staking คือ
Staking Crypto คือ กระบวนการล็อคการถือครองเหรียญ cryptocurrency เพื่อรับรางวัลหรือรับดอกเบี้ย ซึ่ง Cryptocurrencies ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี blockchain การทำธุรกรรม crypto ได้รับการตรวจสอบและข้อมูลได้จะถูกเก็บไว้ในระบบ blockchain
- Staking เป็นอีกวิธีหนึ่งในการอธิบายการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมเหล่านั้นบนบล็อคเชน
- กระบวนการตรวจสอบ เรียกว่า การพิสูจน์ความเสี่ยง (proof-of-stake) หรือ การพิสูจน์การทำงาน (proof-of-work)
- ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของสกุลเงินดิจิตอลที่คุณเลือกและเทคโนโลยีที่สนับสนุนเหรียญที่คุณเลือก
- กระบวนการนี้ช่วยให้เครือข่าย crypto บรรลุฉันทามติหรือเป็นการยืนยันว่าข้อมูลธุรกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นทั้งหมดถูกต้อง
- การยืนยันความถูกต้องของการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนบล็อคเชนต้องมีผู้เข้าร่วมพิสูจน์ความถูกต้อง ซึ่งก็คือกระบวนการ Stake นั่นเอง
กระบวนการ Stake
- นักลงทุนจะทำการล็อคเหรียญ crypto ที่ถือครองไว้ในกระเป๋าเงิน crypto
- จำนวนเหรียญที่ล็อคไว้ในกระเป๋า จะขึ้นอยู่กับเหรียญที่นักลงทุนถือครอง โดยแต่ละเหรียญจะกำหนดจำนวนไว้ไม่เท่ากัน และผลตอบแทนก็จะแตกต่างอีกด้วย
- นักลงทุนที่ทำการ Stake มีบทบาทสำคัญในการอนุมัติและตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อคเชน
- นักลงทุนที่ทำการ Stake จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญคริปโตที่ถือครอง โดนรางวัลกำหนดแบบเฉพาะเจาะจงขึ้นอยู่กับเครือข่าย
นักลงทุนอาจเห็นว่า Staking Crypto เป็นประโยชน์ เพราะคล้ายกับการฝากเงินสดในบัญชีออมทรัพย์กับธนาคาร ผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยจากเงินฝากในขณะที่เงินอยู่ในธนาคาร เป็นรางวัลจากธนาคารที่ใช้เงินของคุณเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น การให้กู้ยืม ฯลฯ
วิธีการทำงานของ Crypto Staking
สำหรับนักลงทุน Staking Crypto เป็นกิจกรรมที่เป็น passive income เมื่อนักลงทุน crypto ถือเหรียญ หรือเก็บเหรียญไว้ในกระเป๋าเงิน Crypto
- เครือข่ายสามารถใช้การถือครองเหล่านั้นเพื่อสร้างบล็อกใหม่บน blockchain
- ยิ่งคุณเก็บเหรียญไว้ในกระเป๋า crypto มากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะได้รับการคัดเลือกก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
- ข้อมูลถูก “เขียน” ลงในบล็อกใหม่ และมีการใช้การถือครองของนักลงทุนเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
- เนื่องจากเหรียญมีข้อมูลที่ “นำเข้า” จากบล็อคเชนแล้ว จึงสามารถใช้เป็นเครื่องตรวจสอบความถูกต้องได้
- จากนั้นจะได้รับอนุญาตให้ใช้การถือครองเหรียญเหล่านั้นเป็นตัวตรวจสอบความถูกต้อง เครือข่ายจะให้รางวัลแก่นักลงทุน
ข้อดีและข้อเสียของ Staking
เนื่องจาก Staking เหรียญเป็นรูปแบบการลงทุนแบบ Passive จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การพิจารณาเลือกเหรียญที่คุณต้องการ Stake เป็นสิ่งสำคัญและเกี่ยวข้องกับรางวัลที่คุณจะได้รับ เช่นเดียวกับความผันผวนของเหรียญที่คุณเลือก
ข้อดี
ข้อดีของการ Staking มีดังนี้
- กลุ่ม Stake จะได้รับรางวัลตามสัดส่วนของ Token ที่ลงทุน แม้ว่าปริมาณที่ล็อคเหรียญไว้ในกระเป๋านั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งจำเป็นในการบรรลุสถานะผู้ตรวจสอบความถูกต้องบนบล็อคเชน
- กลุ่ม Stake ให้ทุกคนได้รับรายได้แบบพาสซีฟในขณะที่ถือครองโทเค็น crypto
- หากราคาเหรียญพุ่งสูงขึ้น มูลค่าของสินทรัพย์ในระยะยาวก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
- นักลงทุนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับวิธีการทำงานของ Stake Pool หรือขั้นตอนที่จำเป็นในการตั้งค่าและใช้งานโหนดตรวจสอบความถูกต้อง คือ มันไม่ยุ่งยากใด ๆ
- ตัวดำเนินการ Staking Pool จะทำในนามของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดแทน
- เรื่องง่ายสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่จะทำ Stake Pool เพื่อรับเหรียญเพิ่ม เป็นการลงทุนที่ดี หากเลือกเหรียญที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ สร้างรายได้ให้แบบง่าย ๆ
- รางวัลที่ได้รับจะอยู่ในรูปของ Token เนื่องจากบล็อคเชนจะให้รางวัลแก่ผู้ตรวจสอบความถูกต้อง ด้วยโทเค็นที่สร้างขึ้นใหม่ทุกครั้งที่เพิ่มบล็อกธุรกรรมสำเร็จ
- หมายความว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรมตามสัดส่วนของจำนวนโทเค็นที่ถือครอง และจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อราคาของโทเค็นที่ถือครองเพิ่มขึ้นตามเวลา
ข้อเสีย
แม้จะมีผลตอบแทนที่เป็น Passive Income แต่ก็มีข้อเสีย ดังนี้
- สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณา คือ เหรียญที่เลือกต้องมีกลุ่ม Dev ที่ดี ทำงานของพวกเขาโดยไม่มีเจตนาร้ายใดๆ ไม่อย่างนั้นนักลงทุนอาจเสียเงินทุนทั้งหมด
- สมมติว่าบล็อกถูกสร้างขึ้นด้วยธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือมีการฉ้อโกง เครือข่ายบล็อคเชนอาจเผาเหรียญที่คุณถือครอง และส่งผลให้คุณสูญเสียเงินจาก crypto ไปพร้อมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ
- เมื่อนักลงทุนตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่ม Stake Pool เหรียญจะถูกล็อคในที่อยู่บล็อกเชนเฉพาะหรืออยู่กับบุคคลที่สาม ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถควบคุม Token ที่ล็อกไว้ได้โดยตรง
- มันจะดีกว่าที่จะเลือกกลุ่ม Stake ที่อนุญาตให้นักลงทุนมีส่วนร่วมในกระบวน Stake ในขณะที่ยังคงถือครองเหรียญไว้ในกระเป๋าเงินเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
- การจ่ายรางวัลทุกครั้งจะถูกแบ่งกับผู้เข้าร่วมจำนวนมาก หลังจากหักค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มและอัตราค่าคอมมิชชันแล้ว เหรียญที่ได้รับจะลดลงอีก
- สำหรับ ETH การเป็น Proof of Stake ของแต่ละคนจะได้รับ APY 6% การลงทุนในกลุ่ม Stake ของ crypto สามารถได้รับ APY ที่ต่ำกว่าประมาณ 5% ในกรณีที่ดีที่สุด
Staking เหรียญ ไหนดี
การดำเนินการ Stake ของ crypto นั้น นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบครอบก่อนตัดสินใจลงทุนสิ่งสำคัญคือต้องเลือกกลุ่ม Stake อย่างชาญฉลาด เนื่องจาก Token ที่ล็อกไว้ทำหน้าที่เป็นหลักประกันบน Block Chain
เหรียญยอดนิยมในการทำ Staking
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวความคิด Proof of Stake (POS) ยังค่อนข้างใหม่และตัวเลือกสำหรับ Staking เหรียญมีน้อย ปัจจุบันเหรียญที่ใช้ระบบ PoS มีจำนวนมากขึ้น และ Exchange บางรายทำให้การ Staking crypto ได้ง่ายและสะดวกสบายกว่าที่ผ่านมา
น้องเป็ดขอยกตัวอย่างเหรียญยอดนิยม 5 อันดับ ในการทำ Staking พร้อมกับผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี ซึ่งแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนสกุลเงินดิจิตอลที่ล็อกไว้ในกระเป๋า
- Ethereum (ETH)
Ethereum (ETH) ได้กลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยม Staking มากที่สุดในตลาด การ Stake Ethereum ใช้เหรียญในการดำเนินการขั้นต่ำ 32 ETH รางวัลแตกต่างกันไป อัตราผลตอบแทนจาก Staking Ethereum จะอยู่ที่ประมาณ 5-17% ต่อปี
- EOS
EOS นั้นคล้ายกับ Ethereum ที่ใช้เพื่อสนับสนุนโปรแกรม decentralized เหรียญ EOS นั้นมาจาก EOS blockchain และเช่นเดียวกับ cryptos อื่น ๆ สามารถ Staking เพื่อรับรางวัลได้ เริ่มต้นแต่ปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนใน EOS อยู่ที่ประมาณ 3.2% ต่อปี
- Tezos (XTZ)
Tezos (XTZ) ก็เหมือนกับ EOS และ Ethereum เป็นเครือข่ายบล็อกเชนแบบ open-source ที่มีสกุลเงินเป็นของตัวเอง โดยมีสัญลักษณ์ XTZ และสามารถ Staking บนแพลตฟอร์มและเครือข่ายบางอย่างได้เช่นกัน อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังในปัจจุบันสำหรับ Tezos อยู่ที่ประมาณ 6% ต่อปี
- Cosmos (ATOM)
Cosmos (ATOM) เรียกตัวเองว่า “อินเทอร์เน็ตของบล็อคเชน” ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังโครงการนี้หวังที่จะนำบล็อคเชนต่างๆ มารวมกัน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมร่วมกันได้ แนวคิดนี้เรียกว่า Coinbase, Binance และ Kraken รองรับการ Stake ของ ATOM ให้ผลตอบแทนประมาณ 7% ต่อปี
- Cardano (ADA)
Cardano เป็นแพลตฟอร์มแบบหลายชั้น โดยชั้นหนึ่งสำหรับการทำธุรกรรมของเหรียญ ADA และอีกชั้นหนึ่งสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน decentralized (dApps) ซึ่ง Binance รองรับ Staking ADA โดยให้ผลตอบแทนสูงถึง 24% ต่อปี
ผลตอบแทน Staking ดีไหม
ผลตอบแทน Staking ดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับการฝากเงินไว้ในธนาคาร อย่างน้อยผลตอบแทนต่อปีก็มากกว่า แต่จะมากกว่าขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับเหรียญที่คุณเลือก Staking หากเลือกเหรียญที่มีความมั่นคง ปลอดภัย ทีมงานไม่ทิ้งเหรียญและมีการส่งเสริมระบบนิเวศน์เพื่อการใช้งานก็จะดีมาก ๆ
ผลตอบแทน Staing จะอยู่ที่ประมาณ 3-30% ต่อปี ขึ้นอยู่กับเหรียญที่คุณเลือก Staking เป็นรายได้แบบ Passing Income เงินเข้าตลอด แม้ขณะที่คุณนอนหลับ ถือเป็นการลงทุนง่าย ๆ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ศึกษาและเลือกให้ดีตั้งแต่แรกก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ที่เหลือก็ให้เงินทำงาน
วิธี Stake เหรียญ
ก่อนทำการ Staking นักลงทุนต้องเลือกเหรียญและเลือกว่าจะ Stake ที่ไหน เช่น การ Staking บน Binance เป็นต้น ซึ่งวิธี Stake เหรียญโดยทั่วไป มี 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1
ขั้นตอนแรก เลือกเหรียญเพื่อเริ่มต้น Staking cryptocurrency อย่างอิสระ นักลงทุนจะต้องตัดสินใจว่าต้องการ Stake เหรียญใด Stake ที่ไหน จากนั้นซื้อเหรียญที่เลือก
ขั้นตอนที่ 2
ขั้นตอนที่สอง ศึกษาว่าเหรียญที่เราต้องการ Stake ใช้เหรียญขั้นต่ำจำนวนเท่าไหร่ เช่น เหรียญ ETH ต้องการเหรียญขั้นต่ำ 32 ETH มูลค่าประมาณ 60,000 บาท ในวันที่เขียนบทความนี้ ซึ่งเป็นเงินเริ่มต้นที่คุณต้องใช้ในการลงทุน
ขั้นตอนที่ 3
ขั้นตอนที่สาม ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Wallet สำหรับเหรียญที่ต้องการ เลือกและดาวน์โหลด Wallet เพื่อเก็บเหรียญของคุณสำหรับการ Stake นั่นอาจหมายถึงการไปที่เว็บไซต์หลักของ crypto โดยตรงและดาวน์โหลด Wallet ที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 4
ขั้นตอนที่สี่ ค้นหาฮาร์ดแวร์ที่จะใช้ ในการ Stake crypto นักลงทุนจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง คอมพิวเตอร์ควรทำงานได้ดี ถึงแม้ Raspberry Pi อาจช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้
ขั้นตอนที่ 5
ขั้นตอนที่ห้า เริ่มการ Staking หลังจากดาว์นโหลด Wallet แล้ว และเลือก Hardware แล้ว นักลงทุนก็สามารถ Staking เหรียญได้เลย
สรุป
Staking เหรียญเป็นวิธีการสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน หากเลือกเหรียญที่ดี ความน่าเชื่อถือสูง ๆ ก็มีโอกาสได้กำไรจากราคาเหรียญอีกเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับนักลงทุนที่ถือ Crypto ที่เหมาะสมใน Wallet ของ Exchange นักลงทุนไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ โดย Exchange จะเป็นผู้จัดการหลักทั้งหมดที่แบ็กเอนด์ นักลงทุนเพียงแค่ถือ Crypto ไว้ใน Wallet ของพวกเขาเท่านั้น