Swissquote เปิดบัญชี – ขั้นตอนง่ายๆ สู่การลงทุนระดับโลกที่คุณก็ทำได้

วิธีการฝากเงินสามารถทำได้หลายช่องทาง เช่น การโอนเงินระหว่างธนาคาร การใช้บัตรเครดิต/เดบิต หรือระบบ E-Wallet โดยเลือกตามความสะดวกของแต่ละคน แต่ควรศึกษาค่าธรรมเนียมและระยะเวลาที่ต่างกันในแต่ละวิธีก่อนตัดสินใจ

มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างที่ต้องชำระ

แม้ Swissquote จะไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีในการรักษาบัญชี แต่ก็มีค่าบริการบางอย่างที่อาจถูกเรียกเก็บเป็นครั้งคราว เช่น

• ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างธนาคาร (ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง)
• ค่าธรรมเนียมการถอนเงินต่ำกว่าขั้นต่ำ (ถอนน้อยกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ)
• ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (กรณีฝากหรือถอนเป็นสกุลอื่นที่ไม่ใช่สกุลหลักของบัญชี)
• ค่าธรรมเนียมการเทรด (Spreads, Commissions) ซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์
• ค่าธรรมเนียมการใช้งานแพลตฟอร์มพิเศษ เช่น Advanced Trader, Autochartist เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับค่าบริการของโบรกเกอร์รายอื่นแล้ว Swissquote ถือว่ามีอัตราที่ค่อนข้างแข่งขันได้ โดยเฉพาะในส่วนของค่า Spreads และ Commission สำหรับการเทรด Forex ที่จัดอยู่ในกลุ่มต้นๆ ของตลาด

เลือกประเภทบัญชีอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

Swissquote มีบัญชีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนในแต่ละกลุ่ม ซึ่งปัจจัยที่ควรใช้ในการพิจารณามีดังนี้

1. ประเภทสินทรัพย์ที่ต้องการเทรด
   • หากสนใจแค่คู่เงิน ทองคำ และน้ำมัน ควรเลือกบัญชี Forex & CFD
   • หากอยากลงทุนในหุ้นหรือกองทุน ETF ทั่วโลก ควรเปิดบัญชี Stock Trading
   • หากสนใจสกุลเงินดิจิทัล ควรเลือกบัญชี Crypto โดยเฉพาะ
2. จำนวนเงินลงทุนเริ่มต้น
   • สำหรับผู้ที่มีทุนน้อย การเริ่มต้นด้วยบัญชี Forex หรือ CFD จะเหมาะสมกว่า
   • แต่ถ้ามีงบประมาณพอสมควร การเปิดบัญชี Stock Trading ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
3. ความถี่ในการซื้อขาย
   • สำหรับผู้ที่เน้นเทรดระยะสั้นและบ่อยครั้ง บัญชีประเภท Standard ก็เพียงพอแล้ว
   • แต่หากต้องการเทรดปริมาณมากขึ้น บัญชี Premium หรือ Prime จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
4. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
   • หากไม่ชอบความผันผวนสูง การลงทุนแบบ Robo-Advisory น่าจะเหมาะกว่า
   • แต่ถ้าพร้อมรับความเสี่ยงเพื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงขึ้น การเทรด Forex, CFD หรือ Crypto ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี

โดยสรุป ไม่ว่าจะเลือกบัญชีแบบใด ก็ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน พิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย และวางแผนการจัดสรรเงินทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวของตัวเองด้วย

ระยะเวลาในการเปิดบัญชีใช้เวลานานไหม

โดยเฉลี่ยแล้ว การเปิดบัญชีกับ Swissquote ตั้งแต่เริ่มกรอกฟอร์มจนถึงได้รับอีเมลยืนยันการอนุมัติ จะใช้เวลาประมาณ 1-3 วันทำการ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วหากเทียบกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศรายอื่นๆ

• หากข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์มครบถ้วนและไม่มีข้อสงสัย ก็อาจได้รับการอนุมัติภายในวันเดียว
• แต่หากพบความไม่สอดคล้องของข้อมูลบางส่วน ก็อาจต้องใช้เวลาในการแก้ไขและส่งเอกสารเพิ่มเติม
• สำหรับบัญชีที่ต้องผ่านการยืนยันตัวตนทางโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล ระยะเวลาดำเนินการอาจนานขึ้นอีก 1-2 วัน
• หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติ เช่น ช่วงวันหยุดยาว หรือมีคำขอเปิดบัญชีเป็นจำนวนมาก ก็อาจทำให้กระบวนการทั้งหมดล่าช้าออกไปได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับความมั่นคงและความน่าเชื่อถือที่จะได้รับแล้ว ถือว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่าเลยทีเดียว โดยระหว่างนี้คุณสามารถเตรียมแผนการเทรดและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมไปพลางๆ ก่อนได้ เพื่อให้พร้อมลงมือทันทีเมื่อได้รับสิทธิ์เข้าถึงแพลตฟอร์ม

จะขอความช่วยเหลือระหว่างขั้นตอนการสมัครได้อย่างไร

หากคุณมีข้อสงสัยหรือปัญหาใดๆ ระหว่างการดำเนินการเปิดบัญชี สามารถติดต่อทีมบริการลูกค้าของ Swissquote ได้ทันที โดยมีช่องทางให้เลือกหลากหลายดังนี้

1. หน้าต่างแชทสดบนเว็บไซต์ – เข้าถึงได้จากทุกหน้า สะดวกและได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว
2. ส่งอีเมลหาฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ support@swissquote.com โดยอธิบายปัญหาพร้อมแนบไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
3. โทรศัพท์ไปที่หมายเลข +41 58 721 90 00 เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรง (อาจมีค่าใช้จ่าย)
4. ส่งข้อความถึงเพจ Swissquote บนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือลิงก์อิน
5. ค้นหาคำตอบด้วยตัวเองจากคลังความรู้ (Knowledge Base) ในเว็บไซต์ ซึ่งรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเอาไว้แล้ว

โดยทั่วไป วันและเวลาทำการของฝ่ายบริการลูกค้าคือ วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08:00-22:00 น. ตามเวลาในสวิตเซอร์แลนด์ แต่สำหรับการแชทสดและอีเมลนั้น จะสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย

สรุปขั้นตอนการเปิดบัญชีกับ Swissquote

จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราสามารถสรุปขั้นตอนหลักๆ ในการเปิดบัญชีเทรดกับ Swissquote ได้ดังนี้

1. ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของตัวเองก่อนว่าตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
2. เตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน ทั้งเอกสารยืนยันตัวตน หลักฐานยืนยันที่อยู่ และแบบฟอร์มคำขอเปิดบัญชี
3. เลือกประเภทบัญชีที่เหมาะกับตัวเอง โดยพิจารณาจากเป้าหมายการลงทุน ประเภทสินทรัพย์ที่สนใจ งบประมาณที่มี และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
4. กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ พร้อมแนบไฟล์เอกสารที่เกี่ยวข้อง และส่งไปยังระบบเพื่อรอการอนุมัติ
5. หากต้องมีการยืนยันตัวตนเพิ่มเติม ให้เตรียมพร้อมสำหรับการให้ข้อมูลผ่านการโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล
6. เมื่อได้รับการอนุมัติบัญชีแล้ว ให้ทำการฝากเงินเข้าบัญชีอย่างน้อยตามจำนวนขั้นต่ำที่กำหนด แล้วรอการเปิดใช้งานแพลตฟอร์ม
7. หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือใดๆ สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าได้ทันทีผ่านหลากหลายช่องทาง

โดยสรุป การเปิดบัญชีกับ Swissquote อาจดูเหมือนเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับนักลงทุนมือใหม่ แต่หากเตรียมข้อมูลและเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วนตั้งแต่ต้น ก็ใช้เวลาดำเนินการไม่นานเท่าที่คิด ซึ่งระหว่างที่รอการอนุมัติ คุณสามารถใช้เวลาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดและเครื่องมือการลงทุนต่างๆ ผ่านบทความ บทวิเคราะห์ และคู่มือการใช้งานบนเว็บไซต์ของ Swissquote ได้เลย เพื่อเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง

เมื่อบัญชีพร้อมใช้งาน อย่าลืมทดลองฝึกเทรดด้วยบัญชีเดโม่หรือเปิดออเดอร์ขนาดเล็กๆ ก่อน เพื่อทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มและสภาพแวดล้อมการลงทุนจริง ก่อนที่จะเพิ่มขนาดการเทรดตามประสบการณ์ที่มากขึ้น ที่สำคัญควรกำหนดแผนการจัดการเงินทุนและความเสี่ยงให้รัดกุม เพื่อป้องกันการขาดทุนเกินกว่าที่ควรจะเป็น

หากคุณพร้อมที่จะก้าวไปสู่การลงทุนในระดับสากล พร้อมเครื่องมือและบริการคุณภาพเยี่ยมจากโบรกเกอร์ที่ครบเครื่อง การเปิดบัญชีกับ Swissquote จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตไปพร้อมกับคุณได้อย่างยั่งยืน แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมศึกษาให้รอบด้าน เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกับโบรกเกอร์รายอื่น และเลือกสิ่งที่ใช่สำหรับตัวคุณเองมากที่สุด เพื่อการตัดสินใจที่มั่นใจและไร้ความเสียใจในภายหลัง