แนวคิดการเทรด Forex คืออะไร มีกี่แนวคิด

แนวคิดการเทรด forex

การเทรด Forex หรือการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน การเทรด Forex มีความซับซ้อนและต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในหลายด้าน นักเทรดจึงจำเป็นต้องมีแนวคิดและกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการวิเคราะห์และตัดสินใจซื้อขาย บทความนี้จะอธิบายถึงแนวคิดหลักในการเทรด Forex ทั้งหมด 10 แนวคิด พร้อมรายละเอียดและตัวอย่างประกอบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของการเทรด Forex ได้อย่างครบถ้วน 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญในการเทรด Forex โดยมีหลักการว่าราคาในอดีตสามารถบ่งบอกทิศทางของราคาในอนาคตได้ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะศึกษาข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาในอนาคต วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีหลายรูปแบบ เช่น: การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis): ศึกษาทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาว การวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance): ระบุระดับราคาที่มีแรงซื้อหรือแรงขายสูง การใช้อินดิเคเตอร์ (Indicators): เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่ช่วยวิเคราะห์ราคาและปริมาณการซื้อขาย เช่น Moving Average, RSI, MACD การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns): ศึกษารูปแบบของแท่งราคาเพื่อคาดการณ์ทิศทางในอนาคต ตัวอย่าง: นักเทรดอาจใช้ Moving [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

เทคนิคการเทรดทอง คืออะไร มีเทคนิคอะไรบ้าง

4. ระบบเทรดแบบ Trend Following

ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในการลงทุนมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่มีความผันผวนต่ำและมักถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะเทรดทองคำเพื่อสร้างผลกำไรและกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน เทคนิคการเทรดทอง คือ วิธีการและกลยุทธ์ต่างๆ ที่นักเทรดใช้ในการวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำ เพื่อเข้าซื้อขายในจังหวะที่เหมาะสมและสร้างผลกำไร โดยเทคนิคเหล่านี้อาจอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือการผสมผสานทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงเทคนิคการเทรดทองที่นิยมใช้กัน พร้อมทั้งข้อดีและข้อควรระวังของแต่ละเทคนิค เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดทองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 1. เทคนิคการวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis) การวิเคราะห์แนวโน้มเป็นหนึ่งในเทคนิคพื้นฐานที่สุดในการเทรดทอง โดยมีหลักการว่าราคาทองคำมักเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้ม (Trend) ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หรือแนวโน้มขาลง (Downtrend) วิธีการ: ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น เส้นแนวโน้ม (Trendline) หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อระบุทิศทางของแนวโน้ม เข้าซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และเข้าขายเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง ใช้การเบรกของเส้นแนวโน้มหรือการตัดกันของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นสัญญาณในการเข้าหรือออกจากตลาด ข้อดี: เข้าใจง่ายและสามารถใช้ได้กับทุกกรอบเวลา มีโอกาสทำกำไรได้มากในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มชัดเจน ข้อควรระวัง: อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบ Sideways อาจเข้าตลาดช้าเกินไปหากรอให้แนวโน้มชัดเจนมากเกินไป 2. เทคนิคการเทรดแบบ Breakout เทคนิคการเทรดแบบ Breakout เป็นการเข้าซื้อหรือขายเมื่อราคาทะลุผ่านระดับสำคัญ เช่น แนวรับ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

ตัวอย่างของ hedging strategy การทำ Hedging

Hedging Strategies

Hedging เป็นกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ใช้เพื่อป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง การทำ hedging สามารถช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องพอร์ตการลงทุนได้ ในบทความนี้ เราจะอธิบายกลยุทธ์ hedging ที่ใช้กันทั่วไปพร้อมตัวอย่างประกอบ รวมถึงข้อควรพิจารณาในการนำไปใช้ ความสำคัญของการทำ Hedging ในตลาด Forex ก่อนที่เราจะเจาะลึกลงไปในกลยุทธ์ต่างๆ เราควรเข้าใจว่าทำไมการทำ hedging จึงมีความสำคัญในตลาด Forex: ความผันผวนสูง: ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงและเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก: อัตราแลกเปลี่ยนได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น นโยบายการเงิน เหตุการณ์ทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งยากที่จะคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ การใช้ Leverage: นักเทรด Forex มักใช้ leverage สูง ซึ่งแม้จะเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน การป้องกันความเสี่ยงในธุรกิจระหว่างประเทศ: บริษัทที่ทำธุรกิจระหว่างประเทศต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การทำ hedging ช่วยให้สามารถวางแผนทางการเงินได้แม่นยำมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การทำ hedging [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

ทำกำไรจาก Swap forex ทำได้จริงไหม ทำอย่างไร

ทำกำไรจาก Swap forex

Swap ในตลาด Forex เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่นักเทรดควรทำความเข้าใจ เนื่องจากมีผลกระทบต่อกำไรขาดทุนในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ถือครองสถานะข้ามคืน บทความนี้จะอธิบายถึงความเป็นไปได้และวิธีการในการทำกำไรจาก Swap ในตลาด Forex Swap คืออะไร Swap หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Rollover เป็นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเมื่อนักเทรดถือครองสถานะ (Position) ข้ามคืน โดยจะคิดคำนวณจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่สกุลเงินที่เทรด ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อ (Long) EUR/USD และถือไว้ข้ามคืน คุณจะได้รับดอกเบี้ยจากการถือครอง EUR และต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับ USD ที่ยืมมา ผลต่างระหว่างดอกเบี้ยที่ได้รับและต้องจ่ายนี้คือ Swap Swap อาจเป็นบวกหรือลบก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณ Long หรือ Short และความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน ทำไมถึงมี Swap Swap มีขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนหรือผลตอบแทนจากการถือครองสกุลเงินต่างๆ ในโลกความเป็นจริง เมื่อคุณซื้อสกุลเงินหนึ่ง คุณกำลังยืมอีกสกุลเงินหนึ่งมาซื้อ ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ย ในขณะเดียวกัน สกุลเงินที่คุณซื้อก็มีอัตราดอกเบี้ยของมันเอง โบรกเกอร์ Forex จึงใช้ Swap เพื่อปรับสมดุลระหว่างต้นทุนและผลตอบแทนเหล่านี้ ทำให้การเทรง Forex [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

orderbook คืออะไร วิธีดู Orderbook ในการเทรด

Orderbook คืออะไร

ในโลกของการเทรดสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สกุลเงินดิจิทัล หรือสินค้าโภคภัณฑ์ Orderbook หรือสมุดคำสั่งซื้อขาย เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง Orderbook ไม่เพียงแต่แสดงข้อมูลการซื้อขายในปัจจุบัน แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของอุปสงค์และอุปทานในตลาด ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาและประเมินสภาพคล่องของสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงความหมาย องค์ประกอบ และวิธีการใช้ Orderbook ในการเทรด รวมถึงกลยุทธ์ต่างๆ ที่นักเทรดมืออาชีพใช้ในการวิเคราะห์ Orderbook เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อขาย Orderbook คืออะไร Orderbook เป็นระบบบันทึกคำสั่งซื้อและขายแบบเรียลไทม์สำหรับสินทรัพย์ทางการเงินในตลาด โดยแสดงรายการคำสั่งซื้อ (Bid) และคำสั่งขาย (Ask) ทั้งหมดที่ยังไม่ได้จับคู่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง โดยจัดเรียงตามระดับราคา Orderbook มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะ: แสดงสภาพคล่องของตลาด: ปริมาณคำสั่งซื้อขายและความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและเสนอขาย (Spread) บ่งบอกถึงสภาพคล่องของสินทรัพย์ สะท้อนความสนใจของตลาด: ปริมาณคำสั่งที่ระดับราคาต่างๆ แสดงถึงความสนใจของนักลงทุนที่ราคานั้นๆ ช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มราคา: การวิเคราะห์ความไม่สมดุลระหว่างคำสั่งซื้อและขายสามารถช่วยคาดการณ์ทิศทางราคาในระยะสั้นได้ เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจเทรด: นักเทรดใช้ข้อมูลจาก Orderbook ในการตัดสินใจเข้าหรือออกจากตำแหน่ง แสดงแนวรับแนวต้าน: ปริมาณคำสั่งที่สูงที่ระดับราคาใดๆ อาจบ่งชี้ถึงแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ ส่วนประกอบของ Orderbook Orderbook ประกอบด้วยสองส่วนหลัก: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

quant trading คืออะไร ทำความรู้จักกับนักลงทุนสาย quantitative

quant trading คืออะไร

ในโลกของการลงทุนและการเงินสมัยใหม่ เทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นในวงการนี้คือ Quant Trading หรือการเทรดเชิงปริมาณ ซึ่งได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการซื้อขายในตลาดการเงินไปอย่างมาก Quant Trading เป็นวิธีการซื้อขายในตลาดการเงินที่ใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์และสถิติขั้นสูง รวมถึงการคำนวณด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อระบุโอกาสที่จะทำกำไรได้ในตลาด วิธีการนี้แตกต่างจากการเทรดแบบดั้งเดิมที่อาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือการใช้ดุลยพินิจของมนุษย์เป็นหลัก โดย Quant Trading มุ่งเน้นการใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลและอัลกอริธึมที่ซับซ้อนเพื่อค้นหาโอกาสในการทำกำไรที่มนุษย์อาจมองข้ามหรือไม่สามารถประมวลผลได้ทันเวลา ในบทความนี้ เราจะทำความรู้จักกับ Quant Trading อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน ไปจนถึงเทคนิคและกลยุทธ์ที่ใช้ รวมถึงข้อดีและข้อท้าทายต่างๆ ที่นักลงทุนสาย Quantitative ต้องเผชิญ ลักษณะสำคัญของ Quant Trading Quant Trading มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากการเทรดแบบดั้งเดิมหลายประการ ดังนี้: ใช้ข้อมูลจำนวนมาก: Quant Traders ใช้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขาย ข้อมูลเหล่านี้อาจรวมถึงราคาย้อนหลังหลายปี ข้อมูลการซื้อขายรายวินาที หรือแม้แต่ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เช่น ข่าวสาร สภาพอากาศ หรือข้อมูลทางเศรษฐกิจมหภาค การใช้ข้อมูลจำนวนมากนี้ช่วยให้ Quant Traders สามารถค้นหารูปแบบและความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ซึ่งอาจไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาศัยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์: Quant Trading ใช้โมเดลทางสถิติและคณิตศาสตร์ขั้นสูงในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์แนวโน้มตลาด [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

กลยุทธ์การเทรด forex คืออะไร มีอะไรบ้าง

กลยุทธ์การเทรด forex

กลยุทธ์การเทรด Forex คือแนวทางหรือวิธีการที่เทรดเดอร์ใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจซื้อขายคู่สกุลเงินในตลาด Forex โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างผลกำไร กลยุทธ์เหล่านี้มักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานเพื่อระบุจุดเข้าและออกจากตลาดที่เหมาะสม การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน เนื่องจากแต่ละกลยุทธ์มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และเหมาะสมกับเทรดเดอร์ที่มีลักษณะ ทักษะ และเป้าหมายที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงกลยุทธ์การเทรด Forex ที่นิยมใช้ 10 แบบ พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าแต่ละกลยุทธ์เหมาะสมกับเทรดเดอร์ประเภทใด เพื่อให้คุณสามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ดียิ่งขึ้น 1. Price Action Trading Price Action Trading เป็นการเทรดโดยวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง โดยไม่พึ่งพาอินดิเคเตอร์มากนัก เทรดเดอร์จะดูรูปแบบแท่งเทียน, แนวรับแนวต้าน และแนวโน้มของราคาเป็นหลัก เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่ชอบการวิเคราะห์แบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ผู้ที่มีความเข้าใจในพฤติกรรมของตลาดเป็นอย่างดี เทรดเดอร์ที่ต้องการลดการพึ่งพาอินดิเคเตอร์และเครื่องมือทางเทคนิคที่ซับซ้อน ข้อดี: ลดความซับซ้อนในการวิเคราะห์ สามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว เหมาะกับการเทรดระยะสั้น ไม่ต้องรอสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ที่อาจล่าช้า ข้อเสีย: ต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝนมาก อาจมีความเสี่ยงสูงหากขาดความเข้าใจในพฤติกรรมของตลาดอย่างลึกซึ้ง 2. Trend Trading Trend Trading เป็นการเทรดตามทิศทางของเทรนด์หลัก โดยเข้าซื้อเมื่อราคามีแนวโน้มขึ้น และขายเมื่อราคามีแนวโน้มลง เทรดเดอร์มักใช้ Moving Average [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Hedging คืออะไร มีกี่ประเภทรายละเอียดและข้อมูล

1.Hedge หรือ Hedging คืออะไร

Hedge หรือ Hedging คืออะไร “Hedge” หรือ “Hedging” คือ กลยุทธ์ในการจัดการกับความเสี่ยงในการลงทุนที่มีอยู่ การทำฮิจฺจิ้งทำเพื่อลดหรือย้ายความเสี่ยงที่นักลงทุนหรือบริษัทอาจต้องเผชิญ การ Hedging อาจถูกทำในหลายอย่าง เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์ตรงกันข้ามกับสินทรัพย์ที่มีอยู่แล้ว (เช่น ถ้าคุณถือหุ้นของบริษัทที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการตกของราคาน้ำมัน คุณอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเพื่อปกป้องตัวเอง) หรือการใช้สัญญาอนุพันธ์ (derivatives) เช่น ตัวเลือกซื้อ (call options) และตัวเลือกขาย (put options) ซึ่งให้สิทธิแต่ไม่ใช่หน้าที่ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ถือหุ้นของบริษัท A และคุณกังวลว่าราคาหุ้นของบริษัท A อาจจะตกลงในอนาคต คุณอาจจะทำการ Hedging ความเสี่ยงนี้โดยการซื้อตัวเลือกขาย (put option) ในหุ้นของบริษัท A ดังนั้นถ้าราคาหุ้นตกลงตามที่คุณกังวล คุณสามารถใช้ตัวเลือกขายเพื่อขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าราคาที่ตกลงมาของหุ้นที่ตลาด ทำให้คุณสามารถลดขาดทุนในราคาหุ้นที่ตกลงได้   กลยุทธ์การทำ Hedging เพื่อป้องกันพอร์ตการลงทุน กลยุทธ์การทำ Hedging เพื่อป้องกันพอร์ตการลงทุนสามารถใช้ได้กับการลงทุนแบบ Long และ Short ดังนี้ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

วิธี ใช้ William Percent Range อย่างละเอียดในการวิเคราะห์

Williams Percent Range คืออะไร

Williams Percent Range หรือ Williams %R เป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมในตลาด Forex เนื่องจากความสามารถในการระบุภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold) ของตลาด นักเทรดหลายคนใช้ Williams %R ในการหาจุดเข้าและออกจากตลาด รวมถึงยืนยันแนวโน้มและคาดการณ์การกลับตัวของราคา บทความนี้จะอธิบายถึงความหมาย วิธีการคำนวณ และการใช้งาน Williams %R อย่างละเอียด เพื่อให้นักเทรด Forex สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ Williams Percent Range คืออะไร Williams Percent Range หรือ Williams %R เป็นตัวบ่งชี้โมเมนตัม (Momentum Indicator) ที่พัฒนาโดย Larry Williams นักเทรดและนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดระดับ Overbought และ Oversold ของตลาด Williams %R มีลักษณะการทำงานคล้ายกับ Stochastic Oscillator แต่มีการคำนวณและการแสดงผลที่แตกต่างกันเล็กน้อย [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Oscillator Indicator คือ อะไร มีอะไรบ้าง ใช้งานอย่างไร

Oscillator Indicator คืออะไร

ในโลกของการเทรด Forex การวิเคราะห์ทางเทคนิคถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักเทรดใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ Oscillator Indicator หรือตัวบ่งชี้แกว่งตัว ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์โมเมนตัมของตลาด ระบุจุดซื้อขายที่เหมาะสม และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้ บทความนี้จะอธิบายถึงความหมาย ประเภท และวิธีการใช้งาน Oscillator Indicator อย่างละเอียด เพื่อให้นักเทรด Forex สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ Oscillator Indicator คืออะไร Oscillator Indicator เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Forex ลักษณะเด่นของ Oscillator คือการแกว่งตัวไปมาระหว่างค่าสูงสุดและต่ำสุดที่กำหนดไว้ ซึ่งมักจะอยู่ในช่วง 0 ถึง 100 หรือ -100 ถึง 100 หลักการทำงานของ Oscillator คือการวัดความเร็วและความแรงของการเปลี่ยนแปลงราคา (momentum) เพื่อระบุว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) หรือขายมากเกินไป (oversold) นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการหาจุดกลับตัวของแนวโน้ม และยืนยันแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ ข้อดีของ Oscillator Indicator: ช่วยระบุจุดซื้อขายที่เหมาะสม สามารถใช้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบ (ranging [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

PNFPB Install PWA using share icon

For IOS and IPAD browsers, Install PWA using add to home screen in ios safari browser or add to dock option in macos safari browser