Shark Bullish/Bearish คืออะไร?

Shark Pattern เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่เป็นส่วนหนึ่งของ Harmonic Patterns ซึ่งถูกค้นพบโดย Scott Carney โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้:
- ประกอบด้วยห้าจุดสำคัญ: O, X, A, B, และ C
 - ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการกำหนดจุดกลับตัวที่สำคัญ
 - สามารถพบได้ทั้งในรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง)
 - มีลักษณะคล้ายกับฉลามที่กำลังว่ายน้ำ
 
Shark Bullish
- เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง
 - จุด C เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น
 
Shark Bearish
- เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น
 - จุด C เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง
 
ลักษณะสำคัญของ Shark Bullish/Bearish
- อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ:
- OX: การเคลื่อนไหวเริ่มต้น
 - XA: 1.13 – 1.618 ของ OX
 - AB: 1.13 – 1.618 ของ XA
 - BC: 0.886 – 1.13 ของ XA
 - OC: 0.886 – 1.13 ของ OA
 
 - รูปแบบการเคลื่อนไหว:
- OX: การเคลื่อนไหวเริ่มต้น
 - XA: การเคลื่อนไหวตรงข้ามกับ OX
 - AB: การปรับฐานของ XA
 - BC: การเคลื่อนไหวสุดท้ายก่อนการกลับตัว
 
 - จุดกลับตัว C:
- เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัว
 - มักจะอยู่ที่ระดับ 0.886 – 1.13 ของ OA
 
 
วิธีใช้ Shark Bullish/Bearish ในการวิเคราะห์
- การระบุรูปแบบ:
- สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาที่มีลักษณะคล้ายฉลาม
 - ใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement และ Extension เพื่อวัดอัตราส่วนระหว่างจุดต่างๆ
 
 - การยืนยันอัตราส่วน Fibonacci:
- ตรวจสอบว่าอัตราส่วนระหว่างจุดต่างๆ สอดคล้องกับอัตราส่วน Fibonacci ที่กำหนด
 
 - การคาดการณ์จุด C:
- ใช้อัตราส่วน 0.886 – 1.13 ของ OA เพื่อคาดการณ์จุด C
 - สังเกตการเกิดรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่จุด C
 
 - การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย:
- สังเกตปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้จุด C
 
 - การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น:
- ใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้แนวโน้มหรือ oscillators เพื่อยืนยันสัญญาณ
 - พิจารณาแนวรับแนวต้านสำคัญประกอบการวิเคราะห์
 
 
ข้อควรระวังในการใช้ Shark Bullish/Bearish
- ความซับซ้อนของรูปแบบ: Shark เป็นรูปแบบที่ซับซ้อนและอาจยากในการระบุ
 - ความแม่นยำของอัตราส่วน: อัตราส่วนอาจไม่ตรงกับที่กำหนดไว้อย่างสมบูรณ์เสมอไป
 - การกลับตัวที่ไม่เกิดขึ้น: ราคาอาจไม่กลับตัวที่จุด C ตามที่คาดการณ์
 - ความเหมาะสมกับกรอบเวลา: รูปแบบนี้อาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในกรอบเวลาที่ต่างกัน
 - ปัจจัยภายนอก: ข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคา
 
การประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การเทรด
- การเข้าซื้อ/ขาย:
- Shark Bullish: เข้าซื้อเมื่อราคาแสดงสัญญาณกลับตัวที่จุด C
 - Shark Bearish: เข้าขายเมื่อราคาแสดงสัญญาณกลับตัวที่จุด C
 
 - การตั้ง Stop Loss:
- อาจตั้ง stop loss ไว้ใต้/เหนือจุด X เล็กน้อย
 
 - การตั้งเป้าหมายกำไร:
- เป้าหมายแรก: จุด B
 - เป้าหมายที่สอง: จุด A
 - เป้าหมายที่สาม: จุด X
 
 - การจัดการความเสี่ยง:
- ใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม (เช่น 1:2 หรือ 1:3)
 
 - การเทรดระยะสั้นถึงกลาง:
- Shark Pattern มักใช้ในการวิเคราะห์และเทรดในระยะสั้นถึงกลาง
 
 
ความแตกต่างระหว่าง Shark และ Harmonic Patterns อื่นๆ
- จุดเริ่มต้น: Shark Pattern เริ่มต้นที่จุด O แทนที่จะเป็นจุด X เหมือน Patterns อื่นๆ
 - จำนวนจุด: Shark มี 5 จุดสำคัญ (O, X, A, B, C) ในขณะที่ Patterns อื่นๆ มักมี 5 จุด (X, A, B, C, D)
 - ความยืดหยุ่นของอัตราส่วน: Shark Pattern มีความยืดหยุ่นในอัตราส่วนมากกว่า Patterns อื่นๆ
 - จุดกลับตัว: จุดกลับตัวของ Shark (จุด C) มักจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดเริ่มต้น (จุด O) เล็กน้อย
 
สรุป
Shark Bullish และ Bearish เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีความซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์จุดกลับตัวของราคา โดยใช้อัตราส่วน Fibonacci เป็นเครื่องมือหลัก อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ การจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม และการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของตลาด เพื่อให้การวิเคราะห์และการตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น
อ้างอิง
- Carney, S. M. (2010). Harmonic Trading, Volume One: Profiting from the Natural Order of the Financial Markets. FT Press.
 - Pesavento, L., & Jouflas, L. (2007). Trade What You See: How To Profit from Pattern Recognition. John Wiley & Sons.
 - Fischer, R. (2003). Fibonacci Applications and Strategies for Traders. Wiley Trading.
 

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง