ควรลงทุนอะไรดี
ลงทุนอะไรดี เป็นคำถามโลกแตกที่ต้องถามกันมาทุกคน เพราะว่า มีเงินแล้วแต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร หลัก ๆ ง่าย ๆ เพราะว่ากลัวหมดเงิน มันจึงมีคำถามมาว่า “ลงทุนอะไรดี”
การจะตอบคำถามนี้ได้ ต้องตอบให้ได้ถึงปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งจะกำหนดว่าควรจะลงทุนอะไรดี
ปัจจัยที่ต้องเลือกก่อนลงทุน
ปัจจัยสำคัญที่ต้องรู้ก่อนลงทุน มีดังต่อไปนี้
- เป้าหมายการลงทุน
- ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ระยะเวลาที่กำหนด
- ความรู้พื้นฐาน
เป้าหมายการลงทุน
สำหรับหลายคนอ่านมาถึงตอนนี้จะรู้สึกว่า ลงทุนก็ต้องการกำไร หรือเงินเยอะ ๆ สิ แต่ว่า การลงทุนต้องกำหนดเป้าหมายให้ถูก ใช่แน่นอนอยู่แล้ว ว่า เป้าหมายคือ “เงิน” หรือ “กำไร” แต่ว่า เท่าไหร่หล่ะ? เพราะถ้าคุณไม่กำหนดว่า คุณต้องการกำไรเท่าไหร่ คุณคือ นักฝันเฟื่อง หรือ ผีพนัน เท่านั้น
- การกำหนดเป้าหมายการลงทุนต้องกำหนดให้เหมาะสม เช่น 30 % ต่อปี หรือ 100 % ต่อปี
- การลงทุน ยิ่งทุนน้อยจะยิ่งได้ ผลตอบแทนจำนวนมาก ขณะที่ยิ่งมีเงินมาก ผลตอบแทนจะลดขนาดลง
- การลงทุน ยิ่งมีทุนมาก ยิ่งทำให้จำนวนเงินที่ทำผลตอบแทนได้มาก แต่ว่าสัดส่วน % จะน้อย
- การกำหนดเป้าหมายลงทุน ไม่ควรสูงเกินไป และไม่ควรต่ำเกินไป
- เป้าหมายที่ยอมรับได้สำหรับเงิน ไม่เกิน 100,000 บาทคือ ไม่เกิน 100 %
- เป้าหมายที่ยอมรับได้สำหรับเงิน มากกว่า 200,000 บาทคือ ไม่เกิน 50 % ต่อปี
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
สิ่งที่ต้องกำหนดต่อมาคือ ความเสี่ยง ความเสี่ยง หรือ Risk คือ ความเสี่ยงที่จะเสียเงินนั้นไปภายใต้กำไรที่จะได้รับ นั่นคือ เป้าหมายที่จะได้รับ เราต้องยอมรับความเสี่ยง หลายคนบอกว่า ใครจะไปอยากเสี่ยง ก็แน่หล่ะ ถ้าไม่เสี่ยงแล้วจะได้กำไรหรือ? เพราะว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ระดับของความเสี่ยงที่ต้องยอมรับ มีดังนี้
- รับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ทั้งก้อน
- รับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ครึ่งหนึ่ง
- รับความเสี่ยงไม่ได้เลย
การยอมรับความเสี่ยงนี้จะสัมพันธ์กับผลตอบแทน เช่น คนเสี่ยงที่จะเสียเงินทั้งก้อน ก็จะมีโอกาสที่จะได้กำไรสูง
ส่วนคนที่เสี่ยงไม่ได้เลย ผลตอบแทนก็จะต่ำลงมา
ปัจจัยที่ทำให้ยอมรับความเสี่ยงได้แตกต่างกัน
ปัจจัยที่ทำให้ การยอมรับความเสี่ยงมีความแตกต่างกัน มีดังต่อไปนี้
- อายุ เพราะยิ่งอายุน้อย ยิ่งมีโอกาสหาเงินมาได้อีก ส่วนคนอายุเยอะแล้ว โอกาสสูญเงินก้อนไปแล้วจะไม่ได้คืนมีสูง
- นิสัย บางคน แม้จะอายุน้อย แต่เป็นคนกล้าได้กล้าเสียมากกว่า ทำให้ยอมรับความเสี่ยงได้มากกว่า จากนิสัย
- อารมณ์ขณะนั้น มีบ่อยครั้งที่เวลาเรากินเหล้า เราขาดสติการยอมรับความเสี่ยง จะยอมรับความเสี่ยงได้สุงกว่า
ระยะเวลาที่กำหนด
ปัจจัยต่อมา คือ ระยะเวลาที่ต้องกำหนด ว่า เราจะลงทุนเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ น้อยครั้งที่นักลงทุน่จะกำหนดปัจจัยนี้ มีหลายคนลงทุนเปิดร้านกาแฟ แต่ไม่ได้กำหนดว่า จะปิดร้านเมื่อไหร่ การกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน จะทำให้เรามีการวางแผน ตั้งแต่เปิดร้านไปจนปิดร้าน ทำให้เราสามารถจัดการตามแผนได้มากขึ้น
- หลายคนนึกถึงการลงทุนในหุ้น การลงทุนในหุ้นก็ต้องมีการกำหนดระยะเวลา
- การลงทุนในหุ้น ถ้าเป็นเงินเกษียณก็ต้องกำหนดระยะเวลาเป็น ก่อนอายุ 65 ปี เป็นต้น
- หลายคนไม่กำหนดปัจจัยนี้ ทำให้ลงทุน บางคนไม่ได้ใช้เงิน เพราะตายก่อนก็มี เพราะมัวแต่เล่นไปเรื่อย ๆ
ความรู้คือทุน
สิ่งที่จะทำให้คุณมีโอกาสกำไรมากที่สุด คือ ข้อนี้ มันคือ “ความรู้”
- ความรู้จะทำให้คุณเสียเวลาน้อยลง
- ความรู้จะทำให้คุณลดเวลาลองผิดลองถูก
- ความรู้จะทำให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
- ความรู้ทำให้คุณใช้เงินถูกทาง
- ความรู้ทำให้คุณใช้เงินน้อยลง และกำไรมากขึ้น
- ความรู้ทำให้คุณรู้ว่า อะไรเสี่ยง อะไรไม่เสี่ยง
ปัจจัยสุดท้ายที่ต้องมี “เงินลงทุน”
หลายคนคิดว่า นี่เป็นปัจจัยที่ต้องมีก่อน แต่จริง ๆ แล้วมันไม่สำคัญเลย ในการลงทุน เพราะว่า การลงทุน ทุกครั้งไม่ได้เริ่มที่ตัวเงินที่เรามี การลงทุนไม่จำเป็นต้องไปเริ่มที่เงินทุกครั้ง ควรจะเริ่มที่ความรู้ และความเสี่ยง เป้าหมาย ปัจจัยที่กำหนดเป็นหลัก
ลำดับปัจจัยที่สำคัญในการลงทุน
ถ้าหากเราเอาปัจจัยลำดับที่สำคัญสิ่งที่คุณต้องไปเพิ่มเติม หรือ เติมเต็มตัวเองในการลงทุน มีดังต่อไปนี้
- ความรู้
- เป้าหมายที่ชัดเจน
- ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ระยะเวลาที่กำหนด
- เงินทุน
จะเห็นว่าเงินทุนอยู่ลำดับสุดท้ายเลย เป็นสิ่งที่ต้องคิดเป็นเรื่องสุดท้าย แต่เรื่องที่ต้องคิดคือ ความรู้
เงินน้อยควรลงทุนอะไรดี
หลายคนบอกว่า “เงินน้อย ลงทุนอะไรดี” สิ่งที่คุณต้องลงทุนก่อนเลยก็คือ “ความรู้” ลงทุนในความรู้ หมายความว่า ถ้าคุณเงินน้อย แล้วยังต้องมาตอบคำถามนี้อีก เราบอกได้เลยว่า ให้คุณหยุดไว้ก่อน และอย่าเพิ่งลงทุน เพราะคุณยังไม่รู้อะไรเลย ให้คุณไปหาคำตอบ ก่อน โดยหาคำตอบโดยไม่ใช้เงิน ว่า “ควรลงทุนอะไรดี”
แต่ครั้งจะตอบแบบนี้คงมืดแปดด้าน สิ่งที่เราต้องทำก่อน คือ คนอื่นเขาลงทุนอะไร ให้เราไปหาข้อมูล ทุกอย่าง ทุกธุรกิจ เรื่องพวกนี้ไม่ได้ใช้เงินด้วยซ้ำในการลงทุน สิ่งที่ต้องรู้คือ
- กำไรของแต่ละธุรกิจ หรือ การลงทุนเท่ากับเท่าไหร่
- ความเสี่ยง หรือ ต้นทุนที่ต้องใช้ของแต่ละธุรกิจเท่ากับเท่าไหร่
- ธุรกิจแบบไหน ต้องใช้อะไรบ้าง
- ให้คุณเดินออกไปตลาด เดินออกไปในชุมชน เดินออกไปในโลกออนไลน์ แล้วดูว่า ธุรกิจอะไรใช้อะไรบ้าง
ตัวอย่างเช่น คุณเดินออกไปหน้าปากซอยเจอร้านหมูปิ้งเจ้าโปรด คุณเคยคิดไหมว่า ต้นทุนของเขาเท่ากับเท่าไหร่ ต่อไม้ เขาขายเท่านี้ได้กำไรเท่าไหร่ และเขาขายได้กี่ไม้ต่อวัน คุ้มค่าไหมที่จะทำธุรกิจนี้ เมื่อคุณทำกับแทบทุกธุรกิจ อย่างน้อยสิ่งที่คุณจะได้ คือ
คุณสามารถเปรียบเทียบได้ว่า “ควรลงทุนอะไร”
ใครจะไปรู้ “คุณทำข้อมูลขนาดนี้ คุณมาเริ่มเปิดเพจ และมีคนติดตามแนวคิดการลงทุนของคุณ และดัง” คุณก็อาจจะไม่ต้องใช้เงินสักบาทเลยก็ได้
คำถามเงินน้อยลงทุนอะไร ไม่ได้เกี่ยวกับเงินลงทุนเลย!!!
ต่อไปนี้ เราจะทำการ List ว่า ถ้าเงิน 10,000 ควรลงทุนอะไรดี เงิน 5 แสนควรลงทุนอะไรดี โดยที่คุณต้องทำความเข้าใจกับหลักการข้างบนมาแล้วก่อน
เงิน 10,000 ลงทุนอะไรดี
- ขายของในชุมชน
- ขายของออนไลน์
- ขายสินค้า ที่เรามีความชำนาญ พยายามใช้ความรู้เป็นทุน
- หากำไรและรวบรวมเงินทุนเพิ่มขึ้น เพื่อขยายโอกาสลงทุนต่อ
- ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจซื้อมาขายไปสภาพคล่องสูง เปลี่ยนเป็นเงินได้ไว
- ติดตามและเพิ่มความรู้ที่มี
- ธุรกิจที่ใช้ความรู้ในการลงทุนเยอะ เช่น ธุรกิจเว็บไซต์ ออนไลน์ ซึ่งไม่ใช้เงินลงทุนเลย
เงิน 1 แสน ลงทุนอะไรดี
เงิน 1 แสนบาทสามารถลงทุนได้จำนวนมาก ซึ่งก็ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 แสนบาท ได้ดังนี้
- หุ้น
- Forex
- คริปโต
- ธุรกิจขายของออนไลน์
- ธุรกิจขนาดเล็ก ร้านขายของ
- ธุรกิจร้านค้าเล็ก ๆ
เงิน 5 แสนลงทุนอะไรดี
สามารถลงทุนในสินทรัพย์การเงินได้ ตั้งแต่
- หุ้น
- คริปโต
- อนุพันธ์
- ทองคำ
- ธุรกิจขนาดย่อม
- ธุรกิจต่าง ๆ เปิดบริษัทที่เราชำนาญ
ระยะสั้นควรลงทุนอะไรดี
การลงทุนระยะสั้น หรือ ระยะยาว มีความแตกต่างกัน อย่างหนึ่งก็คือ การลงทุนระยะสั้น ต้องใช้สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเป็นหลัก เพราะว่าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดง่าย ได้แก่
- หุ้น
- ทองคำ
- คริปโต
การลงทุนระยะสั้นจะทำให้มีข้อจำกัดมากกว่าการลงทุนระยะยาว เพราะว่า การลงทุนระยะสั้นเป็นเพียงการเก็งกำไรเท่านั้น
ระยะยาวควรลงทุนอะไรดี
การลงทุนระยะยาว มีข้อจำกัดคือ สินทรัพย์ที่ต้องลงทุน คือ สินทรัพย์ที่มีอายุยาว ได้แก่
- หุ้น
- ทองคำ
- คริปโตเคอเรนซี่
- ที่ดิน
- อสังหาริมทรัพย์
- เครื่องประดับ นาฬิกา
- ภาพวาดและของสะสมที่สภาพคล่องสูง
สังเกตุอย่างหนึ่งว่า การลงทุนอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องใช้ก่อนเลยไม่ใช่ “จำนวนเงิน” แต่เป็น “ความรู้” ในการลงทุน ความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์ ตัวอย่าง การลงทุนในที่ดิน ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน การมองเห็นโอกาส การเติบโตของการขยายเมือง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มีโอกาสในการประสบความสำเร็จมากกว่า
