบอื่น
Shaven Head
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- ไม่มีไส้ด้านบน
- ไส้เทียนสั้น
- ต่างจาก hammer ตรงไส้
- จะเกิดกลับตัวขาขึ้น
Shaven Bottom
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- ไม่มีไส้เทียนด้านล่าง
- คล้ายกับ inverted hammer
- แต่ไส้เทียนสั้นกว่า
- เป็นสัญญาณ บอกขาลง
ลักษณะแท่งเทียนที่ซับซ้อน
Bearish Harami
- มีแท่งยาวสีเขียว 1 แท่ง
- ตามด้วยแท่งสั้นสีแดง 1 แท่ง
- เป็นสัญญาณตลาดขาลง
- เกิดเมื่อมีเทรนด์ขาขึ้น
Bearish Harami Cross
- มีแท่งสีเขียวยาว
- ตามด้วย Doji
- เป็นสัญญาณกลับตัว
- เกิดจุดสูงสุดของเทรนด์
Bearish 3-Method Formation
- อีกชื่อ คือ Falling Three
- แท่งยาวแดง
- ตามด้วยแท่งสั้นสียเขียว
- และกลายเป็นแท่งแดงยาวอีก
- เป็นสัญญาณขาลง
- เกิดระหว่างเทรนด์ขาลง
Bullish 3-Method Formation
- เรียกอีกอย่างว่า Rising Three
- แท่งเขียวยาวเกิดก่อน
- ตามด้วยแท่งสั้น 3 แท่งแต่ไม่เกิด low
- แท่งเขียวอีกครั้ง
- เกิดระหว่างขาขึ้น
- บอกว่าเทรนด์ไปต่อ
Bullish Harami
- มีแท่งลงยาวสีแดง
- มีแท่งเล็กสีเขียวตามมา
- เกิดในเทรนด์ขาลง
- ถือเป็นจุดกลับตัวขาขึ้น
Bullish Harami Cross
- เป็นแท่งแดงขาลง
- แล้วตามด้วย Doji
- เป็นสัญญาณกลับตัว
- ของขาลงเป็นขาขึ้น
Dark Cloud Cover
- เป็นแท่งเขียนเขียว
- ตามด้วยแท่งแดง
- แท่งแดงอยู่ด้านบน
- ปิดจุดต่ำสุดของแท่งแดง
- บอกว่าคือจุดกลับตัว
Engulfing Bearish Line
- เป็นแท่งเทียนเล็กสั้น
- ตามด้วยแท่งแดงมหึมา
- เกิดใกล้จุดยอดของเทรนด์
- ถือเป็นสัญญาณกลับตัว
Engulfing Bullish
- มีแท่งเล็กสั้นแดง
- มีแท่งเขียวยาว
- เกิดที่จุดล่างของขาลง
- เป็นสัญญาณกลับตัว
- เกิดขาขึ้นตามมา
Evening Doji Star
- มี 3 แท่ง
- แท่งแรกเขียวยาว
- แท่ง 2 เป็น Doji
- และเกิด Gap
- แท่งสามแท่งแดงยาว
- เกิดจุดยอดของราคา
- เป็นสัญญาณกลับตัว
- เกิดขาลงตามมา
Evening Star
- มี 3 แท่งเช่นกัน
- มีแท่งเขียวขึ้นก่อน
- ตามด้วยแท่งสั้นเขียว
- มีแท่งแดงยาวตามมา
- เกิดช่วงบนของเทรนด์
- ตามด้วยจุดกลับตัวขาลง
Falling Window
- เกิด Gap กว้าง
- แท่งแรกเป็นสีแดง
- แท่ง 2 เป็นสีเขียว
- จะไป Filled Gap ทีหลัง
- แต่จะชนแนวต้าน
Morning Doji Star
- ประกอบด้วยแท่ง 3 แท่ง
- มีแท่งแดงยาว
- แท่ง Doji ตามมา
- และแท่งเขียวสุดท้าย
- เป็นแท่งกลับตัวขาลง
- เป็นขาขึ้นตามมา
Morning Star
- เป็นแท่งยาวสีแดง
- ตามด้วยแท่งเทียนเล็กเขียว
- แท่งเขียวยาวตามมา
- แต่ยังไม่เกิด high ก่อน
- เป็นจุดกลับตัว
- บอกต่อไปเป็นขาขึ้น
On Neckline
- เกิดในขาลง
- มีแท่งแดงตามมา
- ตามด้วยแท่งเขียว
- เป็นเทรนด์ขาลงต่อเนื่อง
Three Black Crows
- ประกอบด้วยแท่งแดงยาว
- มี 3 แท่ง
- เกิด ณ จุดยอดของเทรนด์
- เป็นขาลงตามมา
Three white soldiers
- มีแท่งเขียว 3 แท่ง
- เกิด new high เรื่อย ๆ
- เกิดที่จุดต่ำสุดของเทรนด์ลง
- เป็นจุดกลับตัว
- เปลี่ยนเป็นขาขึ้น
Tweezer Bottoms
- มีแท่งของแท่ง
- จุดต่ำสุดเท่ากับ 2 แท่ง
- ขนาดอาจจะไม่เท่ากัน
- เป็นจุดกลับตัวแบบเบา ๆ
- ถือเป็นจุดกลับตัวขาขึ้น
Tweezer Tops
- มีแท่งเทียน 2 แท่ง
- เป็นสีเขียวหรือแดง
- สัญญาณบอกจุดกลับตัวไม่แรง
- จะดีถ้าหากว่า มีสัญญาณอื่นเสริม
Doji Star
- เป็นแท่งเขียวหรือแดงก็ได้
- ตามด้วย Doji
- และมี gap ตามมา
- เป็ฯสัยญาณกลับตัว
- จาเทรนด์ก่อนหน้า
Piercing Line
- มีแท่งแดงเกิดขึ้น
- เปิดต่ำกว่าราคาปิด
- ตามด้วยแท่งเขียว
- เป็นสํญญาณกลับตัว
- เกิดที่จุดต่ำของเทรนด์
Rising Window
- มี gap เล็กน้อย
- เกิดบนแท่งเขียว 2 แท่ง
- gap เรียกว่า window
- รูปแบบนี้ให้ แนวรับ
Judas Candle
- ประกอบด้วยแท่งแดงใหญ่
- ตามด้วยแท่งเขียวตามมา
- แต่ว่าแท่งเขียวเป็นไส้ยาว
- แสดงถึงราคาผันผวน
Darth Maul
- รูปแบบนี้เรียกว่า
- “high wave spinning top”
- แท่งเทียนเล็กเขียวแรก
- แท่งแดงยาวผันผวนสูง
- บอกได้ว่า เทรนด์ถึงตอนนี้สับสน
- อาจจะเกิดจุดกลับตัว
Price Pattern ที่สำคัญ
สำหรับบทความนี้จะนำเสนอเฉพาะรูปแบบ Price Pattern ที่สำคัญที่ปรากฏในตลาด 19 รูปแบบ ดังนี้
รูปแบบ Reversal Pattern
รูปแบบ Reversal หมายถึงเมื่อราคาเกิดรูปแบบนี้จะเกิดการกลับตัวเมื่อเทียบจากเทรนด์ก่อนหน้าโดยมีทั้งหมด 11 รูปแบบ
Double Top Reversal
รูปแบบ Double Top
- เกิดตรงยอดเทรนด์
- เทรนดพ์พยายามทำ New High
- แต่ขึ้นไม่ไหว
- ดีดกลับมาเพราะฝั่ง Sell มีแรงเยอะกว่า
Double Bottom Reversal
รูปแบบ Double Bottom
- เทรนด์พยายามลงต่อ
- การทำ New Low ติดเส้น Support
- ฝั่งซื้อมีแรงซื้อมากกว่า
- ทำให้เกิดจุดกลับตัว
Head and Shoulders Top
รูปแบบหัวและไหล่
- เป็นรูปแบบกลับตัว
- กราฟเกิดยอดของเทรนด์
- รูปแบบนี้เกิดกลับตัวง่ายมาก
- เพราะว่ามันพยายามขึ้นหลายรอบแต่ไม่สำเร็จ
- จุดกลับตัวแม่นยำ
Head and Shoulders Bottom
จุดกลับหัวและไหล่
- ความแน่นอนในการกลับตัวเทรนด์ขาขึ้นสูง
- พยายามลงหลายรอบแต่ลงไม่ได้
- แรงซื้อเยอะกว่าแรงขาย
- เกิดการดีดกลับของกราฟ
Falling Wedge
รูปลิ่มขาลง
- รูปลิ่มขาลงเกิดจากกราฟในขาลง
- ทำให้เกิดกราฟกลับตัวเป็นขาขึ้น
- เทรดเมื่อกราฟหลุดออกจากกรอบลิ่มเท่านั้น
- เมื่อพักฐานตรง HL สุดท้ายจึงเข้าเทรด
Rising Wedge
รูปลิ่มขาขึ้น
- รูปลิ่มขาขึ้นเกิดเมื่อตอนขาขึ้น
- แสดงกราฟกลับตัวเปลี่ยนเป็นขาลง
- แต่ต้องเข้าเทรดเมื่อกราฟหลุดจากลิ่มเท่านั้น
Rounding Bottom
Triple Top Reversal
รูปแบบ 3 ยอดกลับตัวขาขึ้น
- รูปแบบนี้กลับตัวแน่นอนสูงมาก
- เพราะว่า พยายามที่จะขึ้นหลายรอบ
- แต่หมดแรง แรงขายมีมากกว่า
- ราคาติดอยู่ที่แนวต้านถึง 3 ครั้ง
Triple Bottom Reversal
รูปแบบ 3 ยอดกลับตัวขาลง
- รูปแบบ Tripple Bottom เกิดการกลับตัวขาขึ้น
- โอกาสกลับตัวสุง
- ติดอยู่ที่แนวรับ 3 ครั้ง
- ถ้าหากทะลุ Neckline คือเทรนด์ยาว
- การเข้าเทรดให้เข้า Breakout
Bump and Run Reversal
รูปแบบ Bump and Run
- เป็นจุดกลับตัวที่ดูยาก
- จะเกิดเทรนด์ขาขึ้นแรง
- ดีดไปแล้วพักหมดแรงแล้วลงยาว
- ทำกำไรได้เยอะดี
- แต่ดูยากมาก เพราะอาจจะไปต่อไม่กลับตัว
- โอกาสกลับตัวต่ำ
รูปแบบ Continuation Pattern
รูปแบบ Continuation Pattern หมายถึงรูปแบบราคาที่เกิดการไปต่อของราคาหลังจากเกิดเทรนด์ก่อนหน้า 9 รูปแบบ
Flag, Pennant
- เกิดรูปแบบสามเหลี่ยมขึ้น
- หรือว่าบางคนอาจจะเรียกว่า รูปแบบธง (Flag)
- การตีกรอบง่ายมาก แต่ก็ดูยากมากเหมือนกัน
- ต้องคอยดูกรอบว่าแท่งเทียนทะลุกรอบเมื่อไหร่
- สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งการฟขาขึ้นขาลง
- ความน่าจะเป็นต่ำ
- แต่พบเห็นได้บ่อย
Symmetrical Triangle
รูป 3 เหลี่ยมสมมาตร
- เป็นรูปแบบที่คล้ายกับสามเหลี่ยมธง
- แต่ว่าองศาเท่ากันทั้งด้านล่างด้านบน
- กราฟรอ Break Out ณ จุดใดจุดหนึ่ง
- ถ้าก่อนหน้าเป็นขาลง จะ Break ด้านล่าง
- ก่อนหน้าเป็นเทรนด์ขาขึ้นจะ Break ด้านบน
- ก็มันคือรูปแบบ Continue
Ascending Triangle
สามเหลี่ยมขาขึ้น
- เป็นรูปแบบต่อเนื่อง คล้ายสามเหลี่ยมธง
- เทรนดขาขึ้นต่อเนื่อง ทะลุด้านบน
- มีการแกว่งตัวแต่เกิด Higher Low ต่อเนื่อง
Descending Triangle
สามเหลี่ยมขาลง
- กราฟเป็นรูปสามเหลี่ยมต่อเนื่อง
- เกิดกราฟขาลงต่อเนื่อง
- เกิด Lower High ทุกครั้ง
- กราฟเป็นสัญญาณไปต่อ ในเทรนด์ขาลง
Rectangle
รูปแบบสี่เหลี่ยม
- เป็นกรอบ Sideway
- สามารถออกทางไหนก็ได้
- กราฟจะกระจุกตัวเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง
- แล้วเกิดเบรคเอาท์ทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
Price Channel
- รูปแบบนี้พบเห็นได้บ่อยที่สุด
- รูปแบบนี้เป็นการตีเส้นเทรนด์ไลน์ และ Channel
- มันคือการบอกเทรนด์ขาขึ้นขาลง
- เป็นการวิเคราะห์ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ
Measured Move – Bullish
รูปแบบ Measured Move Bullish
- มันคือรูปแบบ Channel ผสมเทรนด์ Line
- มีการพักฐานและไปต่อ
- เกิดขึ้นระหว่างเทรนด์ขาขึ้น
Measured Move – Bearish
รูปแบบ Measured Move Bearish
- นี่คือ รูปแบบ Channel ขาลง
- มีการพักฐานขาลง แล้วไปต่อ
- จะเกิดขึ้นระหว่างเทรนด์ขาลง
Cup with Handle
รูป Cup with Handle
- เกิด ณ จุดกลับตัวเทรนด์ขาลง
- ทำให้เกิดกราฟกลับตัวขาขึ้น
- กราฟพยายามลง แต่ไม่มีแรงมากพอ
- เทรนด์ขาขึ้นค่อย ๆ มีอิทธิพล
- เรียกอีกชื่อว่า Cup and Handle pattern
รูปแบบ Harmonic Pattern ของแท่งเทียน
รูปแบบ Harmonic Pattern ที่เกิดบ่อย มีทั้งหมด 9 รูปแบบ
ABC Bullish/Bearish
- จุเข้าเทรดของ รูปแบบ ABC คือ จุด C
- โดยจะทะลุแนวต้านขึ้นไป
- ซึ่งจะทำให้เกิดรูปแบบ D
- และอาจจะทำให้เกิดรูปแบบ AB=CD แล้วจึงหาจุดเข้าเทรดต่อไป
AB=CD Bullish/Bearish
- รูปแบบ AB = CD เกิดขึ้นหลังจาก ABC
- สามารถใช้เป็นจุดเข้า D ได้ โดยเป็นรูปแบบจุดกลับตัว
3-Drives Bullish/Bearish
- เป็นรูปแบบขาขึ้น โดนที่จะเกิด 3 Drive
- จุดพักฐาน 61.8 คือจุดเข้าที่ดี
- จุด 161.8 เป็นจุดทำกำไรที่ดี
Gartley Bullish/Bearish
Butterfly Bullish/Bearish
Bat Bullish/Bearish
Crab Bullish/Bearish
Shark Bullish/Bearish
Cypher Bullish/Bearish
ที่มา
- https://en.wikipedia.org/wiki/Chart_pattern
- https://en.wikipedia.org/wiki/Candlestick_pattern
- https://school.stockcharts.com/doku.php?id=chart_analysis:chart_patterns
- https://forexbee.co/chart-patterns-pdf/
- https://school.stockcharts.com/doku.php?id=trading_strategies:harmonic_patterns
