เซียนมี่ ทิวา ชินธาดาพงษ์ คือใคร ประวัติ เคยถือหุ้นอะไรบ้าง

เซียนมี่ คือ นักลงทุนในหุ้นที่โด่งดังมาก เนื่องจากพัฒนาตนเองมาจาก วินมอเตอร์ไซค์ สู่นักลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่า ชื่อจริง คุณทิวา ชินธาดาพงษ์ ลงทุนในตลาดหุ้นต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลานานนับ 10 ปี ประสบการณ์มากมาย ขณะนี้เซียนมี่เป็นเจ้าของพอร์ตลงทุนระดับพันล้านบาท

1 มี่ เซียนหุ้น

มี่ เซียนหุ้น

พื้นฐานครอบครัวมีรุ่นปู่ย่าเป็นคนจีนโพ้นทะเล นั่งเรือสำเภามาตั้งรกรากที่เมืองไทย เด็กกรุงเทพฯ ที่มีอาชีพแรกคือ วินมอเตอร์ไซค์

  • คุณทิวาเริ่มต้นเข้าตลาดหุ้นเพราะดร.นิเวศน์ เหมวชิวรากร
  • ประสบการณ์การทำงานหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้ง วินมอเตอร์ไซค์ ไกด์ ขายประกัน ขายรถ ฯ
  • ธุรกิจของตนเองที่เริ่มต้นทำเป็นครั้งแรก คือ ธุรกิจร้านเกมส์
  • ประสบความสำเร็จกับธุรกิจร้านเกมส์จนสามารถซื้อคอนโดหลายห้องให้คนอื่นเช่า
  • เงินสด 10 ล้านบาทจากธุรกิจร้านเกมส์ นำมาเป็นเงินแรกเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น
  • ลงทุนในตลาดหุ้น 10 ปี มีเงินในพอร์ตหุ้นหลักพันล้านบาท
  • ปัจจุบัน เซียนมี่เป็นนักลงทุน วิทยากร

เซียนมี่-ทิวา ชินธาดาพงษ์

ข้อมูลทั่วไป

ประวัติ เซียน มี่

2 ประวัติ เซียน มี่

เซียนมี่ คุณทิวา ชินธาดาพงศ์ เติบโตมากับอาม่า ซึ่งเป็นคนเลี้ยงหลัก พ่อกับแม่ทำงานหาเงิน เซียนมี่โด่งดังเนื่องจากเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง เคยรับจ้างขับ วินมอเตอร์ไซค์ แต่สามารถประสบความสำเร็จจนบริหารพอร์ตลงทุนหลักพันล้านบาท

SET Inspire

ประวัติครอบครัว

เซียนมี่ ในปี 2565 มีอายุประมาณ 47 ปี เกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง ซึ่งมีแรงผลักดันหลัก คือ อาม่า ซึ่งคอยซัพพอร์ตจิตใจของเซียนมี่อยู่เสมอ

  • คุณพ่อ : พนักงานบริษัทเอกชน
  • คุณแม่ : ค้าขาย ขายโจ๊ก ขายก๋วยเตี๋ยว อยู่แถวศรีย่าน
  • อาม่า : ซัพพอร์ตใจให้คนในครอบครัว

อาม่า เป็นเพียงคนเดียวในบ้าน ที่เชื่อว่าเซียนมี่จะเก่ง จะรวย จะประสบความสำเร็จ คำสอนของอาม่าที่เซียนมี่จดจำขึ้นใจ

ดอกไม้แต่ละดอก ย่อมมีฤดูกาลที่จะเจริญงอกงามได้ แตกต่างกันออกไป

อาม่า ของ เซียนมี่

ประวัติการศึกษา

เซียนมี เป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถม พอขึ้นไปเรียนระดับมัธยมศึกษา สอบซ่อมทุกวิชา จนกระทั่งเรียนต่อไปไม่ไหว เซียนมี่จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็ลาออก

แม่เซียนมี่ บ่นทุกครั้งที่เขาสอบตก บอกอยู่เสมอว่าเรียนไม่เก่งแบบนี้ อีกหน่อยคงไม่ไหว ต้องมาช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวที่บ้าน และแม่พูดว่า เด็กคนนี้สงสัยจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว แตกต่างกับ อาม่า

อาม่าบอกว่า

“คนเก่ง เดี๋ยวประถมไม่เก่ง มัธยมก็เก่ง
คนเก่งถ้าตอนเรียนไม่เก่ง เดี๋ยวตอนทำงานก็เก่ง”

อาม่าชอบพาไปพบเพื่อน ๆ ที่นั่งเรือสำเภาจากเมืองจีน ชี้ชวนให้ดูว่า คนนั้นเกิดปีเสือ คนนี้เกิดปีวัว อีกคนเกิดคนละปี ทำไมเค้าถึงรวย ดังนั้นความรวยไม่ได้ขึ้นอยู่กับลักขณาราศีอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นด้วย

สิ่งสำคัญที่เซียนมี่จำคำสอนของอาม่าขึ้นใจและระลึกถึงอยู่เสมอ คือ

คนเรา อย่าไปท้อแท้กับคำพูดของคนรอบข้าง ที่บอกว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ
บางทีมันยังไม่ถึงเวลาของเราเท่านั้นเอง

อาม่า ของ เซียนมี่

หลังจากลาออก เพราะเรียนไม่ไหว เซียนมี่เริ่มอาชีพวินมอเตอร์ไซค์เพราะเพื่อนชวนทุกวัน โดยเพื่อนเล่าด้านดี ๆ ของธุรกิจวินมอเตอร์ไซค์ให้ฟังทุกวัน

พ่อของเซียนมี่เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของภัตตาคารเจ้าพระยา มีลูกน้องมากมายกว่า 600 คน รู้สึกอับอายที่ลูกชายขับวินมอเตอร์ไซค์

คุณพ่อของเซียนมี่จึงส่งเซียนมี่ไปเรียนที่ประเทศจีน มณฑลกวางโจว เป็นเวลา 2.5 ปี แต่ไม่ปรากฎรายละเอียดว่าเรียนระดับการศึกษาใด จากโรงเรียนใด

ประวัติการทำงาน

เซียนมี่เป็นเซียนในตลาดหุ้นที่มีประวัติการทำงานมาอย่างโชกโชน เรียกได้ว่าหลากหลายสาขาอาชีพ เริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 15 ปี ลาออกจากโรงเรียนเริ่มต้นทำงานครั้งแรก มีประวัติการทำงาน ดังนี้

  • อายุ 15 ปี ขับวินมอเตอร์ไซค์ ได้เงินประมาณวันละ 1,000 บาท
  • หลังกลับมาจากประเทศจีน ทำอาชีพ ไกด์
  • ขายประกัน
  • ขายรถยนต์มิตซูบิชิ

จุดเปลี่ยนในชีวิต

ขณะทำงานเป็น Sellman ขายรถยนต์มิตซูบิชิ เซียนมี่ก็เกิดความคิดว่าถ้าหากยังยึดอาชีพนี้ต่อไปก็จะเป็นแบบผู้จัดการสาขา ในอีก 10 ปีข้างหน้าแน่นอน เงินเดือนประมาณ 50,000 บาท และยังมีค่าคอมมิชชั่นอีก แต่ก็จะไม่รวย ความฝันของเขาคือรวย เขาจึงลาออกมาทำธุรกิจ

  • เมื่อมองเห็นเป้าหมายชีวิตของตนเองชัดเจน จึงเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการ
  • วิกฤติครั้งแรกปี 40 หนักหน่วงจนต้องปิดกิจการ เหลือเงิน 1 ล้านบาท
  • เงินที่เหลือนำไปเล่นพนันฟุตบอล จนสุดท้ายเหลือเงิน 100 บาท
  • ยืมเงินจากญาติมาเปิดกิจการระบายสีตุ๊กตา ช่วยพยุงชีวิตทำเงินได้บ้าง
  • ต่อมาห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ปล่อยเช่าพื้นที่ในห้าง ราคาไม่แพง
  • เซียนมี่ได้เปิดร้านเกมส์ ด้วยคอมพิวเตอร์ 8 เครื่อง
  • ธุรกิจร้านเกมส์นี้เอง ทำให้เซียนมี่ มีเงินเก็บ 10 ล้านบาทในชีวิตเป็นครั้งแรก

ขณะที่เซียนมี่ เดินเล่นอยู่ที่ห้าง Esplanade สาขารัชดา จึงไปนั่งฟังงานสัมนาเล็ก ๆ ที่มีผู้ฟังอยู่ก่อนประมาณ 2-3 คน เซียนมี่เข้าไปนั่งสมทบกับคนอื่น เพราะรู้สึกเมื่อยขา อยากหาที่นั่ง ปรากฎว่าเป็นงานที่ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรากร เป็นผู้บรรยาย

เซียนมี่กล่าวว่า ในวันแรกที่พบกับดร.นิเวศน์นั้น เค้าภาคภูมิใจกับเงินเก็บ 10 ล้านบาทของตนเองมาก พร้อมกับมองว่าตนเองเป็นหนึ่งในตองอูแล้วตอนนั้น แต่เมื่อพิธีกรได้แนะนำดร.นิเวศน์ ขณะนั้นว่ามีเงินหลัก 300-400 ล้านบาท ทำให้ความภาคภูมิใจของเซี่ยนมี่มลายหายไปในพริบตา

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เซียนมี่เกิดสนใจการลงทุนในหุ้น จึงศึกษาหาความรู้ อ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อที่จะเข้าวงการเทรดหุ้น เผื่อจะมีเงินแบบดร.นิเวศน์บ้าง

ประวัติการลงทุน

เซียนมี่เข้ามาในตลาดหุ้น เริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายชีวิต และจึงตั้งเป้าหมายการลงทุน โดยการมองเห็นภาพตนเองให้ชัดเจนว่ามีเป้าหมายในชีวิตยังไง และมองหาวิธีการที่จะทำให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ๆ หากปีไหนที่ผลตอบแทนสูงกว่าเป้าหมาย ค่อยถอนส่วนต่างออกมาเป็นกำไรชีวิต

เป้าหมายการลงทุน

3 เป้าหมายการลงทุน

เซียนมี่เริ่มเข้าตลาดลงทุนในปี พ.ศ. 2551 ด้วยเงินเก็บจำนวน 10 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายการลงทุนของตนเองว่าเขาจะทำกำไรให้ได้ 26% ต่อปี ตัวเลข 26% Magic Number มาจากเหตุผลที่ว่า ผลตอบแทน 26% ต่อปี ในทุก ๆ 10 ปี จะมีเงินเพิ่มขึ้น 10 เท่า

“ภาพตลาดหุ้นที่อยู่ในหัวคือการพนัน ใจกล้า เลือกถูกก็รวยได้ เป็นเรื่องของดวงไม่คิดว่าเป็นเรื่องหลักการหรือเหตุผลที่ทำให้รวยได้

บวกกับคนรอบข้างที่เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเจ๊งขาดทุนกันหมด แต่ความคิดเปลี่ยนทันทีเมื่อฟัง ดร.นิเวศน์ มาบรรยาย

ตกผลึกความคิดด้วยตัวเองจากการอ่านตามทฤษฎีหรือหลักการในหนังสือลงทุน แต่สิ่งที่ทำให้เข้าใจตลาดหุ้นและลงทุนถูกตัวถูกทางคือต้องแปลความให้ได้ว่าหมายถึงอะไร”

เซียนมี่

เก็บประสบการณ์

เซียนมี่เริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้วยการเริ่มลงทุน เงินลงทุนก้อนแรก 50% ซึ่งช่วงเริ่มต้นนั้น เซียนมี่ได้ลงทุนตามทฤษฎี ดังนี้

  • ธุรกิจมีสตอรี่รองรับ
  • เทรนด์อุตสาหกรรมเป็นอย่างไร
  • หาผู้เล่นที่ชนะในอุตสาหกรรม
  • ดูมาร์เก็ตแชร์
  • ข้อมูลจะถูกบ้างผิดบ้างแต่ถ้าถูกต้องได้ผลตอบแทนสูง
  • ส่วนถ้าผิดตัวผิดทางต้องเสียผลตอบแทนน้อยที่สุด
  • ดูข้อมูลราคาก่อน 2 ปี ขึ้นมา 3 เท่า
  • หากหุ้นอัตราต่อราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ต่ำ
  • อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ต้องสูง

เมื่อเจอหุ้นที่โดดเด่น โดนใจแล้ว ต้องอนุมานว่ามีคนที่ต้นทุนต่ำกว่าเราเยอะมาก

  • ต้องมาศึกษาว่าธุรกิจนี้น่าสนใจแค่ไหน
  • ขุดลงไปอีกว่าธุรกิจนี้มีใครแนะนำไหม
  • ถ้ามีคนเชียร์ให้ซื้อมากๆ จะระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น
  • ตรงกันข้ามหุ้นที่ราคาอยู่ที่เดิม แต่ธุรกิจกำลังเปลี่ยน จะสนใจลงทุน

โอกาสในวิกฤต

ช่วงวิกฤตซับไพรม์ เซียนมี่ได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นตกทั่วโลก ขณะนั้นเซียนมี่เกือบจะถอนใจในการลงทุนหุ้น ก็ได้รับคำแนะนำจาก ดร.นิเวศน์ ที่ออกมาเตือนนักลงทุน ดร.นิเวศน์เตือนนักลงทุนว่าเหตุการณ์ในไทยยังไม่น่ากลัวพร้อมทั้งลงทุนด้วยบัญชีกู้ยืม หรือบัญชีมาร์จิน ทั้งที่ดร.เคยใช้เงินสด

  • เซียนมี่เกิดกำลังใจในการลงทุนต่อไป
  • ไม่ยอมตัดขาดทุน ด้วยการนำเงินสดที่เหลือ 50% ที่มีอยู่ไปลงทุนต่อ
  • ทำเข้าใจประโยค “ซื้อเมื่อคนอื่นกลัว และขายเมื่อคนอื่นกล้า” ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” อย่างถ่องแท้

จากเหตุการณ์ดังกล่าว เซียนมี่เข้าใจอะไรได้มากขึ้น

  • ช่วงนั้นหุ้นราคาถูก มีให้เลือกเยอะจนไม่รู้จะเลือกลงทุนตัวไหน
  • ต้องเลือกจากการฟังข้อมูลบริษัทก่อน (OPP DAY) เพื่อให้รู้ทั้งธุรกิจเป็นอย่างไร
  • ฟังมุมมองผู้บริหาร จากนั้นเลือกธุรกิจที่เราเข้าใจ
  • ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลนำปัจจัยทุกอย่างมาเรียงอันดับและเริ่มลงทุนตามที่เรียงไว้ไปเรื่อยๆ ทีละ 1-2 บริษัท แต่จะหมุนไปเรื่อยๆ ตามไตรมาส

ในที่สุดปีที่ทุกคนกลัวการลงทุน และอพยพหนีตาย เซียนมี่ ยึดมั่นในคำพูดของดร.นิเวศน์ จนกระทั่งพอร์ตโตสูงถึง 400% ภายในปีเดียว

“หุ้นปั้นพอร์ตโต ปีนั้น 400% คือหุ้น บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ราคาลงไป 2 บาทกว่าซื้อถัวเฉลี่ยเรื่อยๆ ซึ่งลงทุนแล้วต้องติดตามธุรกิจลงลึกไปเรื่อยๆ ว่าชนะคู่แข่งไหม สาขาเป็นอย่างไร เทรนด์ตกแต่งบ้านมันใช่หรือไม่ ถัดมาเป็นหุ้นอสังหาฯ ราคาหุ้นลงมา PE เหลือ 1 เท่า ถ้ากำไรยังเท่าเดิมมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่าตัว”

  • เซียนมี่บอกว่าการลงทุน ไม่ใช่จะชนะตลอด มีแพ้ระหว่างทาง
  • เพราะเน้นเอาหุ้น P/E ต่ำ ROE สูง ตามหนังสือ
  • ปรากฏว่า วิกฤตนี้มองธุรกิจลงทุนปีนี้ไม่ได้ต้องมองปีหน้าไปด้วย ทำให้สรุปได้ว่าการมองอนาคตหุ้นมีระยะเวลา 1-2 ปี
  • มองหุ้น 10 ปียาวเกินไป มองเป็นไตรมสสั้นเกินไปจะพลาดโอกาสทำกำไร
  • ระยะเวลาวิเคราะห์หุ้น 1-2 ปี เป็นช่วงที่ผิดพลาดน้อยที่สุด

เส้นบาง ๆ ระหว่างการไม่ยอมแพ้ กับ ดันทุรัง ให้ถามตัวเองทุกครั้งว่าเรายังมั่นใจกับหุ้นที่เราถืออยู่หรือไม่ ถ้าไม่มั่นใจก็ใจขายทิ้ง ซึ่ง 10 ปี ต่อมา เขาก็กลายเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยระดับพันล้านบาทจากหุ้น นับว่าทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้

แนวคิดการลงทุน

เซียนมี่มีแนวคิดการลงทุนที่เรียบง่าย และวิธีการที่เรียบง่าย ขอแค่คุณเป็นคนที่มีความขยัน มีความอดทน รักในสิ่งที่ทำ ยังคงทำมันอยู่ในทุก ๆ วัน หมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองอยู่เสมอ ก้าวไปข้างหน้าทางความคิดเพราะโลกเปลื่ยนไปในทุกๆวัน

กำไร 26% ต่อปี และ ลงทุนหุ้น 10 เด้ง

กำไร 26% ต่อปี เพราะทุก ๆ 10 ปี เงินจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อรวมกับลงทุนหุ้น 10 เด้ง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ทวีคูณ หุ้น 10 เด้ง คือ หุ้นที่เข้าเกณฑ์ต่อไปนี้

  • หุ้นที่มีโอกาสที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น 10 เท่า
  • หุ้นที่มูลค่าบริษัทจะเติบโตจากจุดเดิม 10 เท่า

หุ้น 10 เด้งดูยังไง

การเลือกหุ้นที่มีโอกาสจะเป็นหุ้น 10 เด้ง เซียนมีได้ให้แนวทางไว้ ดังนี้

  • ในระยะเวลา 3-5 ปี บริษัทมีกำไรโตขึ้นมาก
  • P/E ต่ำ ต้องน้อยกว่า 10
  • หุ้นนอกกระแส หรือเป็นหุ้นที่คนอื่นกลัวแบบไม่มีเหตุผล
  • บริษัทกำลังอยู่ใน Trend ของช่วงนั้น
  • ผู้บริหารเชื่อถือได้
  • ธุรกิจที่เราเข้าใจ สามารถถือหุ้นได้นาน ๆ

ตัดขาดทุนทันทีเมื่อไม่แน่ใจ

จำกัดการขาดทุน ไม่ต้องไปทนรอมันเด้งกลับมา จุด cut lose ที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ คือ จุด 30-50% ของพอร์ต ซึ่งทำให้พอร์ตเสียหายหนักมาก ให้ตัดขาดทุนทันทีเมื่อไม่แน่ใจ อธิบายกับตัวเองให้ได้ว่าเราถือหุ้นตัวนี้อยู่เพราะอะไร ในเมื่อสถานกาณ์ต่าง ๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว

อย่าหวังลม ๆ แล้ง ๆ อย่าหวังกับผู้ชายหรือผูหญิงที่ไม่รักเราแล้ว เราไปใยดียังไงก็ไม่เป็นผล ให้ตัดใจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อเรามองเห็นแล้วว่าโอกาสในการลงทุนจบไปแล้ว เราก็ต้องตัดขาดทุน

มองหุ้นให้เหมือนชีวิตคนที่มีทั้งขาขึ้น ขาลง ธุรกิจก็เช่นกัน
หากเราติดตามสถานะการณ์สำคัญอยู่เสมอ ศึกษามันอย่างเข้าใจ ก็จะช่วยให้เราเข้าไปในจังหวะเหมาะสมที่บริษัทพร้อมที่จะเติบโตและทำกำไรได้

เซียนมี่

อย่าขาดทุน

4 อย่าขาดทุน

เซียนมี่ได้อธิบายถึงการขาดทุนจะสร้างความเสียหายให้พอร์ตลงทุนมหาศาล โดยหากขาดทุน 50% ต้องทำกำไร 100% เพื่อที่จะให้พอร์ตมีเงินเท่าเดิม หากขาดทุน 90% ต้องทำกำไร 900% เพื่อที่จะให้พอร์ตมีเงินเท่าเดิม

เซียนมี่ จำคำสอนของคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่บอกอยู่เสมอถึง กฎ 2 ข้อ

  • ข้อแรก ห้ามขาดทุน
  • ข้อสอง กลับไปดูข้อ 1

ถ้าขาดทุน 10% แล้วตัดขาดทุน แล้วไปเลือกหุ้นตัวใหม่ที่มีอนาคตดีกว่าจะง่ายกว่าการปล่อยให้พอร์ตขาดทุนจำนวนมาก ๆ การขาดทุนเป็นเรื่องใหญ่มาก

อีก 1 คำสอนที่เซียนมี่จดจำขึ้นใจอยู่เสมอ ตลอดระยะเวลาการลงทุน คือ คำสอนของคุณ Dan Sullivan ใจความดังนี้

เปลี่ยนแปลงตัวเองถ้าอยากได้ชีวิตใหม่ คุณต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ ถ้าทำแบบเดิมแล้วหวังให้ชีวิตเปลี่ยนไป มันไม่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้

ทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ

“ฉันจะเลือกหุ้น ฉันจะเลือกให้ถูก ตัวผิดฉันจะรีบปิด ตัวถูกฉันจะถือไว้ ทำกำไร 26%”

เซียนมี่แนะนำให้ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อย่างสม่ำเสมอ อย่าหยุด

ทิวา ชินธาดาพงศ์ ถือหุ้นอะไร

ข้อมูลปี 2565 เซียนมี่ คุณทิวา ชินธาดาพงศ์ ถือหุ้น 5 ตัว และหุ้นที่ได้เงินปันผล TKS สร้างผลตอบแทนให้เป็นเงิน 1.19 ล้านบาท

  • TKS : จำนวน 4,666 พันหุ้น
  • CPW : จำนวน 4,000 พันหุ้น
  • KAMART : จำนวน 6,400 พันหุ้น
  • SPVI : จำนวน 2,022 พันหุ้น
  • VIH : จำนวน 4,537 พันหุ้น

คำแนะนำจากเซียนมี่

เซียนมี่ เป็นนักลงทุนที่สามารถอธิบายกระบวนการคิดและทัศนคติของตนเองออกมาได้อย่างเป็นระบบ เข้าใจง่าย นำไปใช้ได้จริง เซียนมี่เป็นวิทยากร และแขกรับเชิญตามรายการต่าง ๆ มากมาย โดยเซียนมี่มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ดังนี้

  • ศึกษาเรียนรู้เองให้เกิดความชำนาญ
  • อย่าซื้อตามข่าว อย่าสื่อตามสื่อต่าง ๆ
  • การทำธุรกิจในเวลานี้ ซึ่งเป็นโลกทุนนิยมค่อนข้างโหดร้าย
  • บริษัทสร้างใหม่กว่า 90% ตาย ภายใน 5 ปี
  • ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่เลือกบริษัทที่เก่งมาแล้ว เขาจึงเข้ามาในตลาดหุ้นได้
  • เราเทรดหุ้น เราเป็นแค่ผู้เลือก ไม่ต้องเป็นผู้ลงมือทำ
  • เทรดหุ้นเป็นหนึ่งทางเลือกที่บริหารเงินออม ให้เราเกษียณอย่างมีความสุข

ตลาดหุ้นยังคงเป็นโอกาส เหมือนอย่างที่ผ่านมา
เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สำหรับเปลี่ยนชีวิต

เซียนมี่