คู่เงิน forex ที่วิ่งแรง มีคู่ไหนบ้าง
สำหรับผู้ที่สนใจในการซื้อขายสกุลเงินหรือเทรด Fore การรู้ถึงคู่เงินที่มีความแตกต่างและผันผวนสูงสุด หรือ “วิ่งแรง” สามารถช่วยให้นักเทรดสร้างกำไรในระยะสั้นได้อย่างมาก แม้ว่าคู่เงินแต่ละคู่จะมีการแปรผันตามภาวะตลาดและเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินของประเทศของพวกเขา แต่มีบางคู่เงินที่มีความผันผวนสูงมากและเป็นที่นิยมในการซื้อขาย Forex
คู่เงินที่วิ่งแรงและนิยมยมเล่นกันมากที่สุด
- EURUSD
- USDJPY
- GBPUSD
- GBPJPY
- EURJPY
- XAUUSD
ตัวอย่างคู่เงินที่น่าสนใจ
- ดอลลาร์สหรัฐ (USD): USD เป็นสกุลเงินที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในตลาดเงินและเป็นสกุลเงินสำคัญในการซื้อขาย Forex USD มักจะคู่กับสกุลเงินอื่น ๆ และมักจะมีความผันผวนสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ
- ยูโร (EUR): EUR สามารถสร้างคู่เงินที่มีผลตอบแทนสูงที่สุดและมักจะมีความผันผวนสูงเมื่อคู่กับ USD (EUR/USD) และสกุลเงินอื่น ๆ เช่น GBP และ JPY
- ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD): AUD มักจะคู่กับ USD (AUD/USD) และสามารถผันผวนมากขึ้นเมื่อคู่กับสกุลเงินอื่น ๆ ที่มีภาวะเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินที่แตกต่างกัน
- ฟรังค์สวิส (CHF): CHF มักจะผันผวนมากเมื่อคู่กับ EUR (EUR/CHF) และ USD (USD/CHF) CHF เป็นสกุลเงินที่นิยมในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย
- ดอลลาร์แคนาดา (CAD): CAD มักจะมีความผันผวนสูงเมื่อคู่กับ USD (USD/CAD) การเปลี่ยนแปลงในราคาน้ำมันปิโตรเลียมมักจะส่งผลกระทบต่อความผันผวนของ CAD
- เยนญี่ปุ่น (JPY): JPY เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยและมักจะมีความผันผวนสูงเมื่อคู่กับ USD (USD/JPY) การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินของญี่ปุ่นสามารถส่งผลกระทบต่อความผันผวนของ JPY
- ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP): บริสตันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ GBP หรือปอนด์สเตอร์ลิงมีความสำคัญมากในการซื้อขาย Forex ปอนด์สเตอร์ลิงมักจะผันผวนมากเมื่อคู่กับดอลลาร์สหรัฐ (GBP/USD) หรือเยนญี่ปุ่น (GBP/JPY) รวมถึงแม้กระทั่งในคู่ที่ยูโรเป็นสกุลเงินหลัก (EUR/GBP) ด้วยเช่นกัน ความผันผวนสูงนี้ส่งผลให้เกิดโอกาสในการสร้างกำไรที่สูงในระยะสั้นๆ
นิสัยแต่ละคู่เงินเป็นอย่างไร
“นิสัยของคู่เงิน Forex” เป็นคำที่อ้างถึงลักษณะเฉพาะและแนวโน้มการเคลื่อนที่ของคู่เงินเฉพาะ ที่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ, การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงิน และสภาพคล่องในตลาด นิสัยของคู่เงินนั้นแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถช่วยนักลงทุนที่จะเข้าใจว่า จะต้องรับมือกับความผันผวนและความเสี่ยงขนาดไหนในการซื้อขายคู่เงินเฉพาะ
สำหรับนักลงทุนที่กำลังทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (Forex) ความเข้าใจในลักษณะและนิสัยของแต่ละสกุลเงินที่รวมอยู่ในคู่เงินของพวกเขาจะช่วยให้สามารถทำการซื้อขายได้ดียิ่งขึ้น ดังนี้
US Dollar (USD)
ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินที่ใช้กันมากที่สุดในการซื้อขาย Forex ด้วยระดับความคล่องสูงที่สุด และคู่เงินที่เกี่ยวข้องคือ EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY และอีกมากมาย ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อค่าของ USD
Euro (EUR)
ยูโรเป็นสกุลเงินที่ใช้ในภาค Eurozone ซึ่งประกอบด้วย 19 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป คู่เงินที่สำคัญคือ EUR/USD, EUR/GBP, EUR/JPY ฯลฯ รวมถึงคู่อื่น ๆ ที่มี EUR เป็นฐาน การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจของโซนยูโรจะมีผลต่อค่าของ EUR
Australian Dollar (AUD)
ดอลลาร์ออสเตรเลียมักถูกจับคู่กับ USD (AUD/USD) และผันผวนมากเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในราคาของวัตถุดิบเช่นเหล็กและเหมืองแร่ ที่เป็นส่วนใหญ่ของการส่งออกของออสเตรเลีย
Swiss Franc (CHF)
เป็นสกุลเงินที่ถือว่าปลอดภัยเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในตลาด นักลงทุนมักจะหันมาซื้อ CHF เมื่อมีความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก เช่นคู่ USD/CHF และ EUR/CHF
Canadian Dollar (CAD)
ดอลลาร์แคนาดามักจะผันผวนตามราคาของน้ำมันดิบ เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ คู่สกุลเงินที่สำคัญคือ USD/CAD
Japanese Yen (JPY)
เยนเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยและมักจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น คู่สกุลเงินที่สำคัญคือ USD/JPY, EUR/JPY และ GBP/JPY
British Pound (GBP)
ปอนด์มักจะผันผวนสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ และส่วนใหญ่ถูกจับคู่กับ USD (GBP/USD) หรือ EUR (EUR/GBP) ความผันผวนสูงนี้สามารถสร้างโอกาสในการซื้อขายที่ดีแต่ก็เสี่ยงที่เท่ากัน
คู่เงินไหนน่าลงทุน
การเลือกคู่เงินที่จะลงทุนในตลาด Forex ควรจะพิจารณาจากหลายปัจจัย เพื่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุน และระดับความสบายใจในการรับความเสี่ยงของแต่ละคน ซึ่งขั้นตอนที่เสนอไว้ด้านล่างนี้จะช่วยให้นักเทรดเลือกคู่เงินที่น่าลงทุน
- พิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน: นักเทรดต้องการผลตอบแทนที่สูงหรือความเสี่ยงที่ต่ำ? นักเทรดเป็นนักลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว? คำตอบต่อเรื่องเหล่านี้จะช่วยนักเทรดคัดเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับการลงทุนของนักเทรด.
- ตรวจสอบสภาพคล่อง: คู่เงินที่มีสภาพคล่องสูงจะมีการซื้อขายที่แข็งแกร่ง และมักจะมีสเปรดที่ต่ำกว่าคู่เงินที่มีสภาพคล่องต่ำ
- รู้จักกับเศรษฐกิจ: เข้าใจปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อคู่เงินที่นักเทรดสนใจ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกลาง, การแลกเปลี่ยนและข้อมูลทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
- วิเคราะห์ทางเทคนิค: ดูแนวโน้มของราคาคู่เงินที่นักเทรดสนใจ ว่ามีแนวโน้มขึ้นหรือลง และตรวจสอบระดับราคาที่สำคัญ เช่น ระดับการรับรอง, การค้าขายที่แข็งแกร่งและระดับของ Fibonacci
- วิเคราะห์ทางพื้นฐาน: ติดตามข่าวและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจจะมีผลกระทบต่อคู่เงินที่นักเทรดสนใจ
- วางแผนการจัดการความเสี่ยง: การเตรียมการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการลงทุนในคู่เงินใด ๆ ใน Forex รวมถึงการตั้งระดับหยุด kerugian (stop-loss) และการรับกำไร (take-profit)
คู่เงิน EURUSD
คู่เงิน EUR/USD เกิดจากการสร้างสกุลเงินยูโร (EUR) โดยสหภาพยุโรป ซึ่งเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 1999 ในเวลานั้น 11 ประเทศในสหภาพยุโรปได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกสกุลเงินของตนเองและต้องการใช้สกุลเงินเดียว (ยูโร) ในการซื้อขายและทำธุรกรรมทางการเงิน เนื่องจากยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (USD) คือ สกุลเงินสำคัญทั้งสองของโลก การซื้อขายในคู่ EUR/USD กลายเป็นสิ่งที่ทั่วไปในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินโลก (Forex Market)
คู่เงิน EUR/USD จะผันผวนในแต่ละวันขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ดังนั้น การวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจมักจะใช้เป็นส่วนสำคัญในการพยากรณ์การเคลื่อนไหวของคู่เงิน EUR/USD
ยูโรเป็นสกุลเงินที่สำคัญที่สุดที่สองในโลก ดังนั้นคู่เงิน EUR/USD ก็มักจะมีการซื้อขายที่คล่องแคล่วและเสถียรที่สุด ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักลงทุนและนักเทรดเงินทั่วโลก
คู่เงิน USDJPY
คู่เงิน USD/JPY คือ คู่ที่สกุลเงินฐานคือดอลลาร์สหรัฐ (USD) และสกุลเงินนับ คือ เยนญี่ปุ่น (JPY). ตลาดฟอเร็กซ์สำหรับคู่เงินนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในคู่เงินที่สำคัญที่สุดในโลก และมีปริมาณการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 2 หลังจาก EUR/USD
ความเป็นมาของคู่เงินนี้มีความซับซ้อนและลึกซึ้งมาก เริ่มต้นจากเมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศให้กับการค้ากับฝั่งตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 1850 ต่อมาเมื่อสหรัฐฯ เข้ามามีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงินทั้งสองประเทศได้เริ่มผูกติดกันมากขึ้น จนกระทั่งในปัจจุบันนั้นการเคลื่อนไหวของคู่เงิน USD/JPY นั้นมักจะสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
และเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก นักลงทุนมักใช้คู่เงิน USD/JPY เป็นเครื่องมือในการแครี่เทรด (carry trade) ซึ่งเป็นการยืมเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ (เช่น เยนญี่ปุ่น) แล้วนำไปลงทุนในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง (เช่น ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อทำกำไรจากผลต่างดอกเบี้ย
คู่เงิน GBPUS
คู่เงิน GBP/USD หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แคเบิล” คือคู่เงินที่ประกอบด้วยสกุลเงินของปอนด์สเตอร์ลิงและดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินของสองประเทศใหญ่ ได้แก่ สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา
ชื่อ “แคเบิล” มาจากประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเมื่อตลาดโทรเลขที่เชื่อมต่อลอนดอนและนิวยอร์กกันได้เริ่มทำงานในปี ค.ศ. 1858 การค้าเงินตราต่างประเทศระหว่างสองประเทศได้รับการส่งข้อมูลผ่านสายเคเบิลทางทะเลนี้ และด้วยเหตุนี้คู่เงิน GBP/USD ก็ได้รับชื่อว่า “แคเบิล”
สำหรับคู่เงิน GBP/USD สภาพคล่องของปริมาณการซื้อขายทำให้มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุน มันสามารถมีการผันผวนทางราคาได้มาก และส่วนใหญ่จะมีผลตอบสนองต่อเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั้งในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ด้วยความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ การคาดการณ์การเคลื่อนไหวของคู่เงิน GBP/USD โดยอาศัยข้อมูลทางเศรษฐกิจจากทั้งสองฝั่ง จึงเป็นสิ่งที่ทั่วไปทำเพื่อเทรดหรือลงทุนในคู่เงินนี้
คู่เงิน GBPJPY
คู่เงิน GBP/JPY หรือที่เรียกในวงการเทรดว่า “เดรกอน” คือคู่เงินที่ประกอบด้วยสกุลเงินของปอนด์สเตอร์ลิงและเยนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสกุลเงินของสองประเทศใหญ่ ได้แก่ สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น
คู่เงินนี้มีสภาพคล่องสูงและเป็นที่นิยมสำหรับการซื้อขายและลงทุน โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น การผันผวนราคาของคู่เงิน GBP/JPY มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ทางการเมืองในสหราชอาณาจักรหรือญี่ปุ่น
ความผันผวนสูงของคู่เงินนี้ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ลงทุนและนักเทรดที่มองหาโอกาสทางการเงินที่มีศักยภาพสูง แต่ด้วยความผันผวนนี้ ยังทำให้คู่เงินนี้มีความเสี่ยงสูงด้วย ดังนั้น ความรู้และการทำการวิเคราะห์ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเทรดคู่เงินนี้
สำหรับ “เดรกอน” ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกคู่เงิน GBP/JPY มันมาจากความผันผวนสูงและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วที่เหมือนกับการบินของเดรกอนในตำนาน
คู่เงิน EURJPY
คู่เงิน EUR/JPY นั้นเป็นคู่เงินที่ประกอบด้วยสกุลเงินยูโร (EUR) และเยนญี่ปุ่น (JPY) จากสองเศรษฐกิจใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นสกุลเงินของยุโรปและญี่ปุ่น ทั้งสองประเทศนี้มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่มากมาย ทำให้คู่เงินนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและนักซื้อขายเป็นอย่างมาก
ยูโรได้ถูกตั้งค่าขึ้นในปี 1999 โดยประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป (EU) และได้รับการใช้งานแบบเต็มรูปแบบในปี 2002 โดยเป็นสกุลเงินที่สำคัญในการทำธุรกรรมทางการค้าและการลงทุนทั่วโลก ในขณะเดียวกัน เยนญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงสุดในโลก
ระหว่างความท้าทายทางเศรษฐกิจที่มาจากประเด็นต่าง ๆ เช่น นโยบายทางการเงินและการค้าของสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น คู่เงิน EUR/JPY อาจจะผันผวนอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดโอกาสทางการลงทุนที่น่าสนใจ แต่ในทางกลับกัน นักลงทุนและนักซื้อขายควรจะระมัดระวังความเสี่ยงที่มากับความผันผวนนี้
คู่เงิน XAUUSD
คู่ XAU/USD คือการซื้อขายทองกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง “XAU” เป็นรหัสสากลสำหรับทองและ “USD” คือรหัสสำหรับดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขายทองผ่านตลาด Forex ทองถูกมองเห็นว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยหรือเป็นที่หลบภัยในช่วงที่ตลาดทั่วไปมีความผันผวน ดังนั้นราคาทองจะขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับรู้ในตลาดทั่วโลก
ทองมีอิทธิพลสำคัญต่อการซื้อขายสกุลเงินเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับค่าเงิน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตลาดหุ้นทั่วโลกล่มสลายและรัฐบาลของสหรัฐฯ ได้ใช้ทองเป็นมาตรฐานสำหรับการคำนวณค่าของสกุลเงิน แต่ในช่วงทศวรรษ 1970 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ละทิ้งมาตรฐานทองแล้ว แต่ทองยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญสำหรับนักลงทุน
สำหรับคู่ XAU/USD ราคาจะแสดงให้เห็นถึงจำนวนดอลลาร์ที่จำเป็นในการซื้อหนึ่งออนซ์ทอง ดังนั้นหากราคา XAU/USD เพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าทองกำลังแข็งขึ้นหรือดอลลาร์กำลังอ่อนลง และในทางกลับกันถ้าราคา XAU/USD ลดลง นั่นหมายความว่าทองกำลังอ่อนลงหรือดอลลาร์กำลังแข็งขึ้น
ปัจจัยและองค์ประกอบที่ทำให้คู่เงิน Forexวิ่งแรง
การวิ่งแรงของคู่เงิน Forex ส่วนใหญ่จะถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยหลายๆ อย่าง
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่วัดความสามารถในการสร้างรายได้ของประเทศ ทั้งการเปลี่ยนแปลงในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราการว่างงาน, การปรับปรุงอุตสาหกรรมหรือการบริโภค ฯลฯ สามารถทำให้สกุลเงินของประเทศที่เกี่ยวข้องแข็งขึ้นหรืออ่อนล
การเปลี่ยนแปลงในนโยบายทางการเงิน
การเปลี่ยนแปลงในอัตราดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการควบคุมการให้สินเชื่อของธนาคารกลางของประเทศสามารถส่งผลกระทบต่อค่าของสกุลเงิน
ความผันผวนในตลาดการเงิน
ในช่วงที่ตลาดทั่วโลกมีความผันผวน สกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแรงหรือมีธนาคารกลางที่มีนโยบายทางการเงินที่น่าเชื่อถือ สามารถมีผลต่อความผันผวนของคู่สกุลเงิน
ความลงตัวของการเทรด
คู่สกุลเงินที่มีความลงตัวทางการค้า มักจะมีความผันผวนทางราคามากกว่าคู่ที่ไม่มีการเทรดที่แพร่หลาย
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เหตุการณ์การเมือง อาทิเช่น การเลือกตั้ง, การเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล, ความขัดแย้งทางการเมือง สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของสกุลเงิน
การเปลี่ยนแปลงในความมั่นคงทางการเมือง
ความไม่เสถียรทางการเมืองในประเทศหรือภูมิภาคสามารถทำให้สกุลเงินของประเทศนั้นค่าลง
ข้อมูลทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น รายงานทางการเงินของบริษัท, การประเมินผลการดำเนินงานของธุรกิจ, ข้อมูลเกี่ยวกับงานและค่าแรง, ราคาสินค้าหลักและการบริโภคส่วนบุคคล สามารถส่งผลกระทบต่อค่าของสกุลเงิน
ความเชื่อของตลาด
ความเชื่อของนักลงทุนทั้งหมดในตลาดส่วนใหญ่สามารถมีผลกระทบต่อความผันผวนของคู่สกุลเงิน เช่น ถ้านักลงทุนเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น นั่นอาจจะทำให้ค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
อัตราการแลกเปลี่ยน
มักจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดอัตราคู่สกุลเงินที่วิ่งแรงในตลาด Forex ทั้งยังเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจทั่วโลก
สภาวะภูมิภาค
สถานการณ์ทางภูมิภาค เช่น ความขัดแย้งทางการเมือง, ภัยพิบัติธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงทางการค้าที่สำคัญสามารถส่งผลกระทบต่อสกุลเงิน
กฎหมายและข้อกำหนด
ข้อกำหนดทางกฎหมายและเรื่องที่เกี่ยวกับความยุติธรรมทางการเงินในประเทศสามารถมีผลกระทบต่อสกุลเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรื่องเหล่านั้นมีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
การค้าระหว่างประเทศ
ประเทศที่มีการค้าที่รุ่งเรืองและมีการค้าเชิงรุกสามารถทำให้สกุลเงินของตนแข็งแกร่ง ในขณะที่ประเทศที่มีการค้าที่เลือนลอยหรือเสี่ยงสามารถทำให้สกุลเงินอ่อนแอ
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
เทคโนโลยีใหม่ ๆ และวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีสามารถมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและค่าสกุลเงิน
แรงจูงใจทางจิตวิทยา
อารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุนสามารถส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงิน พฤติกรรมทางจิตวิทยา เช่น ความรู้สึกเร่งรีบหรือความกลัวที่จะขาดทุน สามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการลงทุนของพวกเขา
สรุป
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา Forex ซึ่งส่งผลโดยตรงกับคู่เงิน ทำให้คู่เงินวิ่งแรงและไม่แรง เพราะนอกจากคู่เงินที่วิ่งแรงแล้ว ยังมีปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคู่เงิน Forex อื่นๆ ให้วิ่งแรงมากยิ่งขึ้น
- ความต้องการซื้อ ความต้องการขาย (อุปสงค์ อุปทาน)
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ละประเทศ
- ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาด
- สงคราม การก่อการร้าย
- การเมือง การเปลี่ยนนโยบายของภาครัฐ
- การปรับขึ้นและลงของอัตราดอกเบี้ย
- ธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือ FED (Federal Reserve System)
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง