Sideway คืออะไร Sideway คือ การเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่ขึ้นและไม่ลง แกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แคบ ๆ จนเกิดเป็นแนวรับแนวต้าน Sideway อ่านว่า “ไซด์เวย์” เป็นการเคลื่อนไหวของตลาด และราคาของหลักทรัพย์ ประเภทหุ้น forex และคริปโต ซึ่งสามารถใช้ในการวิเคราะห์ Price Action ได้ “Sideway อาจจะเกิดได้กับทุกราคาในทุกตลาด เพราะมันคือการวิเคราะห์ราคารูปแบบหนึ่ง” อย่างไรก็ตาม Sideway ก็มีหลายแบบ นั่นคือมีทั้ง Sideway up และ Sideway down ซึ่งเป็น Sideway ที่เป็นเทรนด์ร่วมด้วย กราฟ Sideway เป็นกราฟที่เทรดค่อนข้างง่ายมากและคาดการได้ง่าย มี RR ที่ดีทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ชอบเทรดกราฟ Sideway ไม่ว่าจะใน Time Frame ใดก็เกิดกราฟ Sideway ได้ ในภาพจะเห็นว่า ราคาจะวิ่งอยู่ภายใต้กรอบที่เป็นเส้น นั่นคือแนวรับแนวต้านที่เกิดขึ้น [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Shaven Bottom คืออะไร? Shaven Bottom เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ไม่มีเงาล่าง (lower shadow) หรือมีเงาล่างที่สั้นมาก มีตัวแท่งเทียน (real body) ที่ชัดเจน อาจมีหรือไม่มีเงาบน (upper shadow) สามารถเป็นได้ทั้งแท่งเทียนสีขาว (bullish) หรือสีดำ (bearish) Shaven Bottom มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความเข้มแข็งในทิศทางของแท่งเทียนนั้น โดยแท่งเทียนสีขาวแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ในขณะที่แท่งเทียนสีดำแสดงถึงแรงขายที่รุนแรง วิธีใช้ Shaven Bottom ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Shaven Bottom มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Shaven Bottom เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Shaven Bottom มักมีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มหรือการกลับตัว วิเคราะห์ขนาดของแท่งเทียน: ยิ่งแท่งเทียนมีขนาดใหญ่ ยิ่งแสดงถึงความเข้มแข็งของแนวโน้มนั้น ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Tweezer Bottoms คืออะไร? Tweezer Bottoms เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งติดต่อกัน ทั้งสองแท่งมีจุดต่ำสุด (low) ที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก แท่งแรกมักเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) และแท่งที่สองมักเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง Tweezer Bottoms ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น (bullish reversal pattern) โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงหรือที่ระดับแนวรับสำคัญ วิธีใช้ Tweezer Bottoms ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Tweezer Bottoms มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน หรือที่ระดับแนวรับสำคัญ ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: ทั้งสองแท่งควรมีจุดต่ำสุดที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก แท่งแรกควรเป็นแท่งสีดำ และแท่งที่สองควรเป็นแท่งสีขาว (แต่ไม่จำเป็นเสมอไป) วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Tweezer Bottoms มีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ Tweezer Bottoms ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Expert Advisor (EA) เป็นโปรแกรมอัตโนมัติที่ปฏิวัติวงการเทรด Forex ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา บทความนี้จะอธิบายทุกแง่มุมของ EA ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการพัฒนาขั้นสูง เหมาะสำหรับทั้งนักเทรดมือใหม่และนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ EA คืออะไร และทำงานอย่างไร EA หรือ Expert Advisor คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์และเทรดในตลาด Forex โดยอัตโนมัติ EA ทำงานบนแพลตฟอร์มการเทรดเช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) โดยใช้ภาษาโปรแกรม MQL4 และ MQL5 ตามลำดับ กลไกการทำงานของ EA มีดังนี้: รับข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์ข้อมูลตามอัลกอริธึมที่กำหนด ตัดสินใจซื้อหรือขายตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ส่งคำสั่งซื้อขายไปยังโบรกเกอร์โดยอัตโนมัติ จัดการความเสี่ยงผ่านการตั้ง Stop Loss และ Take Profit ติดตามและปรับแต่งสถานะการเทรดตามสถานการณ์ ประเภทของ EA EA มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีกลยุทธ์และความเหมาะสมกับสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน: Trend Following [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Shark Bullish/Bearish คืออะไร? Shark Pattern เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่เป็นส่วนหนึ่งของ Harmonic Patterns ซึ่งถูกค้นพบโดย Scott Carney โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยห้าจุดสำคัญ: O, X, A, B, และ C ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการกำหนดจุดกลับตัวที่สำคัญ สามารถพบได้ทั้งในรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง) มีลักษณะคล้ายกับฉลามที่กำลังว่ายน้ำ Shark Bullish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง จุด C เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น Shark Bearish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น จุด C เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง ลักษณะสำคัญของ Shark Bullish/Bearish อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ: OX: การเคลื่อนไหวเริ่มต้น XA: 1.13 – 1.618 ของ OX [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Crab Bullish/Bearish คืออะไร? Crab Pattern เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่เป็นส่วนหนึ่งของ Harmonic Patterns ซึ่งถูกค้นพบโดย Scott Carney โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยห้าจุดสำคัญ: X, A, B, C, และ D ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการกำหนดจุดกลับตัวที่สำคัญ สามารถพบได้ทั้งในรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง) เป็นรูปแบบที่มีการขยายตัวมากที่สุดในบรรดา Harmonic Patterns ทั้งหมด Crab Bullish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น Crab Bearish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง ลักษณะสำคัญของ Crab Bullish/Bearish อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ: AB = 0.382 – [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Cypher Bullish/Bearish คืออะไร? Cypher Pattern เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่เป็นส่วนหนึ่งของ Harmonic Patterns ซึ่งถูกค้นพบโดย Darren Oglesbee โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยห้าจุดสำคัญ: X, A, B, C, และ D ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการกำหนดจุดกลับตัวที่สำคัญ สามารถพบได้ทั้งในรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง) มีความแตกต่างจาก Harmonic Patterns อื่นๆ ในเรื่องของอัตราส่วนที่ใช้ Cypher Bullish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น Cypher Bearish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง ลักษณะสำคัญของ Cypher Bullish/Bearish อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ: XA: การเคลื่อนไหวเริ่มต้น AB: 0.382 [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Bat Bullish/Bearish คืออะไร? Bat Pattern เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่เป็นส่วนหนึ่งของ Harmonic Patterns ซึ่งถูกค้นพบโดย Scott Carney ในปี 2001 โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยห้าจุดสำคัญ: X, A, B, C, และ D ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการกำหนดจุดกลับตัวที่สำคัญ สามารถพบได้ทั้งในรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง) ใช้ในการคาดการณ์จุดกลับตัวของราคาและโอกาสในการเทรด Bat Bullish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น Bat Bearish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง ลักษณะสำคัญของ Bat Bullish/Bearish อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ: AB = 0.382 – 0.50 ของ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Butterfly Bullish/Bearish คืออะไร? Butterfly เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่เป็นส่วนหนึ่งของ Harmonic Patterns ซึ่งใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการวิเคราะห์ โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยห้าจุดสำคัญ: X, A, B, C, และ D ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการกำหนดจุดกลับตัวที่สำคัญ สามารถพบได้ทั้งในรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง) ใช้ในการคาดการณ์จุดกลับตัวของราคาและโอกาสในการเทรด Butterfly Bullish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น Butterfly Bearish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง ลักษณะสำคัญของ Butterfly Bullish/Bearish อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ: AB = 0.786 ของ XA BC = 0.382 – [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Gartley Bullish/Bearish คืออะไร? Gartley เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่ถูกคิดค้นโดย H.M. Gartley ในปี 1935 และได้รับการพัฒนาต่อโดย Scott Carney ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบ Harmonic Pattern ที่ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการวิเคราะห์ โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยห้าจุดสำคัญ: X, A, B, C, และ D ใช้อัตราส่วน Fibonacci ในการกำหนดจุดกลับตัวที่สำคัญ สามารถพบได้ทั้งในรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง) ใช้ในการคาดการณ์จุดกลับตัวของราคาและโอกาสในการเทรด Gartley Bullish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น Gartley Bearish เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น จุด D เป็นจุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัวลง ลักษณะสำคัญของ Gartley Bullish/Bearish อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ: AB [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]