Downside Tasuki Gap คืออะไร รูปแบบกราฟแท่งแท่งเทียน วิธีการใช้งาน ลักษณะที่สำคัญ

Downside Tasuki Gap คืออะไร

Candlestick chart Downside Tasuki Gap คือ รูปแบบแท่งเทียนของตลาดหุ้นและตลาดที่ใช้การวิเคราะห์เทคนิคที่เกิดขึ้นในกรอบเวลาสั้นๆ มักจะปรากฏในช่วงที่ตลาดอยู่ในสถานะขาลง (downtrend) และทำหน้าที่ในการยืนยันว่าแนวโน้มขาลงนั้นจะยังคงตัวไปอีกช่วงหนึ่ง

Downside Tasuki Gap คืออะไร

รูปแบบ Downside Tasuki Gap ในแผนภูมิแท่งเทียน (Candlestick Chart) เป็นรูปแบบที่มักจะปรากฏในช่วงที่ตลาดกำลังในแนวโน้มขาลง (Downtrend) และมักถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการยืนยันความถูกต้องของแนวโน้มนั้น

ประกอบด้วยสามแท่งเทียน

  • แท่งเทียนแรก (First Candle): ต้องเป็นแท่งเทียนที่มีลำตัวสีดำหรือสีแดง (Bearish Candle) หมายความว่าราคาปิด (Close) ต่ำกว่าราคาเปิด (Open) แท่งเทียนนี้ยืนยันว่าตลาดยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง
  • แท่งเทียนที่สอง (Second Candle): ยังคงเป็นแท่งเทียน Bearish แต่มี Gap หรือช่องว่างระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนแรกและราคาเปิดของแท่งเทียนที่สอง. หมายความว่าราคาเปิดของแท่งเทียนที่สองต้องต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรก
  • แท่งเทียนที่สาม (Third Candle): เป็นแท่งเทียน Bullish มีลำตัวสีขาวหรือสีเขียว หมายความว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนนี้ต้องเปิดในช่วงราคาของแท่งเทียนที่สองและปิดเข้าใกล้หรือไปถึงราคาปิดของแท่งเทียนแรก โดยที่ไม่สามารถปิดช่องว่างหรือ “gap” ที่เกิดขึ้นได้

 

ลักษณะคุณสมบัติของแท่งเทียน Downside Tasuki Gap

  • ความยาวของแท่งเทียน: ยิ่งแท่งเทียนยาว ความน่าเชื่อถือของรูปแบบนี้ก็จะสูงขึ้น
  • ความสูงของ Gap: ขนาดของ “Gap” ระหว่างแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง ซึ่งยิ่งขนาดใหญ่ก็ยิ่งแสดงถึงความแรงของแนวโน้ม
  • สีและขนาดของแท่งเทียนที่สาม: ต้องเป็น Bullish และขนาดควรใกล้เคียงหรือเท่ากับแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง

ข้อควรระวัง

  • อย่าละเลยปริมาณการซื้อขาย (Volume) หากปริมาณการซื้อขายสูงในระหว่างเกิดรูปแบบนี้ ความน่าเชื่อถือก็จะเพิ่มขึ้น

การปรากฎของ Downside Tasuki Gap ถือเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มขาลงยังคงตัว และใช้เป็นสัญญาณในการป้องกันหรือเตรียมตัวสำหรับการขาย นักลงทุนมักจะใช้รูปแบบนี้ร่วมกับตัวชี้วัดเทคนิคอื่น ๆ หรือรูปแบบการวิเคราะห์เพื่อยืนยันสัญญาณและลดความเสี่ยง

 

ลักษณะสีของแท่งเทียน Downside Tasuki Gap

ลักษณะสีของแท่งเทียนในรูปแบบ Downside Tasuki Gap มีดังนี้

  • แท่งเทียนแรก (First Candle): สีดำหรือสีแดง ซึ่งเป็นแท่งเทียนลบ (Bearish Candle)
  • แท่งเทียนที่สอง (Second Candle): ยังคงเป็นสีดำหรือสีแดง ซึ่งเป็นอีกแท่งเทียนลบ (Bearish Candle) แต่จะมี Gap หรือช่องว่างเมื่อเทียบกับราคาปิดของแท่งเทียนแรก
  • แท่งเทียนที่สาม (Third Candle): สีขาวหรือสีเขียว ซึ่งเป็นแท่งเทียนบวก (Bullish Candle)

ดังนั้นจะเห็นสองแท่งเทียนแรกเป็นสีเดียวกัน (ดำหรือแดง) แท่งเทียนที่สามจะมีสีที่ตรงข้าม (ขาวหรือเขียว) รูปแบบนี้จะเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง และส่วนใหญ่จะถือเป็นรูปแบบที่ยืนยันแนวโน้มดังกล่าว ซึ่งหมายความว่า หากเจอรูปแบบนี้ ความน่าจะเป็นที่แนวโน้มขาลงจะยังคงตัวยิ่งขึ้น

 

Downside Tasuki Gap มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

รูปแบบ “Tasuki Gap” ในการวิเคราะห์ด้วยแท่งเทียน (Candlestick Analysis) มี 2 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทจะปรากฏในบริบทของแนวโน้มตลาดที่ต่างกัน คือ

1.Upside Tasuki Gap

  • ปรากฏในบริบทของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) และมักจะถือเป็นรูปแบบที่ยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้มดังกล่าว

2.Downside Tasuki Gap

  • ปรากฏในบริบทของแนวโน้มขาลง (Downtrend) และมักจะถือเป็นรูปแบบที่ยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้มดังกล่าว

ในกรณีของ “Downside Tasuki Gap” นั้น ปกติจะปรากฏในตลาดที่มีแนวโน้มขาลง และถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง หรือในบางกรณี อาจถือเป็นสัญญาณแทรกซ้อนของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม (Reversal) ขึ้นอยู่กับบริบทของตลาดและตัวชี้วัดเทคนิคอื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกัน ดังนั้น ถือว่า “Downside Tasuki Gap” ไม่ได้มีประเภทย่อย แต่เป็นหนึ่งในสองประเภทหลักของ “Tasuki Gap” ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทและความหมายที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริบทของแนวโน้มตลาดที่ปรากฏ

 

1.รูปแบบ Upside Tasuki Gap

รูปแบบ “Upside Tasuki Gap” เป็นหนึ่งในรูปแบบของการวิเคราะห์ด้วยแท่งเทียน (Candlestick Analysis) ซึ่งปรากฏในบริบทของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) และส่วนใหญ่จะถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้นนั้น

ลักษณะของ Upside Tasuki Gap

  • แท่งเทียนแรก (First Candle): แท่งเทียนขาขึ้นที่มีลำตัว (body) ยาว สีของแท่งเทียนมักจะเป็นสีขาวหรือเขียวเมื่อเทียบกับแท่งเทียนก่อนหน้า
  • แท่งเทียนที่สอง (Second Candle): แท่งเทียนขาขึ้นอีกหนึ่งแท่งที่มี “Gap” หรือช่องว่างอยู่ระหว่างแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง
  • แท่งเทียนที่สาม (Third Candle): แท่งเทียนขาลง ที่เปิดในช่องว่าง (“Gap”) ของแท่งเทียนที่สอง และปิดในลำตัวของแท่งเทียนที่สอง ซึ่งมักจะเป็นสีแดงหรือดำ

การใช้งานและความน่าเชื่อถือ

  • ถ้ารูปแบบนี้ปรากฏในแนวโน้มขาขึ้น, มันถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นจะยังคงอยู่
  • มักจะถือเป็นรูปแบบที่มีความน่าเชื่อถือสูงในการทำนายแนวโน้มของตลาด
  • การที่ “Upside Tasuki Gap” ปรากฏในบริบทของแนวโน้มขาขึ้น ยืนยันว่าผู้ซื้อยังคงมีความมั่นใจ และเป็นไปได้ว่าราคาอาจจะขยับตัวขึ้นต่อไปอีก

 

2.รูปแบบ Downside Tasuki Gap

รูปแบบ “Downside Tasuki Gap” คือรูปแบบหนึ่งในการวิเคราะห์ด้วยแท่งเทียน (Candlestick Analysis) ซึ่งปรากฏในบริบทของแนวโน้มขาลง (Downtrend) และมักถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันแนวโน้มขาลงดังกล่าว

ลักษณะของ Downside Tasuki Gap

  • แท่งเทียนแรก (First Candle): แท่งเทียนขาลงที่มีลำตัว (body) ยาว สีของแท่งเทียนมักจะเป็นสีดำหรือแดงเมื่อเทียบกับแท่งเทียนก่อนหน้า
  • แท่งเทียนที่สอง (Second Candle): แท่งเทียนขาลงอีกหนึ่งแท่งที่มี “Gap” หรือช่องว่างอยู่ระหว่างแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง
  • แท่งเทียนที่สาม (Third Candle): แท่งเทียนขาขึ้น ที่เปิดในช่องว่าง (“Gap”) ของแท่งเทียนที่สอง และปิดในลำตัวของแท่งเทียนที่สอง ซึ่งมักจะเป็นสีขาวหรือเขียว

การใช้งานและความน่าเชื่อถือ

  • ถ้ารูปแบบนี้ปรากฏในแนวโน้มขาลง มันถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงจะยังคงอยู่
  • มักจะถือเป็นรูปแบบที่มีความน่าเชื่อถือสูงในการทำนายแนวโน้มของตลาด
  • Downside Tasuki Gap มักถูกเห็นเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาลง โดยรูปแบบนี้มักจะปรากฏเมื่อตลาดยังคงแสดงความไม่แน่ใจแต่ยังคงมีแนวโน้มลงในระยะยาว

 

สถิติและความแม่นยำของ Downside Tasuki Gap

(อ้างอิง : ข้อมูลสถิติจากหนังสือ Encyclopedia of candlestick charts)

Downside Tasuki Gap

ชื่อทฤษฎี: Bearish continuation.

Actual bull market: Bullish reversal 54% อันดับ (ranking 42).

Actual bear market: Bearish continuation 51% อันดับ (ranking 52).

อันดับความถี่ของการเกิด: 68th จาก 103.

อันดับความแม่นยำ: 23rd จาก 103.

 

การใช้งาน

การปรากฏของ Downside Tasuki Gap ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงยังคงอยู่ และอาจใช้เป็นสัญญาณในการเปิดหรือเพิ่มสถานะการขายหุ้นหรืออื่น ๆ ที่ถือได้

รูปแบบนี้มักจะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นถ้าราคาปิดของแท่งเทียนสีขาวหรือเขียวใกล้เคียงหรือปิดช่องว่าง “gap” ที่เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง

 

วิธีการใช้งาน Downside Tasuki Gap ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การใช้งาน “Downside Tasuki Gap” ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคมักจะต้องคำนึงถึงบริบทของแนวโน้มและสัญญาณเสริมอื่น ๆ ดังนี้

ยืนยันแนวโน้ม

  • หากรูปแบบนี้ปรากฏในบริบทของแนวโน้มขาลงถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงจะยังคงอยู่

การตั้งจุดเข้า-ออก (Entry-Exit Points)

  • จุดเข้า (Entry Point): หลังจากเห็นรูปแบบ Downside Tasuki Gap, นักลงทุนควรจะรอดูแท่งเทียนถัดไปเพื่อยืนยันแนวโน้ม ถ้าแท่งเทียนถัดไปยังคงเป็นแท่งเทียนขาลง นักลงทุนอาจจะพิจารณาเข้าสู่ตลาดด้วยการขายชอร์ต
  • จุดออก (Exit Point): นักลงทุนควรจะตั้งจุดหยุดความเสียหาย (Stop-Loss) อยู่เหนือระดับราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่สามหรือระดับขอบเขตอื่น ๆ ที่นักลงทุนเห็นว่าเหมาะสม

การใช้ตัวชี้วัดเสริม

อาจจะใช้ตัวชี้วัดเสริมเช่น Moving Averages, RSI, MACD เป็นต้นเพื่อให้การวิเคราะห์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

คำเตือน

  • รูปแบบ Downside Tasuki Gap อาจจะไม่เสมอไปถึงขั้น 100% น่าเชื่อถือ ดังนั้นควรใช้ในควบคู่กับตัวชี้วัดทางเทคนิคและสัญญาณเสริมอื่น ๆ
  • Downside Tasuki Gap เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการยืนยันแนวโน้มขาลง แต่ควรใช้ร่วมกับวิธีการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะทำให้การลงทุนของคุณประสบความสำเร็จ

 

ประวัติความเป็นมาของ Downside Tasuki Gap

“Downside Tasuki Gap” คือหนึ่งในรูปแบบของแท่งเทียนในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีขนาดพอประมาณสามแท่งเทียน และมักจะใช้ในการยืนยันแนวโน้มขาลงที่กำลังเกิดขึ้นในตลาด รูปแบบนี้มีลักษณะคล้ายกับรูปแบบอื่น ๆ ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้แท่งเทียนในการวิเคราะห์แนวโน้ม แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญในบางด้าน เช่น จำนวนและลักษณะของแท่งเทียน ระยะห่างของราคา และอื่น ๆ

รูปแบบของแท่งเทียนเหล่านี้ได้รับความนิยมในครั้งแรกจากญี่ปุ่น โดยมีการใช้งานมานานหลายศตวรรษ ก่อนที่จะถูกนำเข้ามาใช้ในตลาดทุนและตลาดอื่น ๆ ของโลก หากทั้งสองรูปแบบของแท่งเทียน Tasuki Gap ได้รับความนิยมในตลาดทั่วโลก เป็นเพราะว่ามันให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคา และสามารถใช้ควบคู่ได้กับตัวชี้วัดทางเทคนิคและสัญญาณเสริมอื่น ๆ อีกด้วย

ทั้งนี้ ความนิยมของรูปแบบ Downside Tasuki Gap และรูปแบบแท่งเทียนอื่น ๆ สะท้อนถึงความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีความซับซ้อนและหลากหลายขึ้นในปัจจุบัน

 

ข้อดีข้อเสีย Downside Tasuki Gap

ข้อดี

  • ยืนยันแนวโน้ม: รูปแบบนี้ช่วยยืนยันแนวโน้มขาลงที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุนแนวโน้ม (Trend Followers)
  • ความน่าเชื่อถือสูง: Downside Tasuki Gap มักถือว่ามีความน่าเชื่อถือสูงในการทำนายแนวโน้มตลาด
  • สัญญาณสำหรับการขาย: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับการขายหรือการเปิดตำแหน่งขายชั้นครอบคลุม (Covered Puts)
  • จัดการความเสี่ยง: สามารถใช้ข้อมูลจากรูปแบบนี้ในการตั้งระดับ Stop-Loss ได้
  • เสริมสัญญาณ: สามารถใช้ร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจ
  • ระบุโอกาส: สามารถใช้เพื่อระบุโอกาสในการเข้าตลาดในขณะที่แนวโน้มยังคงลงให้เห็นได้ชัดเจ
  • ลดความคลาดเคลื่อน: ความสูงและความกว้างของ Gap ในรูปแบบนี้ช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการตัดสินใจ
  • เทียบเคียงได้: สามารถเทียบเคียงระหว่างรูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันมากขึ้น
  • ความง่ายในการจำแนก: สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ การจำแนกและการตรวจจับ Downside Tasuki Gap ไม่ได้ยาก
  • ผลตอบแทนที่มั่นคง: ถ้าใช้งานอย่างถูกต้องและในบริบทที่ถูกต้อง มักจะเห็นผลตอบแทนที่มั่นคงและเป็นไปตามคาดการณ์

ข้อเสีย

  • ความซับซ้อน: สำหรับนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ที่ไม่มีประสบการณ์, รูปแบบ Downside Tasuki Gap อาจดูซับซ้อนและยากต่อการตีความ
  • ความเสี่ยงด้านการยืนยัน: ถ้าไม่ได้ยืนยันด้วยตัวชี้วัดหรือสัญญาณอื่น ๆ อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด
  • ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน: ถึงแม้จะมีความน่าเชื่อถือสูง แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะสำเร็จเสมอ ๆ
  • ต้องการสังเกตุข้อมูลรายวัน: สำหรับรูปแบบนี้ คุณจะต้องสังเกตการณ์แท่งเทียนในกรอบเวลารายวัน ซึ่งอาจเป็นไปได้ยากสำหรับบางคน
  • ความต้องการทางเทคนิค: การใช้ Downside Tasuki Gap อาจต้องการการคำนวณหรือซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
  • เปิดโอกาสให้ผิดพลาด: ถ้าไม่ใช้งานอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่การขายในเวลาที่ไม่เหมาะสม และจึงเสี่ยงที่จะเสียเงิน
  • ความเสี่ยงของข้อมูลล่าช้า: รูปแบบนี้ค่อนข้างจะต้องการข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลา ความล่าช้าในข้อมูลอาจมีผลเสีย
  • ไม่เหมาะสำหรับทุกกรณี: Downside Tasuki Gap มักจะเป็นที่นิยมในกรณีของแนวโน้มขาลง แต่ในบางบริบท อาจไม่เป็นที่นิยมหรือไม่ถูกต้อง
  • สัญญาณปลอม (Fake Signals): ในบางครั้ง รูปแบบนี้อาจให้สัญญาณที่ผิดพลาด ทำให้นักลงทุนตัดสินใจที่ผิด
  • ต้องการประสบการณ์และความเข้าใจ: การใช้ Downside Tasuki Gap อย่างเต็มประสิทธิภาพต้องการความรู้และประสบการณ์ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งไม่ทุกคนมี