ในวงการเทรด Forex มีโบรกเกอร์ให้เลือกใช้บริการมากมาย ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ GMI Markets โบรกเกอร์น้องใหม่ที่กำลังมาแรง มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศเซนต์ลูเซีย แต่ให้บริการลูกค้าทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย GMI มีชื่อเสียงด้านเงื่อนไขการเทรดและโปรโมชั่นที่ค่อนข้างโดดเด่น จนเป็นที่พูดถึงในกลุ่มนักลงทุนอย่างกว้างขวาง
ในบทความนี้ เราจะพาไปวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของ GMI Markets อย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ของใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือ แพลตฟอร์มการเทรดและเครื่องมือต่างๆ รวมถึงโปรโมชั่นและโบนัสที่น่าสนใจ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจได้ว่า GMI เหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการสมัครสมาชิก การฝากถอนเงิน และการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าอย่างละเอียดอีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex ดีๆ สักเจ้า แนะนำให้อ่านรีวิวนี้จนจบ รับรองว่าจะได้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจอย่างแน่นอน ส่วนใครที่เทรดกับ GMI Markets อยู่แล้ว ก็ลองมาแชร์ประสบการณ์และความคิดเห็นเพิ่มเติมได้นะครับ เพื่อเป็นอีกหนึ่งมุมมองให้กับนักลงทุนท่านอื่นๆ ต่อไป
Contents
ToggleGMI Markets คือใคร ทำไมถึงน่าสนใจ
GMI Markets เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2009 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเซนต์ลูเซีย ให้บริการลูกค้าทั่วโลกในการซื้อขายคู่สกุลเงิน ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์ ผ่านแพลตฟอร์มมาตรฐานอย่าง MT4 และ GMI Edge ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง
จุดเด่นของ GMI ที่ทำให้เป็นที่พูดถึงในวงการเทรดก็คือ:
- มีสินทรัพย์ให้เลือกเทรดหลากหลาย ทั้ง Forex 39 คู่, ดัชนี 11 ตัว, สินค้าโภคภัณฑ์ 8 ชนิด
- เงื่อนไขการเทรดค่อนข้างดี สเปรดต่ำ เลเวอเรจสูง วงเงินขั้นต่ำน้อย
- มีโปรโมชั่นและโบนัสเงินฝากอย่างสม่ำเสมอ
- แพลตฟอร์ม GMI Edge ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์ครบครัน
อย่างไรก็ตาม GMI ยังไม่มีการเปิดให้เทรดหุ้นและคริปโตฯ ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับนักลงทุนบางกลุ่ม
ใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือของ GMI
ปัจจัยสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์ Forex คือเรื่องของใบอนุญาตและการกำกับดูแล ซึ่ง GMI Markets มีการจดทะเบียนถูกต้องกับ 2 หน่วยงานหลัก ได้แก่
- FSC Mauritius – หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศมอริเชียส ภายใต้ใบอนุญาตเลขที่ C118023454
- FCA UK – องค์กรกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินในสหราชอาณาจักร ภายใต้หมายเลข FRN 677530
การมีใบอนุญาตจากทั้ง 2 หน่วยงานนี้ แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการดำเนินงานที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือของ GMI เนื่องจากต้องผ่านเกณฑ์ต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องเงินทุน ความปลอดภัยของเงินลูกค้า และกระบวนการภายใน ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า GMI เป็นโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพจริง ไม่ใช่บริษัทเถื่อนที่หลอกลวงแน่นอน
ประเภทบัญชีและเงื่อนไขการเทรดของ GMI
GMI Markets มีบัญชีให้เลือกเปิดทั้งหมด 4 ประเภท เพื่อรองรับนักลงทุนในทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ ดังนี้
- บัญชี Cent ฝากขั้นต่ำ $15, เลเวอเรจสูงสุด 1:1000, ไม่มีค่าคอมมิชชัน
- บัญชี Standard ฝากขั้นต่ำ $25, เลเวอเรจสูงสุด 1:2000, ไม่มีค่าคอมมิชชัน
- บัญชี Standard Bonus ฝากขั้นต่ำ $25, เลเวอเรจ 1:2000, ไม่มีค่าคอมมิชชัน, รับโบนัสเพิ่ม
- บัญชี ECN ฝากขั้นต่ำ $100, เลเวอเรจ 1:500, คอมมิชชัน $4/lot
ทุกบัญชีมีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.6 pip, ไม่มีค่าธรรมเนียมการถือสถานะข้ามคืน (Swap Free), รองรับระบบ MAM/PAMM และสามารถเทรดได้บนแพลตฟอร์ม MT4 และ GMI Edge
จุดเด่นของบัญชีเทรด GMI คือวงเงินขั้นต่ำที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นเพียง $15 หรือประมาณ 500 บาท ก็สามารถเริ่มเทรด Forex ได้แล้ว เหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่อยากลองของ ส่วนใครที่มีทุนมากกว่า ก็เลือกบัญชี ECN ได้เพื่อเทรดที่สเปรดต่ำและราคาตลาดจริง
แพลตฟอร์มการเทรดของ GMI มีอะไรบ้าง
GMI Markets มีให้เลือกเทรด 2 แพลตฟอร์มหลักๆ คือ
- MetaTrader 4 (MT4) แพลตฟอร์มสากลยอดนิยม ที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและฟังก์ชันการใช้งานครบครัน รองรับทั้ง PC, Mac, iOS และ Android
- GMI Edge แพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย GMI เอง ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องติดตั้ง มี UI ที่เรียบง่ายและใช้งานสะดวก รองรับการดูกราฟ เปิดคำสั่ง และฝากถอนได้ในหน้าเดียว
นอกจากนี้ GMI ยังมีระบบ Social Trading ชื่อ GMI Social Trading Edge ที่ให้คุณคัดลอกกลยุทธ์การเทรดจาก Master Trader ชื่อดังได้อีกด้วย เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง หรือไม่มีเวลาคอยจับจังหวะตลาด ก็สามารถใช้ประโยชน์จากระบบนี้ได้
โดยภาพรวมแล้ว แพลตฟอร์มการเทรดของ GMI ถือว่าครบเครื่องและมีความยืดหยุ่นสูง ตอบโจทย์ทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานได้ในทุกอุปกรณ์อีกด้วย
GMI โบนัส เพิ่มทุน เพิ่มกำไรแบบจุกๆ
อีกหนึ่งจุดแข็งของ GMI Markets ที่ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมาก ก็คือโปรโมชั่นโบนัสเงินฝากที่ค่อนข้างคุ้มค่า ณ ปัจจุบัน GMI ให้โบนัสทันที 30% สำหรับลูกค้าใหม่ และ 15% สำหรับลูกค้าเดิม เมื่อฝากเงินเข้าบัญชี โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ฝากเงินขั้นต่ำ $25 รับโบนัสทันที
- โบนัสสูงสุด $5000 ต่อ 1 บัญชี
- ถอนเงินกำไรได้ เมื่อทำตามเงื่อนไขเทิร์นโอเวอร์
- ไม่มีค่าธรรมเนียมหรือข้อผูกมัดใดๆ
นอกจากโบนัสเงินฝากแล้ว GMI ยังมีแคมเปญชิงรางวัลอื่นๆ อีก เช่น กิจกรรมลุ้นรับตั๋วการแข่งขัน เมื่อเทรดครบตามเงื่อนไขที่กำหนด หรือการแจกของรางวัลจากการชักชวนเพื่อนมาสมัครเทรด เป็นต้น ช่วยเพิ่มความสนุกและท้าทายในการลงทุนมากยิ่งขึ้น
ฝาก ถอนเงิน GMI Markets ทำอย่างไร
ขั้นตอนการฝากและถอนเงินกับ GMI Markets นั้นทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- ฝากเงิน: รองรับวิธีการฝากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น QR Code ผ่านธนาคารไทย, e-Wallet อย่าง Fasapay, Skrill, Neteller, หรือบัตรเครดิต/เดบิต ก็ทำได้หมด โดยเงินจะเข้าบัญชีเทรดภายใน 5-10 นาที หลังจากแจ้งโอนเงินเรียบร้อย
- ถอนเงิน: สามารถกดถอนเงินออกได้ตลอด 24 ชม. ผ่านระบบอัตโนมัติ โดยจะได้รับเงินภายใน 1 วันทำการ (ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์) GMI รองรับการถอนเข้าบัญชีธนาคารไทยกว่า 10 ธนาคาร หรือจะถอนเข้า e-Wallet ก็ได้เช่นกัน
จากประสบการณ์ที่ลองฝากถอนจริง ทาง GMI ใช้เวลาประมาณ 4 นาทีในการโอนเงินเข้าบัญชีให้ นับว่าเร็วทันใจมากๆ โดยไม่มีการหักค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่เหนือกว่าโบรกเกอร์รายอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าอย่างไร
สำหรับนักลงทุนชาวไทยที่เทรดกับ GMI Markets สามารถติดต่อทีมงานดูแลลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่
- แชทสดผ่านหน้าเว็บไซต์ มีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-23.00 น. และเสาร์ 13.00-17.00 น.
- ไลน์แอด @gmimarkets มีพนักงานชาวไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือในวันและเวลาราชการ
- Facebook Page: GMI Markets TH โพสต์ข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ พร้อมตอบคอมเมนต์และอินบ็อกซ์ทุกวัน
- อีเมล cs.th@gmimarkets.com สำหรับส่งเอกสารหรือคำร้องต่างๆ มีการตอบกลับภายใน 24 ชม.
จุดเด่นของฝ่ายบริการลูกค้า GMI คือมีความพร้อมในการสื่อสารภาษาไทย ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พนักงานทุกคนให้คำแนะนำดีและเป็นกันเอง สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก
วิธีสมัคร GMI ทำอย่างไรบ้าง
หากคุณอยากเปิดบัญชีเทรดกับ GMI Markets มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ GMI จากนั้นกรอกแบบฟอร์มด้านขวามือ ใส่ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทร และรหัสผ่าน
- คลิกยืนยันที่ลิงก์ในอีเมลเพื่อเปิดใช้งานบัญชี
- ล็อกอินเข้าสู่ระบบ แล้วไปที่เมนู “โปรไฟล์ของฉัน” เพื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วน
- อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตน เช่น สำเนาบัตรประชาชน และหลักฐานที่อยู่ เพื่อให้ทีมงาน verify บัญชี
- เลือกวิธีฝากเงินเข้าบัญชี Forex ตามต้องการ เพียงเท่านี้ก็พร้อมเทรดแล้ว!
ขั้นตอนการเปิดบัญชีทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที สามารถทำผ่านออนไลน์ได้เลยโดยไม่ต้องส่งเอกสารทางไปรษณีย์ เรียกได้ว่าสะดวกสบายมากๆ สำหรับนักลงทุนยุคใหม่
สรุป GMI ดีหรือไม่ น่าลงทุนแค่ไหน
จากการวิเคราะห์ GMI Markets อย่างรอบด้าน สามารถสรุปได้ว่านี่คือโบรกเกอร์ Forex ที่น่าสนใจมากรายหนึ่งในเวลานี้ โดยมีจุดเด่นที่โดดเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น:
- ความน่าเชื่อถือจากใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายจาก FSC และ FCA
- เงื่อนไขการเทรดที่ดี ทั้งสเปรดต่ำ เลเวอเรจสูง วงเงินขั้นต่ำน้อย ฟรีสวอป
- โบนัสและโปรโมชั่นที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า สูงสุดถึง 30% ของยอดฝาก
- แพลตฟอร์มซื้อขายที่ทันสมัย ใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์ และรองรับ Social Trading
- ฝากถอนรวดเร็วทันใจ มีช่องทางให้เลือกมากมาย ทั้งธนาคารไทย บัตรเครดิต/เดบิต และ e-Wallet
- บริการลูกค้าฉับไว เป็นมิตร สื่อสารภาษาไทยได้ พร้อมช่วยเหลือในทุกปัญหา
อย่างไรก็ตาม GMI ยังมีข้อจำกัดเรื่องสินทรัพย์ให้เลือกลงทุน ที่ยังไม่มีตลาดหุ้นและคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์นักลงทุนบางกลุ่ม แต่สำหรับมือใหม่ที่เน้นเทรด Forex เป็นหลัก GMI ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
สุดท้ายนี้ การเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะกับความต้องการและแผนการลงทุนของแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนและทดลองใช้งานจริงดูสักระยะ ก่อนตัดสินใจลงทุนจำนวนมาก หวังว่าบทความนี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่สำหรับคุณนะครับ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามทีมงานมืออาชีพจาก GMI ได้ทุกเมื่อ
![FOREXDUCK Logo](https://www.forexduck.com/wp-content/uploads/2024/07/FOREXDUCK-Logo.png)
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค นอกจากนี้เรามีการ update ความรู้อยู่เสมอ และมีความเชี่ยวชาญการเทรดระยะสั้นอย่างเทคนิค Scalping รวมทั้งเทคนิคใหม่ ๆ อย่าง Inner Circle Trader (ICT) หรือ Smart Money Concept ซึ่งนิยมกันอย่างแพร่หลาย