Leverage คือ อะไร ตลาด forex Leverage 1:100 หมายความว่ายังไง

Leverage คือ

Leverage คือ ตัวช่วยที่จะทำให้เทรดเดอร์ซื้อขายได้ด้วยจำนวนเงินมากกว่าเงินที่ฝากเข้า ส่วนมาก Leverage จะใช้กับตลาดที่มีมูลค่าสัญญาสูง โดยเฉพาะตลาดอนุพันธ์ เช่น ตลาด Futures Options ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leverage อย่างไรก็ตามไม่เพียงแค่ตลาดอนุพันธ์ที่ใช้ Leverage ยังมีตลาด Forex อีก ขณะที่ ตลาด Forex ไม่ได้มีเพียงค่าเงินเท่านั้น ตลาด Forex มีผลิตภัณฑ์ที่เทรดในตลาดอีกมากมาย

1 leverage คือ

ที่มาของภาพ

แนวคิดเกี่ยวกับ Leverage

การใช้ Leverage ในการลงทุน เพื่อเพิ่มอำนาจซื้อในการซื้อขาย ทำให้เงินเพียงน้อยนิดสามารถทำกำไรได้จำนวนมาก เพราะว่าสามารถซื้อได้มากขึ้น ยิ่ง Leverage สูงยิ่งทำให้สามารถซื้อได้จำนวนมากเขึ้น Leverage ของตลาด Forex มีหลายระดับและแต่ละระดับแตกต่างกัน

  • Leverage คือ สิ่งที่โบรกเกอร์เสนอให้กับเทรดเดอร์เพื่อเพิ่มความสามารถในการซื้อขาย
  • Leverage ยิ่งสูง ยิ่งทำให้ความสามารถในการเพิ่มกำไรสูงขึ้น
  • Leverage ยิ่งสูง ยิ่งเปิดออเดอร์ได้มากขึ้น โดยเงินลงทุนเท่าเดิม
  • Leverage ยิ่งสูง ยิ่งเปิดออเดอร์ด้วย Lot ที่สูงขึ้นได้
  • แต่ละโบรกเกอร์ได้เสนอ Leverage ให้กับเทรดเดอร์แตกต่างกัน
  • บัญชีประเภทต่าง ๆ มีการเสนอ Leverage ในระดับแตกต่างกัน
  • Leverage มี 1:30, 1:100, 1:200, 1:500, 1:1000, 1:2000 เป็นต้น
  • Leverage สูงสุดที่โบรกเกอร์เสนอให้กับเทรดเดอร์ คือ ไม่จำกัด

TIPs: ยิ่ง Leverage ยิ่งเยอะ การเปิดออเดอร์ยิ่งทำได้จำนวนมากยิ่งขึ้น เมื่อจำนวนที่สามารถเปิดได้มากขึ้น กำไรก็ยิ่งมากขึ้น ขณะเดียวกัน การขาดทุนก็จะมากขึ้นเช่นเดียวกัน

 

โบรกเกอร์ Forex ที่เสนอ Leverage สูงสุดคือ โบรกเกอร์ Exness ซึ่งให้ Leverage แบบ Unlimited แก่นักลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่เจอปัญหาเงินทุนไม่เพียงพอในการส่งคำสั่ง และทำให้ฝากขั้นต่ำของนักลงทุนสามารถทำกำไรได้แม้ใช้เงินเพียง 10 USD เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leverage

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leverage มีอะไรบ้าง การลงทุนประเภทใดบ้างที่ใช้ Leverage มีรายชื่อดังต่อไปนี้

  • Forex Spot
  • Forex Futures
  • Forex CFDs
  • Stock Futures
  • Stock Options
  • Cryptocurency CFDs
  • Commodity CFDs : ทองคำ น้ำมัน โลหะ อื่น ๆ
  • Binary Options : เช่น IQ option OLYMPTRADE

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leverage จะไม่สามารถเป็นเจ้าของสินค้าหรือบริการที่เราซื้อได้ ตัวอย่างเช่น ซื้อทองโดยใช้ CFDs เราจะไม่ได้รับทองคำจริง ๆ ซึ่งแตกต่างจากสัญญา Futures นักเทรดต้องศึกษารายละเอียดประเภทสัญญา CFD ให้ดี

Leverage 1:100 คืออะไร

บ่อยครั้งที่จะได้ยินคำถามว่า Leverage 1:100 หมายความว่าอะไร Leverage 1:100 หมายความว่า คุณสามารถใช้อำนาจซื้อจากเงินที่คุณมี 100 เท่า

ตัวอย่างการคิด

ถ้าหากว่า หุ้นตัวหนึ่ง ราคา 100 บาท และเรามีเงินลงทุน 10,000 บาทจะเห็นว่า เราจะซื้อหุ้นได้เท่ากับ

สูตรจำนวนหุ้นที่ซื้อได้ = เงินทุน / ราคาหุ้น = (10,000/100) = 100 หุ้น

ซึ่งจากตัวอย่างนี้เราจะซื้อหุ้นได้เพียง 100 หุ้นเท่านั้น แต่เมื่อโบรกเกอร์ให้อำนาจซื้อ หรือ Leverage 1:100 ก็หมายความว่า เราสามารถได้อำนาจซื้อเพิ่มขึ้น 100 เท่าของเงินที่เรามี

10,000 x 100 = 1,000,000 บาท

แต่ concept ของการใช้งาน Leverage จะไม่ได้เพิ่มตัวเลขในบัญชีของเรา แต่จะใช้หลักการลดทอนราคาของหุ้นที่เราจะซื้อลงแทน เรียกว่า ทำให้จำนวนเงินที่จะวางลดน้อยลง หรือเรียกว่า เป็นการคำนวณ Margin ที่จะต้องใช้ นั่นคือ เอาราคาหุ้น/Leverage ทำให้ ราคาสามารถซื้อได้ด้วยเงิน 10,000 เท่ากันกับการเพิ่มเงิน ดังการคำนวณต่อไปนี้

ราคาหุ้น/Leverage = 100/100 = 1 คือ Margin ที่ต้องใช้

 

ดังนั้น

 

เงิน 10,000 บาท ใช้ Leverage 100 เท่ากับ

 

10,000/1 = 10,000 หุ้น

 

เทียบเท่ากับ

 

เงินทุน x Leverage = 10,000 x 100 = 1,000,000

 

เงิน 1,000,000 ซื้อหุ้นราคา 100 ได้ดังนี้

 

1,000,000/100 = 10,000 หุ้น

 

สรุป จะเห็นว่าทั้ง 2 วิธีได้จำนวนหุ้นเท่านั้น นี่ก็คือหลักการเบื้องต้นสำหรับการใช้ Leverage เท่านั้น การคำนวณ Leverage ในตลาด Forex จริง ๆ จะซับซ้อนกว่านี้ เนื่องด้วยการนับจำนวนหุ้น ในตลาด Forex และตลาดหุ้นแตกต่างกัน โดยเราจะยกตัวอย่างในสูตรคำนวณต่อไป

Leverage กับ เงินลงทุน

การคิด Leverage มันคือ การหารด้วยจำนวนความสามารถในการซื้อขาย โดยการคิด Leverage จะสัมพันธ์กับเงินลงทุนของเรา ว่าเราจะใช้เงินเท่าไหร่ โดยการใช้ Leverage จะทำให้การใช้ค่าเงินต่อ Position แตกต่างกันไป ซึ่งจะปรากฏในโปรแกรม MT 4 โดย Leverage มีความสัมพันธ์กับ เงินลงทุน ดังนี้

ตัวอย่าง สมมุติ Bitcoin ราคา 20,000 USD ต่อ 1 BTC จะลงทุน Bitcoin ต้องใช้เงิน 2 หมื่น USD แต่ถ้าเราใช้ Leverage ในการลงทุน จะใช้เงินดังต่อไปนี้ตาม Leverage

Leverage

จำนวนเงินที่ใช้ BTC

ซื้อได้

1: 1

20,000 USD

1 BTC

1:10

2,000 USD

10 BTC

1: 100

200 USD

100 BTC

1: 1000

20 USD

1000 BTC

1: 10000

2 USD

10,000 BTC

 

 

 

ตาราง Leverage

จากตัวอย่างจะเห็นว่า ถ้าหากเรามีเงินในบัญชี หรือในพอร์ตลงทุน Forex แค่ 200 USD โดยไม่ใช้ Leverage เราจะไม่สามารถซื้อ Bitcoin ได้เลย แต่ว่าถ้าเราใช้ Leverage เราจะสามารถที่ 1:1000 ด้วยเงินแค่ 200 USD เราจะสามารถซื้อได้เลย โดยได้ถึง 1,000 BTC เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอก เมื่อราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับการส่งคำสั่ง ก็จะเกิดการ ล้างพอร์ต หรือ พอร์ตแตก ได้อย่างง่ายได้ สำหรับการใช้ Leverage สูง แต่ถ้าราคาเคลื่อนไหวไปอย่างที่เราคิด จะทำให้เราได้รับกำไรมหาศาล เมื่อเทียบกับเงินลงทุนอันน้อยนิดนั้น

การคำนวณ Leverage

 

ในตลาด Forex การใช้ Leverage จะเป็นตัวกำหนดว่า เราต้องวางเงินเท่าไหร่ หรือก็คือ Margin ที่ต้องใช้ในการเปิดออเดอร์ โดยยิ่ง Leverage สูง จำนวน Margin ที่ใช้ในการเปิดออเดอร์ยิ่งน้อยลง เราสามารถดูว่าการส่งคำสั่ง 1 ครั้งต่อ 1 ออเดอร์จะใช้ Leverage เท่าไหร่ได้จากโปรแกรม MT4 ดังภาพต่อไปนี้

2 การคำนวณ Leverage

MT4 Leverage

หรือถ้าหากว่า เราอยากทราบว่า การส่งคำสั่งแต่ละครั้งในการเทรด Forex คุณจะใช้ Leverage เท่าไหร่ ซึ่งแตกต่างกันไปตาม โบรกเกอร์ โดยโบรกเกอร์หลายราย รวมถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ มีบริการเครื่องคำนวณ Leverage อัตโนมัติให้กับเทรดเดอร์

การคำนวณ Lot โดยใช้ค่าเงินที่ใช้ของ Myfxbook

โปรแกรมคำนวณ Leverage อัตโนมัติ ที่นี่

3 การคำนวณ Leverage

Myfxbook.com

สูตรคำนวณ Leverage ด้วยมืออย่างง่าย

สำหรับการคำนวณ Leverage ในตลาด Forex ในตัวอย่างนี้จะเป็นการคำนวณตลาด Forex เพื่อที่จะหาว่า Margin ที่จะต้องใช้เท่าไหร่ เมื่อทราบว่า Margin ที่จะต้องใช้เท่าไหร่ ก็จะสามารถหาได้ว่า สามารถส่งคำสั่ง หรือ ซื้อขาย Forex ได้เท่าไหร่เป็นอย่างน้อย

ตัวอย่างการคำนวณ Leverage ค่าเงิน EURUSD

ในการเทรด Forex การคำนวน Leverage จะแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ Forex ที่ให้ Leverage สูงสุด คือ Exness ซึ่งให้ Leverage ไม่จำกัด แต่นั่นทำให้การคำนวณในตัวอย่างลำบาก เราจึงยกตัวอย่าง Leverage ของค่าเงินดังต่อไปนี้

สมมุติการคำนวณครั้งนี้ใช้ค่าเงิน EURUSD ซึ่งมีราคา 1.00363 หรือก็คือ 1 EUR สามารถแลกได้ 1.00363 ดอลล่าร์ สำหรับการเทรดค่าเงินนั้น จะเรียกแตกต่างจากตลาดหุ้น แทนที่จะเรียกเป็นจำนวน เหรียญ หรือหุ้นจะเรียกว่า Lot

มูลค่า 1 Lot จะเท่ากับ 100,000 หรือ ถ้าเทียบกับหุ้นก็คือ 1 แสนหุ้น ดังนั้นการจะซื้อ 1 Lot จึงเท่ากับซื้อ 100,000 ในบัญชี Standard

ถ้าหากเป็นแบบนี้ ถ้า EURUSD ราคา 1.00363 และจะซื้อประมาณ 100,000 นั่นเท่ากับว่า เงินจริง ที่จะต้องใช้เท่ากับ โดยที่ไม่ใช้ Leverage เลย

1.00363 x 100,000 เท่ากับใช้เงิน 100,363 USD

แล้วใครจะมันจะไปมีเงินขนาดนั้นไปเทรดจริงไหม?

เหตุผลที่โบรกเกอร์ให้ Leverage กับเรา

เมื่อต้องใช้เงินถึง 100,363 USD ใครจะกล้าเทรด โบรกเกอร์ก็ต้องเสนอ Leverage โดยใช้แนวคิดที่เราได้อธิบายข้างบนนี้ คือ การให้ Leverage คือการเพิ่มอำนาจซื้อให้เรา แต่แทนที่จะนำไปเพิ่มกับยอยด Balance ของเรา ก็ให้เอาไปหารกับราคาของค่าเงินแทน ดังนั้น กรณี EURUSD และให้ Leverage ตามระดับ จะได้ราคาเท่ากับ

พอได้มูลค่า Leverage 1:1 แล้ว เราก็จะสามารถปรับเพิ่มได้เพียงแค่ เอามูลค่าเต็ม ไปหารด้วย Leverage ด้วยสูตร

 = ราคาของสินทรัพย์ / จำนวน Leverage

 

คำตอบที่ได้ก็คือ Margin ที่จะใช้นั่นเอง

 

1:1 ใช้เงิน 100,363 USD

1:10 ใช้เงิน 10,036.3 USD

1:100 ใช้เงิน 1,003.63 USD

1:1000 ใช้เงิน 100.363 USD

ข้อสังเกตุที่ได้จะเห็นว่า 1:1000 ใช้เงินวางมาร์จิน เท่ากับ 100.36 เหรียญ แต่นั่นคือ 1 Lot นะ ถ้าหากว่า ส่งเทรดแค่ 0.01 Lot ก็จะเป็นตามนี้

1 Lot ใช้ Margin 100.36 USD

0.10 Lot ใช้ Margin 10.036 USD

0.01 Lot ใช้ Margin 1.003 USD

นี่คือที่มาของการคำนวณ Leverage ง่าย ๆ เพียงแต่ว่าตอนนี้มีเครื่องมือคำนวณ Leverage จำนวนมากที่เกิดขึ้น เราก็มีเครื่องมือคำนวณ Lot ให้ในเว็บไซต์ของเราที่คุณสามารถใช้ได้

สรุป

ข้อสรุปของการใช้ Leverage ในตลาด forex เป็นตลาดอนุพันธ์ หรือตลาดที่ใช้ Leverage จะมีความเสี่ยงสูงกว่า การเทรดโดยไม่ใช้ Leverage ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทรดในตลาดที่ใช้ Leverage ได้แก่พวก Forex หรือ Futures หรือ Option

  • คุณมีเงิน 100 USD อยากลงทุนเทรด Forex
  • โบรกเกอร์ เสนอ Leverage 1:1000 ให้กับคุณ
  • จากเงินลงทุน 100 USD เป็น 100,000 USD เพราะ Leverage
  • หมายความว่า คุณเทรด Forex ได้ด้วยเงิน 100,000 USD มากกว่าเงินฝาก 1000 เท่า
  • นั่นคือ โบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินไปเทรด นั่นเอง
  • คุณสามารถเปิดออเดอร์ได้มากขึ้น เพราะเงินลงทุนเยอะกว่าเดิม
  • มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น เพราะเปิดออเดอร์ได้เยอะกว่าเงินทุนที่มี