KYC คือ อะไร ขั้นตอน kyc คือ ต้องทำอย่างไร ทั้ง Binance และ bitkub

KYC คือ

KYC คือ อะไร

KYC คือ การยืนยันตัวตนทางอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกในตลาด Cryptocurrency เพื่อยืนยันความปลอดภัยของธุรกรรมว่ามาจากลูกค้าที่สามารถตรวจสอบได้ ในปัจจุบัน KYCได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค Digital ทำให้การยืนยันตัวตนเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง ในโลกออนไลน์ โดยส่วนมากจะเป็นการดำเนินธุรกรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น ธุรกรรมการเงิน

KYCย่อมาจาก Know Your Customer หรือ การที่ผู้ให้บริการธุรกิจรุ้จักลูกค้าของตนเองว่าเป็นใคร หน้าตาอย่างไรมีการเก็บหลักฐานไว้

การยืนยันธุรกรรม การเทรด Cryptocurrency เป็นที่รู้จักและพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก Cryptocurrency ถูกพูดถึงว่า เป็นธุรกรรมที่มีความโปร่งใส ด้านการไม่ถูกแทรกแซงจากหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง

เป็นอิสระจากรัฐบาลทุกรัฐบาล ทุกคนสามารถสร้างความปลอดภัยจากการโอนเงินผ่าน Crypto currency

KYCในโบรกเกอร์ Binance

อย่างไรก็ตาม เมื่อ Cryptocurrency ไม่สามารถติดตามได้ว่า ต้นตอของเงินนั้นมาจากใคร มันทำให้ทุกคนเริ่มพูดถึงความปลอดภัย และการหวาดระแวงเรื่องการฟอกเงิน เช่น การถูกจารกรรม หรือ แฮกบิตคอย ทำให้สูญเงินมหาศาล และเพื่อให้เกิดการติดตามได้ว่าใครเป็นผู้แฮ็ก จึงมีการยืนยันตัวตนเกิดขึ้น

การใช้งาน KYC ในตลาดต่าง ๆ

ปัจจุบันมีการใช้งาน KYC ในหลายตลาดจะมีการยืนยันในการเปิดบัญชี ทั้งตลาด Forex ตลาด Crypto เช่นในโบรกเกอร์ Bitkub ทั้ง Exness และ KYC เป็นการยืนยันตัวตนระดับ 3 นั่นคือผ่านการยืนยันมือถือ ผ่านการยืนยัน email มาแล้ว นอกจากนี้ kyc ยังใช้ในการยืนยันตัวตนกับธนาคารเพื่อทำการเปิดบัญชีอีกด้วย

ประเด็นการป้องกันการฟอกเงิน

การโอน หรือทำธุรกรรมในตลาด Cryptocurrency ทำได้ง่ายและไม่รู้ที่มา ต้นสายการโอน ทำให้การโอนจึงเป็นประโยชน์ต่อมิจฉาชีพในการทำธุรกรรมโดยไม่สามารถระบุที่มาได้ การกระทำดังกล่าวทำให้ จึงมีข้อตกลงระหว่าง Crypto Exchange ที่จะต้องให้ลูกค้ายินยอมในการทำธุรกรรมนั้นจะต้องยืนยันตัวตนก่อน

ขั้นตอน kyc ต้องทำอย่างไร

ภายหลังการยืนยัน ตัวตนได้มีการนำรูปถ่ายพร้อมกับ ยืนยันการเขียนตัวอักษรดังกล่าวในการยืนยันตัวตนในการสมัครธุรกรรม ในประเทศไทยอาจจะมีการถือบัตรประชาชนตัวเองพร้อมถ่ายรูปและเขียนเอกสารกำกับอย่างชัดเจนว่าทำการยืนยันตัวตนวันที่อะไร ดังรูปที่ปรากฏ

เอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตน

การยืนยันตัวตนเริ่มเป็นที่นิยม และมีการใช้เอกสารรูปแบบต่าง ๆ จากเดิมที่มีการยืนยันตัวตนโดยสำเนาทะเบียนบ้าน และ บัตรประชาชนเพียงอย่างเดียว จะมีการถ่ายรูปขณะที่มีการยืนยันตัวตนด้วย โดยเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนส่วนใหญ่มีดังนี้

  • บัตรประชาชน และ การเทียบตัวเลขหลังบัตรประชาชน
  • บัตรประชาชน กับ รูปถ่ายปัจจุบันและสำเนาทะเบียนบ้าน
  • บัตรประชาชน พร้อมกับเขียน ลายเซ็นต์และวันที่ทำการถ่ายรูปเพื่อยืนยันตัวตน
  • บัตรประชาชน โดยยืนยันผ่านกล้องถ่ายรูปบันทึกเป็นวีดีโอ

การยืนยันบัตรประชาชน ยืนยันผ่านกล้องวีดีโอ เป็นการใช้โปรแกรมประมวลผลใบหน้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอัจริยะ หรือ AI ใช้ในการประมวลผล ทำให้มีความปลอดภัยในการปลอมแปลงตัวตน ดีกว่าการยืนยันตัวตนเพียงแค่ส่งภาพบัตรประชาชน เพราะสามารถขโมยบัตรประชาชนมาใช้ได้

การยืนยันตัวตนกับตลาด Forex

ปัจจุบัน ตลาด Forex เริ่มให้ความสำคัญกับการยืนยันตัวตนมาก โบรกเกอร์ Forex ที่มีการยืนยันตัวตนดีมากโบรกเกอร์หนึ่งคือ XTB ซึ่งใช้ระบบกล้องวีดีโอในการยืนยันตัวตน ขณะที่โบรกเกอร์อื่น ใช้การยืนยันตัวตนแบบ Google Authenticator หรือที่เรียกว่า 2FA เพื่อเป็นระบบความปลอดภัยป้องกันการถูกแฮ็ค

ปัจจุบันหลายโบรกเกอร์เริ่มนำการยืนยันตัวตนผ่านใบหน้า ขึ้นมาใช้ ไม่ใช่เพียงแค่การส่งบัตรประชาชนแล้วยืนยันตัวตน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยืนยันความโปร่งใสของธุรกิจขึ้นมามาก

สรุป

การยืนยันตัวตน หรือ KYCเป็นการป้องกันการทุจริต ป้องกันรักษาความปลอดภัยของธุรกรรมออนไลน์โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเงิน นำมาใช้ครั้งแรกกับตลาด Cryptocurrency โดยปัจจุบันมีการยืนยันตัวตนหลายรูปแบบ ทั้ง การยืนยันผ่านบัตรประชาชน ผ่านกล้อง พร้อมกับถือลายเซ็นต์และลงวันที่ การยืนยันผ่านกล้องวีดีโอด้วยระบบ AI การยืนยันผ่านเลขประจำตัวประชาชน และเลขหลังบัตร