ภาษีคริปโต ทั้ง binance Bitkub เสียอย่างไร สรรพากรคิดอย่างไร

1 ภาษีคริปโต ทั้ง Binance Bitkub เสียอย่างไรภาษีคริปโต เป็นที่พูดถึงกันมากว่า มีขั้นตอนการเสียอย่างไร และคิดกกันอย่างไร สำหรับภาษีคริปโตนั้น เป็นตัวกฏหมายที่มีการบัญญัติขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ภายหลังการขึ้นครั้งใหญ่ของ Bitcoin ปี พ.ศ. 2018 ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการบัญญัติภาษีเงินได้ที่ได้มาจากการซื้อขาย Cryptocurrency ขึ้นมา อย่างไรก็ตามแม้กระทั้งในปี ค.ศ. 2021 ก็ยังไม่มีการบังคับใช้ให้เกิดการเสียภาษีขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะว่า ข้อจำกัดด้านการปฏิบัติงาน ซึ่งจะต้องเป็นแบบให้ผู้มีเงินได้มายื่นเสียภาษีเอง การดำเนินการดังกล่าวถ้าหากไม่มีคนมายื่นก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้

อย่างไรก็ตามภายหลังการที่ Bitkub ซึ่งถูกซื้อหุ้นโดยธนาคารไทยพาณิชย์ นั้นได้มีประเด็นฮือฮาถึงเรื่องการหัก ณ ที่จ่ายภาษีขึ้นมาอีกครั้ง

จากประเด็นดังกล่าวจึงมีการพูดถึงมากขึ้นอีกครั้ง ว่าจะต้องเสียยังไง เสียเท่าไหร่ คิดจากอะไร พร้อมมีประเด็นเรื่องความโปร่งใสในการนำเงินภาษีไปใช้ ในวันนี้ Forexduck จึงมาอธิบายว่า แล้วจะต้องคิดอย่างไร

การคิดภาษีคริปโต คิดอย่างไร

2 การคิดภาษีคริปโต คิดอย่างไร

สำหรับภาษี Crypto currency นั้นจะคิดที่ 15 % ของเงินได้ ก็คือ กำไรจากการขายคริปโต หรือรายได้ที่เกิดจากการขายคริปโตนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม รายได้จากคริปโตมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกัน เรามาดูกันก่อนว่า รายได้ที่ต้องเสียภาษีคริปโตมีอะไรกันบ้างค่ะ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจะต้องเสียภาษีอย่างไรกันดังต่อไปนี้

  • กำไรจากส่วนต่างราคา นั่นคือ กำไรจากการซื้อขายคริปโต ตัวอย่างเช่น ซื้อมาใช้เงินทุน 10,000 บาทและขายได้ 50,000 บาท เท่ากับว่า กำไร 40,000 บาท ให้นำเฉพาะกำไรนั้นไปคิดภาษี 15 % นั่นคือ 6,000 บาทนำไปเสียภาษีนั่นเอง
  • กำไรจากดอกเบี้ย ปันผล และส่วนแบ่งต่าง ๆ ซึ่งประเภทต่าง ๆ เหล่านี้จะรวมตั้งแต่ ปันผล หรือว่าดอกเบี้ย หรือเงินรีวอร์ด ต่าง ๆ ที่ได้จากคริปโตและไม่ได้มีการลงทุน แต่ได้เป็นผลตอบแทนแบ่งปันมาให้ จะนำมาคิดภาษีเต็มจำนวน คือ 15 % ของเงินส่วนแบ่ง นั้น โดยที่ไม่สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายได้ด้วย
  • กำไรจากการขุด กำไรจากการขุดก็เช่นกัน แต่ต้องมีการยืนยันค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เช่น ต้นทุนค่าเหมืองขุด ต้นทุน ดังนั้น เราต้องมีการเก็บเอกสาร เช่น ค่าซื้อการ์ดจอ ซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประกอบเครื่องขุด ต้องมีการเก็บใบเสร็จไว้ เพื่อประกอบการเป็นหลักฐานของการเสียภาษี เผื่อสรรพากรเรียกเก็บไว้แสดงเป็นหลักฐาน

จริง ๆ แล้วมันยังมีอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Swap เหรียญ หรือการทำ Staking หรือแม้แต่ Masternode ของเหล่านี้ต้องใช้ต้นทุน และมีกำไรมีผลตอบแทนทั้งสิ้น จึงทำให้เกิดรายได้แน่นอน และแน่นอนว่า ทุกรายได้ที่เกิดขึ้นต้องเสียภาษี คำถามคือ แล้วจะเสียอย่างไร คิดอย่างไร ก็เอาง่าย ๆ ว่า คิดจากกำไร ไม่ได้คิดจากยอดขายอย่างที่หลายคนเข้าใจ

ใครเป็นคนหักภาษีให้เรา หัก ณ ที่จ่ายคริปโต

3 ใครเป็นคนหักภาษีให้เรา หัก ณ ที่จ่ายคริปโต

ทีนี้ถ้าหากว่าเราอยากจะจ่ายภาษี แล้วมีคำถามว่า แล้วจะจ่ายอย่างไร ใครเป็นคนหักให้เรา หรือว่าใครจะเป็นคนดำเนินการให้เรา ก็ต้องบอกว่า คนที่รับซื้อของเราตอนที่เราขายออกมาเป็นเงินบาท มีหน้าที่หัก ณ ที่จ่ายให้เรา พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าหากคุณซื้อขายกับ Bitkub หรือ Binance เขานั่นแหละมีหน้าที่ทำตามกฏหมายไทย หักเงิน 15 % ของกำไร ย้ำนะคะว่า ของกำไร ส่งให้กับสรรพากร

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ในปี 2021 ปัจจุบัน Bitkub ได้ออกมาชี้แจงว่ายังทำไม่ได้เพราะว่า ไม่สามารถทราบได้ว่า จะคิดตต้นทุนอย่างไร จึงทำให้ไม่ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้แต่อย่างใด โดยมีหลักฐานจาก bitkub ดังนี้

สาเหตุที่ทำได้ยาก ก็เพราะว่า จากการโอนเข้าโอนออก เช่น สมมุติผมโอนเงินให้คนอื่น ไปที่ Exchange อย่างเช่น Binance ก็จะพบว่า Binance ไม่ได้อยู่ภายใต้กฏหมายไทย ทำให้ไม่ทราบว่า จริง ๆ แล้วคนที่โอนเข้ามามีต้นทุนการซื้อขายเท่าไหร่ จึงทำให้ข้อกฏหมายที่ว่ามาปฏิบัติได้ลำบาก และไม่มีความรอบคอบในการปฏิบัติ จึงยังต้องพึ่งพากฏหมายลูกอีกหลายฉบับ นอกจากนี้ แนวทางปฏิบัติมันยังทำได้ยากอย่างชัดเจน

แล้วมันจะมีวิธีที่จะไม่เสียภาษีไหม?

ก็ต้องบอกว่ามีหลายวิธีมากสำหรับการที่จะไม่ต้องเสียภาษีคริปโต ถ้าหากมีการบีบให้เสียภาษี รับรองได้ว่าจะมีตลาดมืดเกิดขึ้นมาที่ไม่ผ่าน Bitkub หรือ ตลาดอื่น ๆ ที่ต้องรายงานกับภาครัฐ เพราะตลาดคริปโต เติบโตมาจากตลาดมืด ซึ่งมันทำให้มันคือคุณสมบัติที่แท้จริงของคริปโต และยังคงคุณสมบัตินั้นอยู่ โดยที่วิธีที่จะไม่สามารถตรวจสอบภาษีได้เลย นั้นเราจะทำการยกตัวอย่างไว้เป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้

  • โอนเข้าเว็บเทรดอย่าง Forex เช่น โบรกเกอร์ Exness
  • เทรดกับเว็บ Exchange อื่น ๆ อย่าง Huabi หรือ Exchange ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐไทยอื่น ๆ ซึ่งไม่สามารถติดตามได้
  • ตลาดมืด เช่น คนที่รับซื้อ Crypto ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ กลต. แบบ Bitkub Binance ซึ้่งสามารถทำได้
  • โอนแลกเงินกันโดยตรง ที่เรียกว่า P2P ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้เลย

พูดง่าย ๆ ว่า ณ ปัจจุบันถ้าหากใช้ 4 วิธีดังกล่าว ก็ไม่สามารถที่จะจับต้องอะไรได้เลยว่าจะต้องกังวลว่าจะโดนภาษี เพราะว่ามีช่องทางจำนวนมากที่สามารถหลบเลี่ยงได้ เพราะมันมีช่องโหว่เต็มไปหมด ในการทำงานจริง