อารมณ์และการควบคุมตนเองในการเทรด

IUX Markets Bonus

อารมณ์และการควบคุมตนเองในการเทรด

การเทรดในตลาดการเงินไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่การวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้กลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาและการจัดการอารมณ์อย่างมาก นักเทรดที่ประสบความสำเร็จต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และรักษาสติในสถานการณ์ต่างๆ บทความนี้จะอธิบายถึงผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจในการเทรด และนำเสนอเทคนิคการควบคุมอารมณ์ที่มือใหม่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างละเอียด

ผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจ

อารมณ์มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับความผันผวนของตลาด ต่อไปนี้คืออารมณ์หลักๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ:

อารมณ์กับการเทรด
อารมณ์กับการเทรด

1. ความกลัวและความโลภ

ความกลัวและความโลภเป็นอารมณ์พื้นฐานที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการเทรด:

ความกลัว:

  • ผลกระทบ: อาจทำให้นักเทรดปิดกำไรเร็วเกินไป หรือไม่กล้าเปิดสถานะเมื่อมีโอกาสที่ดี เพราะกลัวการขาดทุน
  • สาเหตุ: มักเกิดจากประสบการณ์การขาดทุนในอดีต หรือความไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง
  • ผลลัพธ์: การพลาดโอกาสในการทำกำไร หรือการทำกำไรได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ความโลภ:

  • ผลกระทบ: อาจทำให้นักเทรดถือสถานะนานเกินไปเพื่อหวังกำไรมากขึ้น หรือเปิดสถานะใหญ่เกินไปโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง
  • สาเหตุ: มักเกิดจากความต้องการที่จะทำกำไรให้ได้มากที่สุดในเวลาอันสั้น หรือความรู้สึกว่าตนเองกำลัง “เล่นถูก”
  • ผลลัพธ์: การขาดทุนอย่างรุนแรงเมื่อตลาดกลับทิศทาง หรือการสูญเสียกำไรที่มีอยู่

ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่กลัวการขาดทุนอาจปิดกำไรที่ 10 pips ทั้งที่เป้าหมายคือ 50 pips เพราะกลัวว่าราคาจะกลับทิศทาง ทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรที่มากกว่า

ตัวอย่างที่ 2: นักเทรดที่โลภอาจไม่ทำกำไรที่ 50 pips ตามแผน แต่หวังว่าราคาจะขึ้นไปอีก จนสุดท้ายราคากลับทิศทางและกำไรกลายเป็นขาดทุน

การจัดการ:

  • ตั้งเป้าหมายกำไรและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนก่อนเข้าเทรด และยึดมั่นในแผน
  • ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ แทนที่จะใช้อารมณ์
  • ฝึกการยอมรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาด

2. ความหงุดหงิดและความโกรธ

HFM Market Promotion

เมื่อเผชิญกับการขาดทุนหรือพลาดโอกาสในการทำกำไร นักเทรดอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธ ซึ่งอาจนำไปสู่:

  • การเทรดแบบแก้แค้น (Revenge Trading): การพยายามเอาคืนตลาดด้วยการเปิดสถานะที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่มีการวิเคราะห์ที่เหมาะสม
  • การเพิ่มขนาดการเทรดโดยไม่มีเหตุผล: การเพิ่มขนาดการเทรดเพื่อ “ทวงคืน” การขาดทุนอย่างรวดเร็ว
  • การละเลยแผนการเทรดและกฎการบริหารความเสี่ยง: การตัดสินใจด้วยอารมณ์แทนที่จะยึดตามแผนที่วางไว้

ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่เพิ่งขาดทุนจากการเทรด EUR/USD อาจรู้สึกโกรธและเปิดสถานะใหญ่กว่าปกติในคู่เงิน GBP/USD โดยไม่ได้วิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพียงเพื่อ “เอาคืน” จากการขาดทุนครั้งก่อน

ตัวอย่างที่ 2: หลังจากพลาดโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน นักเทรดอาจรู้สึกหงุดหงิดและเปิดสถานะในทองคำทันทีโดยไม่ได้วิเคราะห์ตลาดอย่างเพียงพอ

การจัดการ:

  • ตั้งกฎให้ตัวเองว่าจะไม่เทรดเมื่อรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด
  • ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือการเดินออกจากหน้าจอเพื่อ “เย็นลง”
  • ทบทวนและวิเคราะห์การขาดทุนอย่างมีเหตุผล เพื่อหาบทเรียนและโอกาสในการปรับปรุง

3. ความวิตกกังวลและความไม่มั่นใจ

ความวิตกกังวลและความไม่มั่นใจสามารถทำให้นักเทรด:

  • ลังเลในการเปิดหรือปิดสถานะ: แม้ว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจน นักเทรดอาจไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวว่าจะผิดพลาด
  • เปลี่ยนแปลงแผนการเทรดบ่อยเกินไป: การไม่มั่นใจในกลยุทธ์ของตนเองอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแผนบ่อยๆ ซึ่งทำให้ขาดความสม่ำเสมอ
  • ไม่สามารถทำตามระบบการเทรดของตนเองได้อย่างสม่ำเสมอ: ความกังวลอาจทำให้นักเทรดละเลยสัญญาณการเข้าเทรดที่ดี หรือปิดสถานะเร็วเกินไปเพราะกลัวการขาดทุน

ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่วิตกกังวลอาจเห็นสัญญาณการเข้าซื้อที่ดีในกราฟ 4 ชั่วโมงของ USD/JPY แต่ลังเลจนกระทั่งราคาเคลื่อนที่ไปไกลเกินกว่าจุดเข้าซื้อที่เหมาะสม ทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร

ตัวอย่างที่ 2: นักเทรดที่ไม่มั่นใจอาจเปลี่ยนกลยุทธ์การเทรดทุกสัปดาห์ เพราะรู้สึกว่ากลยุทธ์ปัจจุบันไม่ดีพอ ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทดสอบและปรับปรุงกลยุทธ์ใดๆ อย่างจริงจัง

การจัดการ:

  • พัฒนาความรู้และทักษะในการวิเคราะห์ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจ
  • ทดสอบกลยุทธ์การเทรดในบัญชีทดลองก่อนใช้จริง เพื่อสร้างความมั่นใจในระบบ
  • ตั้งเป้าหมายการเทรดที่เป็นไปได้และวัดผลในระยะยาว แทนที่จะกังวลกับผลการเทรดแต่ละครั้ง

4. ความยินดีและความผิดหวัง

อารมณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากการเทรดที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว:

ความยินดี:

  • ผลกระทบ: หลังจากทำกำไรได้มาก อาจนำไปสู่ความประมาทและการเสี่ยงมากเกินไปในการเทรดครั้งต่อไป
  • สาเหตุ: ความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถพิเศษในการคาดการณ์ตลาด หรือความเชื่อว่า “โชคกำลังเข้าข้าง”
  • ผลลัพธ์: การตัดสินใจเทรดที่มีความเสี่ยงสูงเกินไป หรือการละเลยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ

ความผิดหวัง:

  • ผลกระทบ: หลังจากขาดทุน อาจทำให้ขาดความมั่นใจและไม่กล้าเปิดสถานะในโอกาสที่ดี
  • สาเหตุ: ความรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถเพียงพอ หรือความเชื่อว่าตลาดเป็นปฏิปักษ์กับตน
  • ผลลัพธ์: การพลาดโอกาสในการทำกำไร หรือการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์โดยไม่จำเป็น

ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่เพิ่งทำกำไรได้มากจาก Bitcoin อาจรู้สึกมั่นใจมากเกินไปและลงทุนเงินจำนวนมากใน altcoin ที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่ได้วิเคราะห์อย่างรอบคอบ นำไปสู่การขาดทุนอย่างหนัก

ตัวอย่างที่ 2: หลังจากขาดทุนจากการเทรด EUR/USD นักเทรดอาจรู้สึกผิดหวังและไม่กล้าเปิดสถานะในคู่เงินนี้อีก แม้ว่าจะมีโอกาสที่ดีในการทำกำไร ทำให้พลาดโอกาสในการฟื้นฟูพอร์ต

การจัดการ:

  • มองการเทรดเป็นกระบวนการระยะยาว ไม่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของการเทรดแต่ละครั้งมากเกินไป
  • รักษาความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตามแผนการเทรด ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
  • ใช้การจดบันทึกการเทรดเพื่อวิเคราะห์ผลการเทรดอย่างเป็นกลาง แทนที่จะใช้อารมณ์ตัดสิน

เทคนิคการควบคุมอารมณ์ในขณะเทรด

การควบคุมอารมณ์เป็นทักษะสำคัญที่นักเทรดต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือเทคนิคที่จะช่วยให้คุณจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้นในขณะเทรด:

เทคนิคควบคุมอารมณ์ในขณะเทรด
เทคนิคควบคุมอารมณ์ในขณะเทรด

1. สร้างและปฏิบัติตามแผนการเทรด

การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์:

  • กำหนดกลยุทธ์การเข้าและออกจากตลาดที่ชัดเจน: ระบุเงื่อนไขที่จะทำให้คุณเปิดและปิดสถานะอย่างละเอียด
  • ตั้งเป้าหมายกำไรและจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ล่วงหน้า: กำหนดระดับ Take Profit และ Stop Loss ก่อนเปิดสถานะเสมอ
  • ระบุขนาดการเทรดและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม: กำหนดเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่จะเสี่ยงในแต่ละการเทรด

ตัวอย่างแผนการเทรดที่ละเอียด:

  1. เทรดเฉพาะคู่เงินหลัก (EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
  2. ใช้การตัดกันของ Moving Average 50 และ 200 เป็นสัญญาณเข้าเทรด
  3. ยืนยันสัญญาณด้วย RSI (ต้องอยู่เหนือ 50 สำหรับสถานะ Long และต่ำกว่า 50 สำหรับสถานะ Short)
  4. ตั้ง Stop Loss ที่ 1.5 เท่าของ Average True Range (ATR)
  5. ตั้ง Take Profit ที่ 2 เท่าของระยะทางจากจุดเข้าถึง Stop Loss
  6. เสี่ยงไม่เกิน 1% ของเงินทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  7. ไม่เทรดในวันประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ

การปฏิบัติ:

  • เขียนแผนการเทรดลงบนกระดาษและติดไว้ใกล้ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์
  • ทบทวนแผนก่อนเริ่มเทรดทุกครั้ง
  • ประเมินการเทรดของคุณเทียบกับแผนเป็นประจำ เพื่อดูว่าคุณปฏิบัติตามแผนได้ดีเพียงใด

2. ฝึกสติและการหายใจ

การฝึกสติและเทคนิคการหายใจจะช่วยให้คุณรักษาความสงบและมีสมาธิในขณะเทรด:

  • การหายใจลึกๆ ช้าๆ: ฝึกการหายใจเข้าลึกๆ นับ 1-4 และหายใจออกช้าๆ นับ 1-4 ทำซ้ำ 5-10 ครั้งเมื่อรู้สึกเครียดหรือกดดัน
  • การทำสมาธิสั้นๆ: ใช้เวลา 5-10 นาทีก่อนเริ่มเทรดในการนั่งสมาธิ โฟกัสที่ลมหายใจและปล่อยวางความคิดที่เข้ามา
  • การตระหนักรู้ถึงอารมณ์: ฝึกสังเกตอารมณ์ของตนเองโดยไม่ตัดสิน เพียงแค่รับรู้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร

เทคนิคการฝึกสติในขณะเทรด:

  1. ตั้งนาฬิกาเตือนทุก 30 นาที
  2. เมื่อได้ยินเสียงเตือน หยุดและหายใจลึกๆ 3 ครั้ง
  3. สำรวจความรู้สึกและอารมณ์ของตนเองในขณะนั้น
  4. ถามตัวเองว่ากำลังปฏิบัติตามแผนการเทรดหรือไม่
  5. ปรับสภาวะจิตใจให้กลับสู่ความสงบก่อนดำเนินการต่อ

3. จดบันทึกการเทรดและวิเคราะห์อารมณ์

การจดบันทึกการเทรดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นจะช่วยให้คุณเข้าใจรูปแบบทางอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น:

  • บันทึกอารมณ์ก่อน ระหว่าง และหลังการเทรดแต่ละครั้ง: ใช้สเกล 1-10 เพื่อประเมินระดับอารมณ์ต่างๆ เช่น ความกลัว ความโลภ ความมั่นใจ
  • วิเคราะห์ว่าอารมณ์ใดส่งผลต่อการตัดสินใจของคุณ: สังเกตว่าอารมณ์ไหนทำให้คุณละเมิดแผนการเทรดบ่อยที่สุด
  • ระบุจุดแข็งและจุดอ่อนทางอารมณ์ของคุณเพื่อปรับปรุง: เช่น หากพบว่าคุณมักจะปิดกำไรเร็วเกินไปเมื่อรู้สึกกลัว ให้ฝึกการอดทนและยึดมั่นในแผน

4. พักและผ่อนคลาย

การพักและผ่อนคลายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสมดุลทางอารมณ์:

  • กำหนดเวลาพักระหว่างการเทรดอย่างสม่ำเสมอ: เช่น พัก 10 นาทีทุก 2 ชั่วโมง หรือเดินออกจากหน้าจอหลังจากปิดการเทรดแต่ละครั้ง
  • หากรู้สึกเหนื่อยล้าหรืออารมณ์แปรปรวน ให้หยุดเทรดและพักผ่อน: ตั้งกฎให้ตัวเองว่าจะหยุดเทรดหากขาดทุนติดต่อกัน 3 ครั้ง หรือหากรู้สึกโกรธ/หงุดหงิด
  • มีกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการเทรดเพื่อผ่อนคลายความเครียด: เช่น ออกกำลังกาย, อ่านหนังสือ, หรือทำงานอดิเรก

กิจกรรมผ่อนคลายระหว่างวันเทรด:

  1. เดินเล่นสั้นๆ 5-10 นาทีรอบบ้านหรือออฟฟิศ
  2. ทำการยืดเหยียดร่างกายง่ายๆ บนเก้าอี้
  3. ฟังเพลงผ่อนคลาย 1-2 เพลง
  4. ทำเทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบก้าวหน้า (Progressive Muscle Relaxation)
  5. จิบน้ำหรือชาอุ่นๆ ช้าๆ โดยโฟกัสที่รสชาติและความรู้สึก

5. ฝึกฝนการจำลองสถานการณ์

การฝึกฝนผ่านการจำลองสถานการณ์จะช่วยเตรียมความพร้อมทางอารมณ์สำหรับสถานการณ์จริง:

  • ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account): ฝึกการจัดการอารมณ์โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน ทำเหมือนกับว่าคุณกำลังเทรดด้วยเงินจริง
  • จำลองสถานการณ์ที่ท้าทายทางอารมณ์: เช่น การขาดทุนติดต่อกันหลายครั้ง, การพลาดโอกาสทำกำไรครั้งใหญ่, หรือการเผชิญกับความผันผวนสูงของตลาด
  • ฝึกการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างมีสติและเป็นระบบ: กำหนดขั้นตอนการจัดการกับแต่ละสถานการณ์และฝึกปฏิบัติซ้ำๆ

ตัวอย่างการฝึกจำลองสถานการณ์:

  1. ตั้งบัญชีทดลองด้วยเงิน $10,000
  2. เทรดตามแผนปกติเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  3. ในสัปดาห์ที่ 2 จำลองสถานการณ์ขาดทุน 5 ครั้งติดต่อกัน
  4. สังเกตและบันทึกอารมณ์และการตัดสินใจของคุณในแต่ละการเทรด
  5. ในสัปดาห์ที่ 3 จำลองสถานการณ์ตลาดผันผวนสูงด้วยการเพิ่มความเคลื่อนไหวของราคา 2 เท่า
  6. วิเคราะห์ว่าคุณสามารถรักษาวินัยในการปฏิบัติตามแผนได้ดีเพียงใดในแต่ละสถานการณ์

6. พัฒนาความมั่นใจผ่านการศึกษาและฝึกฝน

ความมั่นใจที่มาจากความรู้และประสบการณ์จะช่วยลดความกลัวและความวิตกกังวล:

  • ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดและเครื่องมือการเทรดอย่างต่อเนื่อง: กำหนดเวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
  • ฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์การเทรดอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ข้อมูลย้อนหลังเพื่อทดสอบกลยุทธ์ของคุณในสภาวะตลาดต่างๆ
  • วิเคราะห์ผลการเทรดของตนเองเพื่อปรับปรุงและพัฒนา: ทบทวนบันทึกการเทรดเป็นประจำเพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง

แผนการพัฒนาความรู้:

  1. อ่านหนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค 1 เล่มต่อเดือน
  2. เข้าร่วมเวบินาร์หรือคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับการเทรด 1 ครั้งต่อไตรมาส
  3. ฝึกการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ใหม่ๆ ในบัญชีทดลองอย่างน้อย 1 เดือนก่อนนำมาใช้จริง
  4. จัดทำสรุปบทเรียนและความรู้ใหม่ที่ได้รับทุกสัปดาห์

7. สร้างระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด

การมีระบบจัดการความเสี่ยงที่ดีจะช่วยลดความกังวลและความกลัวในการเทรด:

  • กำหนดเปอร์เซ็นต์การเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง: เช่น ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุน
  • ใช้ Stop Loss ทุกครั้งและไม่ปรับเปลี่ยนระหว่างการเทรด: ตั้ง Stop Loss ที่จุดที่สมเหตุสมผลทางเทคนิค ไม่ใช่ตามความรู้สึก
  • กำหนดจำนวนการขาดทุนสูงสุดต่อวันหรือต่อสัปดาห์: เช่น หยุดเทรดหากขาดทุนเกิน 5% ของพอร์ตในหนึ่งสัปดาห์

ตัวอย่างระบบการจัดการความเสี่ยง:

  • เงินทุน: $10,000
  • ความเสี่ยงต่อการเทรด: 1% = $100
  • Stop Loss: 50 pips
  • ขนาดสถานะสูงสุด: 2 mini lots (20,000 หน่วย)
  • การขาดทุนสูงสุดต่อวัน: 3% = $300
  • การขาดทุนสูงสุดต่อสัปดาห์: 5% = $500

8. ฝึกการยอมรับความไม่แน่นอนของตลาด

การยอมรับว่าตลาดมีความไม่แน่นอนจะช่วยลดความเครียดและความกดดัน:

  • เข้าใจว่าไม่มีใครสามารถคาดการณ์ตลาดได้ 100%: ยอมรับว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเทรด
  • มองการขาดทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ: เปรียบเทียบการขาดทุนกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจทั่วไป
  • เน้นที่กระบวนการและการปฏิบัติตามแผน มากกว่าผลลัพธ์ในระยะสั้น: ประเมินความสำเร็จจากการปฏิบัติตามแผน ไม่ใช่จากกำไรหรือขาดทุนในแต่ละการเทรด

เทคนิคการฝึกยอมรับความไม่แน่นอน:

  1. เขียนคำยืนยันเชิงบวก เช่น “ฉันยอมรับว่าทุกการเทรดมีโอกาสขาดทุน และฉันพร้อมรับมือกับมัน”
  2. ทบทวนประวัติการเทรดของคุณเพื่อดูว่าการขาดทุนเป็นเรื่องปกติแค่ไหน
  3. ศึกษาประวัติของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ และดูว่าพวกเขาเผชิญกับการขาดทุนอย่างไร
  4. ฝึกการมองภาพรวมของผลการเทรดในระยะยาว แทนที่จะจดจ่อกับผลลัพธ์ของแต่ละการเทรด

สรุป

การควบคุมอารมณ์ในการเทรดเป็นทักษะสำคัญที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเข้าใจผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจและการใช้เทคนิคต่างๆ ในการควบคุมอารมณ์จะช่วยให้นักเทรดสามารถรักษาความสงบและมีเหตุผลในการเทรดได้ดีขึ้น

จำไว้ว่า ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการไม่มีอารมณ์ แต่อยู่ที่การรู้จักจัดการและควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้ การพัฒนาทักษะนี้ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรดในระยะยาว

คำแนะนำสุดท้าย:

  1. เริ่มต้นด้วยการสร้างความตระหนักรู้ในอารมณ์ของตนเอง
  2. พัฒนาและยึดมั่นในแผนการเทรดที่ชัดเจน
  3. ฝึกฝนเทคนิคการควบคุมอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ
  4. ใช้การจดบันทึกและวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง
  5. อย่าลืมว่าการเทรดเป็นมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น ดังนั้นจงอดทนและให้เวลากับตัวเองในการพัฒนา

อ้างอิง

  1. Steenbarger, B. N. (2002). The Psychology of Trading: Tools and Techniques for Minding the Markets. John Wiley & Sons.
  2. Douglas, M. (2000). Trading in the Zone: Master the Market with Confidence, Discipline, and a Winning Attitude. New York Institute of Finance.
  3. Shull, D. (2012). Market Mind Games: A Radical Psychology of Investing, Trading and Risk. McGraw-Hill Education.
  4. Murphy, J. J. (2021). Trading with Emotion for Maximum Profit: A Hidden Secret to Trading Success. Independently published.
  5. Elder, A. (1993). Trading for a Living: Psychology, Trading Tactics, Money Management. John Wiley & Sons.
  6. Damasio, A. R. (1994). Descartes' Error: Emotion, Reason, and the Human Brain. Putnam Publishing.
  7. Kahneman, D. (2011). Thinking, Fast and Slow. Farrar, Straus and Giroux.
  8. Tharp, V. K. (2012). Trading Beyond the Matrix: The Red Pill for Traders and Investors. John Wiley & Sons.
  9. Koppel, R. (2011). The Intuitive Trader: Developing Your Inner Trading Wisdom. John Wiley & Sons.
  10. Peterson, R. L. (2007). Inside the Investor's Brain: The Power of Mind Over Money. John Wiley & Sons.
  11. Schwager, J. D. (2012). Market Wizards: Interviews with Top Traders. John Wiley & Sons.
  12. Faith, C. M. (2007). Way of the Turtle: The Secret Methods that Turned Ordinary People into Legendary Traders. McGraw-Hill Education.
FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion